วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

กินกันตาย (เหลือไว้ สร้างบารมี) จงมักน้อย ใช้สอยประหยัดสุด ประโยชน์สูง ชีวิตเจริญรุ่ง พุ่ง เร็วแรง เหมือนรถใหม่ กำลังหลาย วิ่งแซง เช่นรถแข่ง เร็วจัด ประหยัด น้ำมัน

กินกันตาย
(เหลือไว้ สร้างบารมี)

จงมักน้อย ใช้สอยประหยัดสุด ประโยชน์สูง
ชีวิตเจริญรุ่ง พุ่ง เร็วแรง
เหมือนรถใหม่ กำลังหลาย วิ่งแซง
เช่นรถแข่ง เร็วจัด ประหยัดน้ำมัน
มักน้อย เทียบเคียงได้ คล้ายเศรษฐกิจพอเพียง
ใช้ทรัพย์ที่มี เลี้ยง..ชีวี พอดีพอสม
ไม่หน้าใหญ่ อวดใหญ่ ไม่รู้จักจม
ใช้พอเหมาะพอสม เพียงพอดี ชีวีเจริญ
มักน้อย เพียงกินกันตาย เหลือไว้ สร้างบารมี
สร้างนิสัยที่ดี เป็นที่รัก ของมนุษย์และเทวา
ใจบุญ ค้ำจุนสังคม และมีศรัทธา
มหาเศรษฐีใจบุญ ค้ำจุนศาสนา นำพามหาชน
มักน้อย ใช้น้อย แต่คอยช่วยเหลือคน
 โอบอ้อมอารีเหลือล้น เป็นคน มีเมตตากรุณา
รักสุขสันโดษ เรียบง่าย สมถะ
ไม่คลุกคลีหมู่คณะ บำเพ็ญตะบะ ละโลกีย์
ใช้ชีวิตคล้ายพระ ละ ความอยากใหญ่
  ไม่มักมาก ไม่..มักใหญ่ใฝ่สูง
ฝึกสติ มีชีวี หมายมุ่ง  
 บรรลุธรรม สุดสูง มุ่งเข้าถึงพระธรรมกาย
มักน้อย ไม่ได้ถอย จากหมู่ 
แต่ทว่าอยู่ ใกล้ชิด สนิทสนม
 พาบำเพ็ญบุญ สุขสมบูรณ์ คนนิยม
เกลียวกลม สุขสำราญ ปานสวรรค์
มักมาก ไม่พ้นกับดัก พญามาร
ผู้มีสันดาน ล้างผลาญ สรรพสัตว์
ปิดบัง ทางสายกลาง ทางสุขสมมาด
ยั่วยวนใจ ให้สติขาด ประมาทในชีวิต
ด้วยมักมาก อยากมาก พอไม่เป็น
เห็น..แก่ตนเป็นที่ตั้ง ใครเดือดร้อนก็ช่าง ข้าไม่สน
ใครจะทุกข์ยาก แสนลำบากลำบน
ดูดายไม่กังวล นี้คืออดีตของคนจน ในชาตินี้

 ;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

หยุดคือความสำเร็จ (เป็นเคล็ดของชีวิต) หลวงพ่อฯบอกว่า ถ้ารู้เคล็ด มันก็ง่ายๆ เหมือนเส้นผมบังภูเขาไว้ เพียงเขี่ยออกไป ก็เห็น การปฎิบัติธรรม ไม่ได้ยากเลย ท่านเน้น เพียงใจเย็นๆ มองไป คล้ายนั่งในรถ

หยุดคือความสำเร็จ
(เป็นเคล็ดของชีวิต)


ใจหยุด เป็นที่สุด แห่งบุญ
ใจเป็นศูนย์ ของความสุขความสำเร็จ
เข้าถึงจุด สุขสมปราถนา ใจหยุดเป็นเคล็ด
หยุดที่จุดสำเร็จ คือศูนย์กลา
งกาย

ใจมีลักษณะอ่อนไหว พัดไปได้ คล้ายลม
แสวงหาความสุขสม ดอมดมกามคุณ
หยุดอยาก ยากนัก ถ้าหากไม่รักบุญ
หรือมีผู้มีคุณ..เกิดขึ้น กอบกู้ธรรมธาตุ

