วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563

รักษาใจ (กุญแจไขชีวิต) :: สิ่งที่ควรรักษาที่สุด ของมนุษย์ คือใจ ด้วยใจเรานั้นไซร้ เป็นธาตุสำเร็จ ใจเป็นต้น เป็นเหตุ จะทุกข์ยากเข็ญ หรือสุขสำเร็จ ต้นเหตุอยู่ที่ใจ

รักษาใจ
(กุญแจไขชีวิต)
สิ่งที่ควรรักษาที่สุด ของมนุษย์ คือใจ
ด้วยใจเรานั้นไซร้ เป็นธาตุสำเร็จ
ใจเป็นต้น เป็นเหตุ
 จะทุกข์ยากเข็ญ หรือสุขสำเร็จ ต้นเหตุอยู่ที่ใจ
โลกเรานั้นประหลาด มีธรรมชาติ ไม่เหมือนภพภูมิอื่นๆ
มีกระแสธรรมภิรมย์รื่น กับกระแสหื่นกามรมย์ ของโลก
ในกระแสโลก กรรมวิบากซัดสาด น่าตระหนก
 เพลินหลงเหยื่อโลก ซกมก เหมือนแมงเม่า
ผู้อยู่ในร่มธรรม มีศรัทธานำ เดินทางสายกลาง
กรรมวิบากมีบ้าง เบาบางลง
ถ้าเป็นผลกรรมดี รับเต็มที่ มีสติ มิมีหลง
มีกำลังใจเสริมส่ง ทำดียิ่งๆขึ้น
ผู้อยู่ในกระแสธรรมนี้เอง ที่เป็นคนเก่ง นักสร้างบารมี
ได้โอกาศเต็มที่ มีเนื้อนาบุญ
ถ้าเป็นพระ เผยแผ่ศาสนา ชาวประชาอบอุ่น
เป็นเนื้อนาบุญ ดับทุกข์ สร้างสุข ให้สรรพสัตว์
รักษาใจ ให้อยู่ในกระแสพระนิพพาน
เพียงเท่านี้เท่านั้น ทุกอย่างพลัน สำเร็จ
ตามทางสายกลาง ผ่านศูนย์กลางกาย กลเม็ด
เป็นเคล็ด ของวิชชา ว่าถูกต้อง
อยู่ในโลก ต้องรู้ ว่าอยู่ในกระแสธรรม
มีสุขล้ำ สมมาดปราถนา
อย่าอยู่ในกระแสกิเลส โลกา
กระแสกามา เป็นปลาอยู่ในน้ำ
กระแสธรรม อยู่บนเส้นทางสายกลาง ห่างอกุศล
เริ่มต้น เป็นคน ไม่ตระหนี่
หาทรัพย์ได้ กินใช้แต่พอดี
เหลือนอกจากนี้ ใช้คลายความตระหนี่ ถี่เหนียว
คนตระหนี่ เป็นคนที่ เหมือนภาชนะปากแคบ
ตัวโตใหญ่ แสบ ปากแคบ เท่ารูเข็ม
ยังไม่ทันตาย เหมือนเปรตได้ คนเค็ม
เติมเท่าใดก็ไม่เต็ม ขี้โลภ
อยู่ในกระแสธรรมได้ ไม่ขี้โกรธ
ไม่เพ่งโทษ อดโกรธได้
ไม่เป็นภาชนะ ก้นรั่ว ปากระรัวไหว
 ความดี ที่อุตส่าห์ทำไว้ หนีหายหมด
อยู่ในกระแสธรรม ไม่ทำตัวต่ำ หลงไหลมัวเมา
เหมือนแมงเม่า ชอบเล่นแสงไฟ
หรือปลาหลงหยื่อ มัวเมา ตาลาย
รับความดีไม่ได้ เป็นคล้าย ภาชนะที่คว่ำ
ทานศีลภาวนา ทางสละ ทางสายกลาง
ทางสุขจัง เมื่อสละ เมื่อได้ละเว้น และเมื่อได้เจริญ
สละทรัพย์ เว้นทำร้าย เจริญสติ มิมีเพลิน
 เดินแล้วเดิน ไม่หยุด ที่สุดถึงเป้าหมาย พระรัตนตรัยในตัว

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563

พระภิกษุ (ผู้สงเคราะห์โลก) :: พระภิกษุ มีคุณา ไม่อาจประมาณ เหมือนดวงตะวัน สำคัญต่อชีวิต ให้ธรรมชาติสวยงาม สราญจิต ให้ทางชีวิต สุขสถิตย์ สมปราถนา

