วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

ลมหายใจ (ลมหาย เมื่อใจหยุด) แปลกน๊ะ ทำไมเรียกกันว่า ลมหายใจ ก็เมื่อลมหายไป เมื่อใจหยุดนิ่ง เมื่อเรามีสติ ระลึกรู้ ได้จริงๆ ลืมทุกสิ่งภายนอก ที่หลอกเรา

 ลมหายใจ
(ลมหาย เมื่อใจหยุด)


แปลกน๊ะ ทำไมเรียกกันว่า ลมหายใจ
ก็ด้วยลมหายไป เมื่อใจหยุดนิ่ง
เมื่อเรามีสติ ระลึกรู้ ได้จริงๆ
ลืมทุกสิ่งภายนอก ที่หลอกเรา

มีสติสัมปชัญญะ ใจจะหยุดนิ่ง
เอิบอิ่มยิ่ง อิ่มอกอิ่มใจ
ลมหายใจหยุด สุดแสนสบาย
ใจไม่กระวนกระวาย หมดทุกข์ร้อน

คนทั้งหลาย วิ่งกันขวักไขว่ หาความสุข
คิดว่าตนเองหาถูก สะสมทรัพย์
หลงกลมาร เมื่อรู้ทัน ก็จะแตกดับ
เสียเวลาไปกับ การหาเงิน

สุขแท้ๆ อยู่สุดใกล้ อยู่ในตน
ทุกคน ไม่คิดเฉลียว เที่ยวหาภายนอก
พระรัตนตรัยเป็นอัตตา ขอบอก
ส่วนภายนอก อนัตตาทั้งนั้น

แต่ด้วยตัณหาอุปาทาน มารมันแกล้ง
ปลอมแปลง ได้สนิท จึงหลงมัน
ยิ่งกว่าหนังสามมิติ ยากจะรู้ทัน
สรรพสัตว์ ทุกข์มหันต์ สังสารวัฏฏ์

ยังมีศูนย์กลางกาย ใช่ ต้องผ่าน 
มิฉนั้น อย่าหวังเข้าถึง
ใช้ชีวิตสันโดษสมถะเท่านั้น จึง
จะถึง..สุขสมแท้ และสมปราถนา

คนดี คือคนมีสติ มิหลงโลก
ไม่ตลก ต้องฝึกตน บำเพ็ญตะบะ
เป็นพระดีที่สุด สันโดษสมถะ
ฝึกสติสัมปชัญญะ อย่างอิสระเสรี

;;;;;;;;;;

ปราชญ์แท้ (แน่แน่คมในฝัก) ปราชญ์ ไม่อวดฉลาด แต่ประหยัดคำ ไม่พูดพร่าม เป็นน้ำไหลไฟดับ พูดด้วยจิตเมตตา พูดช้ากระชับ คนสดับ คล้ายกับ ถูกสะกด

ปราชญ์แท้
(แน่แน่คมในฝัก) 

ปราชญ์ ไม่อวดฉลาด แต่ประหยัดคำ
ไม่พูดพร่าม เป็นน้ำไหลไฟดับ
พูดด้วยจิตเมตตา พูดช้ากระชับ
คนสดับ คล้ายกับ ถูกสะกด

ผู้มีจิตเมตตา มีวาจา อ่อนโยน
เป็นคน มีรักแท้ แก่สรรพสัตว์
มอบให้กับทุกชีวิต ไม่ขาด
ทั้งโลกและสรรพสัตว์ อยู่เย็น

เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
ดับทุกข์ดับโศก ให้ชาวโลกทั้งผอง
เกิดความรู้สึก รักใคร่กัน ฉันพี่น้อง
สามัคคีปรองดอง เป็นหนึ่งเดียว

ปราชญ์วิปริต จิตฟั่นเฟือน
ปากขยับเขยื้อน ขยัน วิจารณ์คนอื่น
ด้วยใจไม่เป็นสุข ไม่ชื่น
 พาสังคมแตกตื่น ขาดสามัคคี

ปราชญ์แท้ ได้แก่ผู้คมในฝัก
งามยิ่งนัก งามศีลาจารวัตร
มีหมู่คณะ ก็งดงาม มารยาท
สถานที่ สะอาด สว่าง สงบ

สร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ
มีปณิธานกล้า ทำพระนิพพานให้แจ้ง
 สร้างบารมี เต็มที่ บุญแสวง
เป็นแหล่ง..พระนิพพาน ในเมืองมนุษย์

ปราชญ์แท้ ได้แก่ ธรรมกาย
รู้แจ้ง ทั้งภายนอกภายใน ทุกสิ่งอย่าง
พระรัตนตรัยในตัว มารกลัวจัง
จึงปิดบัง ยากหลาย ใครจะศรัทธา