การเจริญภาวนา คือการฝึกรักษา ใจให้หยุด 
ตำแหน่งที่สุด ต้องหยุดไว้ในตน
ณ ศูนย์กลางกาย เป็นเป้าหมาย ในสุดของทุกคน
เป็นคล้ายประตูกล เข้าไปหา พระรัตนตรัย

การฝึกใจหยุด ยากนัก ต้องหยุดอยาก นั้นยากยิ่ง
มีกิเลสตัณหาสิง ยากยิ่งเป็นล้นพ้น
ชนะกิเลสในใจ ได้ชื่อว่า ชนะตน
เป็นคนเลิศคน เหนือมนุษย์มนา เทวดาเดินดิน

คนทั้งหลาย หลับตาลงไป เห็นความมืด แล้วอึดอัด
นั่นแหละชัด มีตัณหา ทะยานอยาก
ทำใจให้รักความมืดได้ ใจหยุดนิ่ง ง่ายนัก
เมื่ออยากหยุด บุญก็ผุด เกิดความสะบาย

ความมืด หรืออวิชชา บังปัญญาและอานุภาพ
ก่อเกิดปัญหา สารพัด สรรพสัตว์ มีทุกข์หนัก 
วนเวียน ว่ายวน เป็นวัฏฏะจักร
กิเลสกรรมวิบาก มีทุกข์มาก ยากยิ่งจะหลุดพ้น

ความมืด คือกิเลสนิวรณ์ห้า ที่บังตาไม่ให้เห็น
เหมือนหนึ่งเป็น เมฆหนา บังพระอาทิตย์
เอาชนะนิวรณ์ ที่จรมา ด้วยหยุดใจให้สนิท
ใครจะคิด มีดวงตะวันภายใน สว่างจ้า ปัญญาเกิด

อย่าเกลียด ความมืดมิด และความคิดฟุ้งซ่าน
เพียงคิดได้เท่านั้น ความสุขพลัน ปรากฎ
โล่งโปร่งเบาภายใน สะบาย ใสสด
ความเบื่อหน่ายซึมเซ็ง หายหมด สดชื่น

คำว่าไม่เกลียด ใจละเมียด มีสติสัมปชัญญะ
ไม่ปัดสวะ ตั้งสติ มีความสนใจ
คือให้รู้ และเห็น แต่ไม่เขม้นมองจ้องไป
ให้มองกว้างๆ คล้ายมองป่าไม้ ในขณะรถวิ่ง

หลวงพ่อฯบอกว่า ถ้ารู้เคล็ด มันก็ง่ายๆ
เหมือนเส้นผมบังภูเขาไว้ เพียงเขี่ยออกไป ก็เห็น
การปฎิบัติธรรม ไม่ได้ยากเลย ท่านเน้น
เพียงใจเย็นๆ มองไป คล้ายนั่งในรถ

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

อยากตายแบบไหน (เลือกได้ มีสามแบบ) การตายมีสาม มีนามดังนี้ หนึ่ง ตายหลังตาย ขาดสติ มีแต่ไปอบาย สอง ตายขณะตาย มีสติ มีบุญอุ้มชูไว้ และสาม ตายก่อนตาย มีมหาสติ ไปดุสิตบุรีเทวโลก

อยากตายแบบไหน
(เลือกได้ มีสามแบบ) 

การตายมีสาม มีนามดังนี้
หนึ่ง ตายหลังตาย ขาดสติ มีแต่ไปอบาย
สอง ตายขณะตาย มีสติ มีบุญอุ้มชูไว้
และสาม ตายก่อนตาย มีมหาสติ ไปดุสิตบุรีเทวโลก 


ตายหลังตาย ไม่รู้ว่าตนตาย
เดินปะปนไป ก็ไม่มีใครสน
จะส่งสัญญาณอะไร ก็ไม่ได้ยินยล
สุดท้าย มองเห็นร่างตน คนมุงดู จึงรู้ว่าตนตายแล้ว

ตายหลังตาย ถ้ากรรมหนัก จักไปสู่อบายทันที
ยังงงงวยเหลือที่ ว่าตัวนี้ มาที่นี่ได้อย่างไร
หรือ เหมือนกับนอนหลับ สติดับ แล้วฝันไป
คนส่วนใหญ่ จะตายหลังตายทั้งนั้น

