อยากตายแบบไหน
(เลือกได้ มีสามแบบ)
การตายมีสาม มีนามดังนี้
หนึ่ง ตายหลังตาย ขาดสติ มีแต่ไปอบาย
สอง ตายขณะตาย มีสติ มีบุญอุ้มชูไว้
และสาม ตายก่อนตาย มีมหาสติ ไปดุสิตบุรีเทวโลก
ตายหลังตาย ไม่รู้ว่าตนตาย
เดินปะปนไป ก็ไม่มีใครสน
จะส่งสัญญาณอะไร ก็ไม่ได้ยินยล
สุดท้าย มองเห็นร่างตน คนมุงดู จึงรู้ว่าตนตายแล้ว
ตายหลังตาย ถ้ากรรมหนัก จักไปสู่อบายทันที
ยังงงงวยเหลือที่ ว่าตัวนี้ มาที่นี่ได้อย่างไร
หรือ เหมือนกับนอนหลับ สติดับ แล้วฝันไป
คนส่วนใหญ่ จะตายหลังตายทั้งนั้น
ตายหลังตาย นิมิตรร้าย จะมาฉายให้เห็น
เป็นกรรมเวร ที่หนัก ปักแน่นในใจ
หรือเป็นอจิณณกรรม ที่ทำบ่อยๆไว้
สติสลาย กรรมวิบาก ลากลงนรกอเวจี
ตายหลังตาย เจ็บปวดหลาย ตอนสายชีวิตจะขาด
พระจึงว่า ผู้ประมาท ความตายเป็นทุกข์
และคนเกือบทั้งหมด ที่มัวเพลินสนุก
ล้วนเป็นทุกข์..ตอนตาย แต่เมื่อเกิดใหม่ลืมสิ้น
ตายหลังตาย คือผู้ที่หลงอยู่ใน กระแสกรรมวิบาก
ไม่รู้จักมุ่งมั่น แสวงบุญสร้างบารมี
หากินไปวันๆ กินนอนถ่ายสืบพันธุ์ เท่านี้
ไม่ตั้งใจฝึกสติ ไม่มุ่งมั่น ทานศีลภาวนา
ตายขณะตาย ตั้งสติได้ นึกถึงพระพุทธคุณ
บุญค้ำจุน โอบอุ้ม คุ้มครอง
มีศุภนิมิตร วิจิตร อร่องฉ่อง
เทวดาทั้งผอง ยิ้มย่อง ต้อนรับ
ฝึกตายก่อนตาย ใช่ คือการสวดมนต์ไหว้พระ
นั่งสมาธิเจริญภาวนา นั่นหละ เป็นยอด
เป็นกิจกรณีย์ ของชีวี ตลอด
เมื่อจะม้วยมอด มีสติตลอด กล้าหาญ ไม่หวั่นมรณะภัย
ตายก่อนตาย รู้วันตาย จึงถอดกาย ไปก่อน
ไม่เดือดร้อน ถอดกายได้ คล้ายนักรบมีชัย ในสงคราม
ออกจากเมือง ที่เพิ่งตีได้ ไปอย่างสง่างาม
นั่นคือบรรลุธรรม อำไพ เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
;;;;;;;;;;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น