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

ปัญญาสอดส่อง (คอยระแวงระวัง) พีงระแวง สิ่งที่ควรระแวง รู้แจ้ง ถึงแหล่ง ที่จะเกิด มีปัญญา สอดส่อง ต้องอเลิท ผู้ประเสริฐ จึงเจริญสติ เป็นประจำ

 ปัญญาสอดส่อง
(คอยระแวงระวัง)


พีงระแวง สิ่งที่ควรระแวง
รู้แจ้ง ถึงแหล่ง ที่จะเกิด
มีปัญญา สอดส่อง ต้องอเลิท
ผู้ประเสริฐ จึงเจริญสติ เป็นประจำ

ผู้ประมาท คือผู้ขาด การระแวง
ทำลายแหล่ง ของปัญญา คือสติ
ดื่มสุรา ใฝ่หาอบายมุข สนุกเต็มที่
แสลงดี หมั่นไส้ คนไปวัด

ผู้ประมาทสุดสุด ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า
จึงไม่ยอมเข้า..วัด ปฎิบัติธรรม
มัวเมาตัณหา หากินเช้าจดค่ำ
สุดระกำ หลังตาย ไปสู่อบายภูมิ

มิจฉาทิฏฐินี้ มีกรรมหนักสุดสุด
 องค์พระพุทธฯ ถูกเทวทัตทำร้าย
ไปสู่นรกอเวจี นับกาลไม่ได้
เป็นกรรมใหญ่ หนักที่สุด

เป็นหน้าที่ของคนดี สร้างบารมีช่วยญาติ
ตอนนี้เรายังไม่อาจ ต้องเร่งรัดต่อไป
ศัตรูของเราแท้ ได้แก่มาร อันตราย
สู้กับมารภายใน คือหยุดใจให้สำเร็จ

สันโดดสมถะ ตัณหาหลุด หยุดใจได้
ใจเป็นไทย เป็นอิสระ จากมาร
ใจสว่างไสว ไม่มืดมนอนธการ
ใจปีติเบิกบาน เป็นสุข

ฝึกตนเป็นประจำ ทำพระนิพพานให้แจ้ง
เข้าถึงแหล่ง พระรัตนตรัยในตัว
มีลักษณะมหาบุรุษ สว่างไสว ไม่มืดมัว
รู้แจ้ง รู้ทั่ว มารกลัวอานุภาพ

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565

อิสระเสรี (ด้วยขันติความอดทน) อยู่ใต้อำนาจคนอื่น ย่อมขมขื่น เป็นทุกข์ ทุกคนรักสนุก ถูกใจ มีอิสระ คนทั้งหลาย ใฝ่หา ให้ได้มา แต่ยิ่งหา ก็ยิ่งห่าง ถึงทางตัน

 อิสระเสรี
(ด้วยขันติความอดทน)


อยู่ใต้อำนาจคนอื่น ย่อมขมขื่น เป็นทุกข์
ทุกคนรักสนุก ถูกใจ มีอิสระ
คนทั้งหลาย ใฝ่หา ให้ได้มา
แต่ยิ่งหา ก็ยิ่งห่าง ถึงทางตัน

ทางพระท่าน นั้นบอกว่า
ความเป็นอิสระ ภายนอกนั้นไม่มี
กฎแห่งกรรม เข้าครอบงำ ทุกชีวี
ไม่อาจหนี กรรมวิบาก

มีคุณธรรมขันติ จึงจะมีอิสระ
ขันติ เป็นเหมือนว่า เกราะวิเศษ
ภัยใดๆไม่อาจเข้าใกล้ เขต
ด้วยอานุภาพ คุณวิเศษ ของขันติ

มีความอดทนอดกลั้น นั้นคือ ได้บารมี
ใช้ปราบพาลี พาลภัย
เก่งแสนเก่ง แต่ยอมแพ้ใจ
ศัตรูร้าย เปลี่ยนใจ กลับกลาย
เป็นมิตร

ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
เป็นความหมาย ของอดทน
ไม่สู้ คือ ไม่ว่าร้าย ไม่ทำร้าย ไม่บ่น
ไม่หนีไปให้พ้น ทนทำดีเรื่อยไป 

การทำดี ถ้าเราหนี มันก็ไม่ได้ทำ
เหมือนการไปวัดประจำ ไม่ขาด
การกระทบกระทั่ง มีเป็นธรรมชาติ
ใครอึดอัด ต้องอดกลั้น ขยันต่อไป