พระภิกษุ
(ผู้สงเคราะห์โลก)
พระภิกษุ มีคุณา ไม่อาจประมาณ
เหมือนดวงตะวัน สำคัญต่อชีวิต
ให้ธรรมชาติสวยงาม สราญจิต
ให้ทางชีวิต สุขสถิตย์ สมปราถนา
พระ ได้ชื่อว่า สงเคราะห์โลก
ไม่ตลก เหมือนพระอาทิตย์ แม้สถิตย์อยู่ไกล
ยังฉายแสง และความอบอุ่น ไปถึงได้
และให้ น้ำท่าและอาหาร สมบูรณ์
มีพระ ศรัทธาจึงเกิดมี
ศรัทธานี้ มีคุณหลาย
เหมือนแก้ววิเศษ อจินไตย
สุขสะบาย สมปราถนา ทุกประการ
ทรัพย์ที่หามาได้ ไม่อาจใช้ตามใจ
ทรัพย์สมบัติ รู้ไหม ใช้ขจัดตระหนี่
กินใช้พอประมาณ แต่พอดี
มิฉนั้น บาปอัปปรี จะเข้ามา
พระเป็นเนื้อนาบุญ สุดวิเศษ
คนเป็นเปรต ด้วยหาเนื้อนาบุญไม่ได้
การมีเนื้อนาบุญ โชคดียิ่งใหญ่
มหาสมบัติเกิดขึ้นได้ ด้วยมีเนื้อนาบุญ
พระเป็นยอดกัลยาณมิตร สะกิดต่อม
จึงต้องยอมเข้าเส้นทาง ห่างอกุศล
เข้าสู่เส้นทางสายกลาง ที่เลิศล้น
หลุดพ้น วัฏฏะสงสาร อันมีภัยมาก
ชีวิต ขาดกัลยาณมิตร ไม่ได้
กัลยาณมิตรยิ่งใหญ่ เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
ไม่อาจไปสวรรค์ นิพพาน
ชีวิตแห้งแล้ง กันดาร ตายทั้งเป็น
เป็นพระ ได้ชื่อว่า ทำประโยชน์ตนและท่านอย่างสมบูรณ์
ได้ทำคุณให้ผู้มีคุณ สมบูรณ์สุด
เป็นบุตรยอดกตัญญู เลิศมนุษย์
พ้นเวรกรรมฉุด รุดทำพระนิพพานแจ้ง
พระเป็นผู้ กอบกู้ธาตุธรรม
ที่ดำคล้ำ กลับให้เป็นขาว
พญามารใส่กิเลส เหตุแห่งทุกข์ ของเรา
วนเวียน แล้วๆเล่าๆ วัฏฏะสงสาร

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563

PERCEIVING MERIT AND DEMERIT ( happiness and fulfillment followed) Boon/merit is an energy, similarly as electricity, unseen but its phenomenon happened clearly by eye and feeling.

PERCEIVING MERIT AND DEMERIT
( happiness and fulfillment followed)
Boon/merit is an energy,
similarly as electricity,
unseen but its phenomenon
happened clearly by eye and feeling.
Merit is pure and clean energy without harm,
cleansing dangerous defilement,
the culprit of all problems.
Merit nature is amazing,
occurring by good conducted.
but the ugly demerit by evil.
Merit is washable by demerit,
and tangle in merit dreadfully,
 mixing, fixing, and deluding.
Merit and demerit, the secret weapon of monk and Mara,
fight each other, back and forth,
since long long time ago.
All living creatures looked like puppet,
with dough eyes,
the speaking noisy and the doing any,
 the mind command.
The nice mind,
good in..thinking, speaking and doing,
but the evil mind contradicted,
bad in..thinking, speaking and doing,
according to merit or demerit leading.
The mind is alike CPU..
accepting, memorizing, thinking and feeling.
Merit and demerit, in Dhamma sphere,
are as the application of computer.
It's beyond people nature to perceive,
because of so much subtle and soft,
and people being,
  so thick and so dull, liked a blind.
The five hindrances coming to obstruct,
liked the sun blocked by cloud and fog.
So, meditation progressing is necessary to deal with hindrances, and brighten the mind.
Arriving the inner Triple Gems, Dhammakaya,
Nirvana enlightened and sighted,
with Dhamma sighting,
perceiving cause and affect of any creatures and anythings,
big or small, distant or adjacent,
unlimited time.
Merit and demerit realized,
denoting the true faithfulness,
Para Mi conducting and merit pursuing unconditioned.
Staying in Life Cycle, of which,
Dusit Buri is the shelter.
Happiness and fulfillment followed in every life.