ตายหลังตาย นิมิตรร้าย จะมาฉายให้เห็น
 เป็นกรรมเวร ที่หนัก ปักแน่นในใจ
หรือเป็นอจิณณกรรม ที่ทำบ่อยๆไว้
 สติสลาย กรรมวิบาก ลากลงนรกอเวจี

ตายหลังตาย เจ็บปวดหลาย ตอนสายชีวิตจะขาด
พระจึงว่า ผู้ประมาท ความตายเป็นทุกข์
และคนเกือบทั้งหมด ที่มัวเพลินสนุก
ล้วนเป็นทุกข์..ตอนตาย แต่เมื่อเกิดใหม่ลืมสิ้น

ตายหลังตาย คือผู้ที่หลงอยู่ใน กระแสกรรมวิบาก
ไม่รู้จักมุ่งมั่น แสวงบุญสร้างบารมี
หากินไปวันๆ กินนอนถ่ายสืบพันธุ์ เท่านี้
ไม่ตั้งใจฝึกสติ ไม่มุ่งมั่น ทานศีลภาวนา

ตายขณะตาย ตั้งสติได้ นึกถึงพระพุทธคุณ
บุญค้ำจุน โอบอุ้ม คุ้มครอง
มีศุภนิมิตร วิจิตร อร่องฉ่อง
เทวดาทั้งผอง ยิ้มย่อง ต้อนรับ

ฝึกตายก่อนตาย ใช่ คือการสวดมนต์ไหว้พระ
นั่งสมาธิเจริญภาวนา นั่นหละ เป็นยอด
เป็นกิจกรณีย์ ของชีวี ตลอด
เมื่อจะม้วยมอด มีสติตลอด กล้าหาญ ไม่หวั่นมรณะภัย

ตายก่อนตาย รู้วันตาย จึงถอดกาย ไปก่อน 
ไม่เดือดร้อน ถอดกายได้ คล้ายนักรบมีชัย ในสงคราม
ออกจากเมือง ที่เพิ่งตีได้ ไปอย่างสง่างาม
นั่นคือบรรลุธรรม อำไพ เข้าถึง
พระรัตนตรัยในตัว

 ;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564

ทุกอย่างอยู่ที่ใจ (กุญแจไขชีวิต) ใจนั้นมีลักษณะ อ่อนไหว อยู่ไม่นิ่ง ชอบวิ่ง คล้ายลมพัด กระจัดกระจาย การฝึกสติ จึงมีความจำเป็น ควบคุมได้ มิฉนั้น กระสันกระสับกระส่าย หาที่ไปนอกตัว

ทุกอย่างอยู่ที่ใจ
(กุญแจไขชีวิต)
ใจนั้นมีลักษณะ อ่อนไหว อยู่ไม่นิ่ง
ชอบวิ่ง คล้ายลมพัด กระจัดกระจาย
การฝึกสติ จึงมีความจำเป็น ควบคุมได้
มิฉนั้น กระสันกระสับกระส่าย หาที่ไปนอกตัว
นิสัยคล้ายๆงู ชอบอยู่ในที่สงบเย็น
 พยายามเลือกเฟ้น..หา แต่ขาดปัญญา จึงพาหลงผิด
หลงไหลกามคุณ อบายมุข ของสนุก ที่ทำใจมืดมิด
หลงติด หลงตาม หน้าหมองคล้ำ กินไม่ได้อยู่ไม่ดี
สุขสงบเย็นแท้ มีแต่ อยู่ในตน
มารทำสับสน ซ่อนไว้ ที่ใกล้ตา
ที่ศูนย์กลางกาย อันคนทั้งหลาย มองข้ามนั่นหละ 
เหมือนวัวควาย มองหา แต่หญ้าในทุ่ง
สุข ภายนอก สุขหลอกๆ
ไม่นานดอก จืดชืด เพียงประเดี๋ยวประด๋าว
หยุดไม่ได้ ติดอกติดใจ คล้ายดมกาว
ถ้าขาด จะหงอยเหงา หงุดหงิด ผิดมนุษย์มะนา
ที่สุขสมปราถนา อยู่ ณ ศูนย์กลางกาย
อยู่ใกล้ๆ ในกาย ของเรา
เหมือนหญ้าปากคอก มารหลอก เอา
มารมันเก๋า ซ่อนไว้ใกล้ชิด อยู่ติดตัว
ชีวิต ถูกลิขิต ให้เดินทาง
เดินเข้ากลาง หาที่พึ่ง หนึ่งเดียว คือพระรัตนตรัย
ไม่รู้จักกลาง วิ่งแทบคลั่ง ตายเปล่าดาย
วนเวียนไป ก่อกรรมวิบาก ทุกข์หนัก น้ำตานอง
สมบัติจักรพรรดิ์ แน่นขนัด บนทางสายกลาง
อีกทั้ง..รูปสมบัติ และคุณสมบัติ พร้อมพักตร์
พ้นมือพญามาร ไม่พบพาน บ่วงกิเลสกรรมวิบาก
จงแจ้งประจักษ์ ให้รักการแสวงบุญ สร้างบารมี