จากร้ายกลายเป็นดี ได้บารมีใหญ่
เหมือนคุณยายฯ เข้าวัดปากน้ำ
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป ไม่ตกต่ำ
ได้บารมีค้ำ เป็นอิสระ ผ่าทางตัน

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565

พุทธศาสนา (รักษาชาติประชาชน) ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม นำประเทศ ย่อมวิเศษ ประเทศชาติเป็นสุข น่าประหลาด ประชาชาติพ้นทุกข์ มีกินมีใช้ แสนสุข ดังสวรรค์

 พุทธศาสนา
(รักษาชาติประชาชน)


ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม นำประเทศ
ย่อมวิเศษ ประเทศชาติเป็นสุข
น่าประหลาด ประชาชาติพ้นทุกข์
มีกินมีใช้ แสนสุข ดังสวรรค์


ผู้นำยุติธรรม นำพลังสามัคคี
ประชาชี ร่วมใจ รักใคร่ ปรองดอง
ไพร่ฟ้าหน้าใส รักใคร่กัน ปานพี่น้อง
ฟ้าหายหม่นหมอง แสงสีทอง ปรากฎ

ความยุติธรรม นั้นหรือ ก็คืออุเบกขา
ไม่ธรรมดา ปล่อยวางตัณหาได้
ใจสว่าง กระจ่าง ดังอาทิตย์อุทัย
มีอานุภาพใหญ่ ของจักรพรรดิ์

อุเบกขา ปราบมาร คนพาลหนีหาย
ภัยใดใด ไม่กล้า เข้ามาใกล้ 
อานุภาพบารมี ของไท้
เทวดา ยังกราบไหว้ บูชา

ตรงข้าม ถ้าความอยุติธรรมปรากฎ
ความมืดย่อมบังบด ความสว่าง
บ้านเมือง จะเต็มไปด้วยเปรต ผีสาง
ทุกข์ประดัง ประชารันทด หมดที่พึ่ง

ศาสนาพุทธ สุดวิเศษ แก้อาเพทได้
สวดธัมมจักร ยิ่งใหญ่ แก้อาถรรพ์
หมู่เปรต คนพาล ถึงกาล
อวสาน แพ้ภัยตน

พุทธศาสนา นั่นหละ คือเสาค้ำเมือง
ชีวิตเป็นเรื่อง ของบุญกับบาป
ใจนิ่งใจหยุด ที่สุดของบุญ ควรทราบ
ทานศีลภาวนา กำกับ ทางสายกลาง

;;;;;;;;;;

ปฏิรูปเทศ (สถานที่วิเศษของชีวิต) ชีวิตที่ดี มีที่ไหน พึงไปที่นั่น อย่าดักดาน เท่ากับการฆ่าตน อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม เป็นมงคล ต้องดิ้นรน อย่าทนอยู่

 ปฏิรูปเทศ
(สถานที่วิเศษของชีวิต)


ชีวิตที่ดี มีที่ไหน พึงไปที่นั่น
ดักดาน เท่ากับการฆ่าตน
อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม เป็นมงคล
 ต้องดิ้นรน อย่าทนอยู่

ควรไปอยู่ในที่ มีการสั่งสมบุญวาสนาได้
สิ่งแวดล้อมไม่เลวร้าย เป็นมงคล
มีลูกมีหลาน จะได้ไม่ซุกซน
อยู่ในที่อัปมงคล เท่ากับว่า ฆ่าลูกหลาน

มีบุญมาก ถ้าหากได้เกิดในที่มงคล
อันเป็นผล ของการเข้าวัด ปฏิบัติธรรม
คบหากัลยาณมิตร จิตชื่นฉ่ำ
ศรัทธาล้ำ ทำพระนิพพานให้แจ้ง

ปฏิรูปเทศ เป็นเขต ผู้มีบุญ
เกิดมาก็คุ้น กับการทำบุญ โดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องเคี่ยวเข็น เป็นไปเอง ธรรมชาติ
สุขสมปราถ..นา ได้มาง่ายๆ

การเข้าวัดปฏิบัติธรรม จึงสำคัญ
เป็นอุดมภ์การ งานชีวิต
แสวงบุญสร้างบารมี กรณียกิจ
มีชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง 

สร้างบารมี เป็นเสบียงเลี้ยงชีวิตในวัฏฏะ
และมนุษย์ เท่านั้นหละ ทำได้
ชีวิตมนุษย์ ปานฟองน้ำฝน ท่านเปรียบไว้
แสนสั้นหลาย เทียบไม่ได้ ในปรโลก

ทำพระนิพพานให้แจ้ง แหล่งอมตะ
ยอดปราถนา ของเทวาและมนุษย์
หนีกิเลสตัณหา หนีวัฏฏะ เป็นที่สุด
เป็นอุดมภ์การ ของมนุษย์ ทุกชีวิต