;;;;;;;;;;

ใครรู้จักบุญบาป (เท่ากับศรัทธาแท้):: บุญเป็นพลังงาน คล้ายกัน กับไฟฟ้า มองไม่เห็นด้วยตา แต่ก็มีปรากฎการณ์จะจะ ให้เห็นให้รู้สึกได้

ใครรู้จักบุญบาป
(เท่ากับศรัทธาแท้)
บุญเป็นพลังงาน คล้ายกัน กับไฟฟ้า
 มองไม่เห็นด้วยตา แต่ก็มีปรากฎการณ์จะจะ ให้เห็นให้รู้สึกได้
บุญเป็นพลังงานบริสุทธิ์สะอาด ปราศจากโทษภัย
ชะล้างกิเลสร้าย สาเหตุทั้งหลายของปัญหา
บุญมีธรรมชาติ น่าประหลาด เกิดจากการทำความดี
ส่วนบาปอัปปรี นี้ เกิดจากทำความชั่ว
บุญล้างบาปได้ บาปสวมซ้อนร้อยไส้บุญ น่ากลัว
เข้าไปเกลือกกลั้ว ปนเป็น ให้ความเห็นผิด
บุญกับบาป คล้ายกับเป็นอาวุธลับ ของพระกับมาร
รุกรบ หักล้างกัน มานานแล้ว
สรรพสัตว์ เป็นเหมือนหุ่น ตาแป๋ว
ที่พูดแจ้วๆ ทำนี่โน่นได้ ด้วยใจสั่ง
ใจดีพูดดีทำดี ใจร้ายพูดร้ายทำร้าย
บุญบาปชักนำให้..เป็นไป
ใจนั้นเพียงคิดได้ คล้ายซีพียู นั่นไง
บุญบาป นั้นใช่ เป็นโปรแกรมสำเร็จ
พ้นวิสัย ที่คนทั้งหลาย จะรู้เห็น
 เนื่องจากเป็น ของละเอียด ละเมียดละไมล้น
มนุษย์ใจหยาบ ปุถุชน
เป็นคน..หยาบหนา ดวงปัญญามืด
มีนิวรณ์ จรมาปิดกั้น
ดุจแสงตะวัน ถูกกั้นด้วยเมฆหมอก
ภาวนา จึงต้องมาลอก
เอานิวรณ์ออก สว่างจ้า ปัญญามี
เข้าถึงพระรัตนตรัย ในตัว พระธรรมกาย
ทำพระนิพพานให้แจ้งได้ เห็นได้
ด้วยธรรมจักขุ รู้เห็น เหตุที่เป็นไป
ของสรรพสัตว์ สรรพสิ่ง เล็กใหญ่ ไกลใกล้ ไม่จำกัดกาลเวลา
รู้จักบุญบาป เท่ากับ..ว่าศรัทธาแท้
จะไม่มีข้อแม้ แสวงบุญสร้างบารมี
อยู่ในวัฏจักร มีทีพัก ดุสิตบุรี
สุขสมปราถนา จะมี ทุกภพชาติ 

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ทำทาน (คืองานบำรุงชีวิตให้เจริญโดยตรง):: คนดีมีปัญญา มีศรัทธา จึงรู้จักทาน ด้วยทานนั้น จงรู้กัน มันคือชีวิต อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ทานลิขิต โง่สุดจิต ถ้าใครไม่คิดให้ทาน

ทำทาน
(คืองานบำรุงชีวิตให้เจริญโดยตรง)
คนดีมีปัญญา มีศรัทธา จึงรู้จักทาน
ด้วยทานนั้น จงรู้กัน มันคือชีวิต
 อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ทานลิขิต
โง่สุดจิต ถ้าใครไม่คิดให้ทาน
ทานให้อายุยืน ซึ่งใครๆก็ตื่น อยากได้
แต่คนส่วนใหญ่โง่หลาย คิดไม่ได้ ว่าให้ทาน
อวดฉลาด ขาดความเคารพ จบกัน
ไม่ให้ทาน แถมขวางกั้นคนอื่น
วรรณะ นั่นหละ ผิวพรรณงาม
ใครๆก็ตาม ใฝ่ฝัน
เพียงทำทาน และแบ่งปัน เท่านั้น
ผิวพรรณวรรณะ ทั้งงามและสง่า
สุขะ มีสุขภาพดี มิมีเจ็บป่วย
ก็ด้วยทำทานนั้น ทำให้ใจเบิกบาน ใจกว้าง
ส่วนใครใจแคบ คนแสบ ให้ระวัง
ใจอ้างว้าง หงอยเหงา ซึมเศร้า จะเข้ามา
พละ มีพลัง มีพลานุภาพ
ก็จงทราบ เป็นผลของทาน การกุศล
ด้วยทาน ที่ท่านให้แล้วนั้น มีผล
หายทุกข์ทน..อ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ปฏิภาณ ว่องไว ก็ใช่ผลของทาน
ทำให้ท่าน ใจสบาย หายกังวล
ใจใส หายขุ่นข้น
ความคิดไม่สับสน ว่องไว
ให้สิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น เป็นธรรมดา
ปลูกงาย่อมได้งา ปลูกถั่วย่อมได้ถั่ว
กฎแห่งกรรม ไม่มีมั่ว
จงทำทานสุดตัว อย่ากลัวหมดเปลือง

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563

คนยอมคน (มากล้นอานุภาพ):: คนยอมคน ไม่ถือตน เป็นความอดทนสูงสุด ปล่อยวางตนได้ ยอดมนุษย์ สุดที่อุเบกขา มีอานุภาพ กำหราบ หมู่มารา ชาวโลกา เทอดไท้ บูชาท่าน

คนยอมคน
(มากล้นอานุภาพ)
คนยอมคน ไม่ถือตน เป็นความอดทนสูงสุด
ปล่อยวางตนได้ ยอดมนุษย์ สุดที่อุเบกขา
มีอานุภาพ กำหราบ หมู่มารา
ชาวโลกา เทอดไท้ บูชาท่าน
คนยอมคน ชนะตน ชนะโลกสาม
ขจัดอุปกิเลส ที่ทำให้ใจหมองคล้ำ สว่างล้ำดวงปัญญา
ชนะตน คนชนะโลกนี้ และโลกหน้า
สุขสมอุรา สมปราถนา ทุกประการ
คนยอมคน ยอมไม่ปริปากบ่น ทนเขาว่า
ไม่ใช่หน้า..ที่ของเรา หน้าที่ของเขา ให้เขาว่าไป
หน้าที่ของเราคิดดี พูดดี ทำดี ให้ได้
นี้คือคำของยายฯ มหาปูชนียาจารย์
ยอมคนได้ มีใจอุเบกขา
ไม่ดูดายหนีหน้า จะพาเขาพ้นทุกข์
จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ จึงยอมให้เขาดูถูก
เหมือนพ่อแม่รักลูก ยอมอภัยให้ลูกได้ทุกอย่าง
ผู้มีอุเบกขา ไม่ธรรมดา คือผู้ปราบมาร
ปณิธาน..สุดขีด ตามติด..หลวงปู่ฯ สู่สุดธรรม
เกิดมาสร้างบารมี เพื่อที่ปราบไอ้ดำ
สรรพสัตว์ทุกข์เหลือล้ำ เพราะไอ้ดำมารร้าย
เรื่องส่วนตนให้วางอุเบกขา
เรื่องของศาสนา ให้เอาอุเบกขาวาง
เป็นคำครูไม่ใหญ่ น่าสนใจ ใครๆต้องฟัง
อุเบกขา มีความหมายดังคำว่า ไม่ดูดาย
เมื่อเห็นความอยุติธรรม หรือความไม่ถูกต้อง
 เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ดูดาย
เกิดเป็นบารมี อานุภาพหลาย
พญามารแพ้พ่าย ด้วยอุเบกขาบารมี
 เมตตาบารมี ดูดีดี คือพระคุณ หรือนักโปรด
ยอมอดโทษ โอนอ่อนผ่อนตาม
อุเบกขาบารมี คือพระเดช หรือนักปราบ น่าเกรงขาม
มีอานุภาพเลิศล้ำ ความยุติธรรมมาก่อน
เพียงมีเมตตา ยังไม่อาจจะทำอะไรได้
หมู่มารอาจหาญหลาย เอาตายแน่
จึงต้องมีอุเบกขา มาช่วยแก้
หมู่มารพ่ายแพ้ พระโพธิญาณ
อุเบกขาก็คือเมตตา ในเวลาใจหยุดนิ่ง ณ ศูนย์กลางกาย
ใจดิ่งเข้าไป ทิ้งไว้ตัวตน คนเก่า
หลุดเข้าสู่ภายใน สวมซ้อนพระรัตนตรัย ตัวตนแท้ของเรา
หมู่มารวิ่งหนีอ้าว ความยุติธรรมก่อนเก่า กลับคืนมา

 ;;;;;;;;;;