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2565

โลกโลกีย์ (เป็นเวทีละคร) ความอุบัติแห่งผล ตนย่อมกระทำ กฎแห่งกรรม เที่ยงแท้ ไม่มีเว้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นี้ช่างเป็น แต่ปัจจุบันยังไม่เห็น คนเวรจึงประมาท

 โลกโลกีย์
(เป็นเวทีละคร)


ความอุบัติแห่งผล ตนย่อมกระทำ
กฎแห่งกรรม เที่ยงแท้ ไม่มีเว้น
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นี้ช่างเป็น
แต่ปัจจุบันยังไม่เห็น คนเวรจึงประมาท

ชีวิตสรรพสัตว์ เวียนว่าย ในวัฏสงสาร
หรือคุกประหาร ยาวนาน นับการไม่ได้
  ตายเกิดๆ นับไม่ไหว
เสียน้ำตามากมาย กว่าน้ำมหาสมุทร

วิบากกรรม ตามติดส่งผลในปัจจุบัน
ที่สำคัญ ไม่หมดในชาติเดียว
ทำกรรมนิดๆ แต่วิบากสุดเขี้ยว
ไม่ใช่เพียงชาติเดียว อจินไตย

ในชีวิตปัจจุบัน วิบากรุมส่งผล
อันไหนก่อนหลัง สุดที่คน..จะรู้
เป็นเหมือนส่งบทละคร ยอกย้อนน่าดู
คิดพูดทำ ตามครู กรรมวิบาก

โลกโลกีย์ เป็นเวทีละคร
องค์พระพุทธฯ ท่านสอน ให้อดทน
รักษาจิต สันโดษสมถะ คือสาธุชน
ประหยัดสุด ประโยชน์สูง เป็นคน บำเพ็ญทาน

หลังตาย จึงจะรู้สึกได้ ว่าเล่นละคร
ใครรู้สึกได้ก่อน มีบุญหลาย
คนเข้าวัด ไม่ขาด นั่นแหละใช่
ดูคล้ายๆ คนประหลาด ในสังคม

เรื่องชีวิต สุดที่คนจะคิดได้เอง
ต้องเก่งแสนเก่ง คือพระพุทธองค์
คนดีมีศรัทธา สูงส่ง
เดินตามพระองค์ ทางสายกลาง

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

พระรัตนตรัยเป็นอัตตา (สุขสมปราถนาจึงมีได้) โภคะของใคร ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี เพียงคิดเอาเท่านี้ ย่อมมีไม่ได้ จะต้องมีบุญบารมี ที่ยิ่งใหญ่ เข้าถึงพระรัตนตรัย ที่เป็นอัตตา

 พระรัตนตรัยเป็นอัตตา
(สุขสมปราถนาจึงมีได้)


โภคะของใคร ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี
 เพียงคิดเอาเท่านี้ ย่อมมีไม่ได้
จะต้องมีบุญบารมี ที่ยิ่งใหญ่
เข้าถึงพระรัตนตรัย ที่เป็นอัตตา

คนทั้งหลาย ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์
เป็นกฎหลัก ของชีวิต
มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ลิขิต
มีชีวิต เหมือนเล่นละคร

อนัตตา คือว่า มันไม่เป็นไปตามจิต
จะคิดอย่างไร มันไม่เป็นตามใจเรา
มันเป็นของมันเอง แล้วแต่กรรมเก่า
ที่เราทำไว้ ในอดีต

กรรมวิบาก ไหลมาจากอดีต
ควบคุม ความคิด คำพูด การกระทำ
เป็นเหมือนบทละคร ที่เราท่องจำ
แล้วก็ร้องรำ ไปตามบท

สิ่งที่มีที่ได้ที่เป็น ที่เห็น มันไม่จริง
แปลกอย่างยิ่ง ทุกสิ่งหายสูญ หลังตาย
เหลือแต่บุญกับบาป ลองคิดดูให้เข้าใจ
เหมือนเล่นละคร เสร็จใหม่ๆ กลายเป็นคนเดิม

พระพุทธศาสนา รู้เช่นเห็นชาติ
จึงออกประกาศ พระศาสนา
สรรพสัตว์ มีอันตราย จากมารา
ใช้กิเลสตัณหา พาไปอบายภูมิ

หลอกให้เล่นละครได้ อย่างไม่รู้สึก
เมื่อนึกได้ ตอนตาย ก็สายแล้ว
ไม่ได้แสวงบุญสร้างบารมี อันเป็นแก้ว
เป็นอัตตา พาคลาดแคล้ว บ่วงมาร

;;;;;;;;;;