 ;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564

ชีวิตไม่มีตาย (เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่เท่านั้นเอง) เราทุกคนเกิดมา พกระเบิดเวลา มาคนละลูก เวลาที่จะระเบิด ถูก..กำหนด ด้วยกฎแห่งกรรม มัจจุมาร มีอานุภาพมาก ไม่อาจจักล่วงล้ำ เกิดตายซ้ำๆ ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง อย่างแสนสาหัส

ชีวิตไม่มีตาย
(เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่เท่านั้นเอง)
 

เราทุกคนเกิดมา พกระเบิดเวลา มาคนละลูก
เวลาที่จะระเบิด ถูก..กำหนด ด้วยกฎแห่งกรรม
 มัจจุมาร มีอานุภาพมาก ไม่อาจจักล่วงล้ำ
เกิดตายซ้ำๆ ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง อย่างแสนสาหัส 

ตายเกิดๆ วียนว่ายไป ในวัฏฏะ
นั่นหละ วัฏฏะ จึงว่าเป็นคุกประหาร
จะถูกฆ่าเมื่อใด ก็ไม่ระบุไว้ ไม่ให้ตั้งตัวทัน
คนประมาทนั้น มัวเพลินไป รู้ตัวก็สายแล้ว


โอกาศเกิดใหม่ แทบเป็นไปไม่ได้เลย
โธ่เอ๋ย สรรพสัตว์ ช่างอ่อนหัดเหลือที่
พระบรมโพธิสัตว์ นำพาหมู่ญาติสร้างบารมี
เพื่อหลีกลี้ ตามทางสายกลาง  หนีห่างมัจจุมาร

ทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น หนีมัน ความตาย
หลุดจากกฎแห่งกรรมได้ เป็นอมตะ เข้าสู่พระนิพพาน
เดินตามทางสายกลาง ทานศีลภาวนา เท่านั้น
 แม้ยังเวียนว่ายเหมือนกัน ก็สุขสบาย เหมือนได้อยู่เกาะ

ชีวิตสรรพสัตว์ เหมือนเช่น เป็นภาชนะดิน
ย่อมสูญสิ้น สลายไป
ทรัพย์สินสักนิด ก็ตามติดไม่ได้
มีแต่บุญบาป เท่านั้นไซร้ ติดตามได้เท่านั้นเอง

แม่น้ำเมื่อมีน้ำเต็มฝั่ง ย่อมยังต้นไม้ริมฝั่ง พัดพาไป
สรรพสัตว์ทั้งหลาย ย่อมถูกชราและความตาย นำไปฉันนั้น
วันคืนล่วงไปๆ วัยย่อมถูกชราพาไปเช่นกัน
ผู้เห็นภัยในมรณะนั้น จึงตั้งใจมั่น สั่งสมบุญ

กาลเวลา คล้ายกับว่า กำลังกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย
 เมื่อเห็นคนอื่นตาย จึงไม่ควรร้องไห้โศกศัลย์

 จงมีสติ ว่าตัวเรานี้ ใกล้ความตาย เข้าไปทุกวัน
กำลังถูกลงทัณฑ์ ด้วยการเจ็บป่วยไข้ และวัยชรา 

คนที่เศร้าโศกถึงคนตาย นั้น คล้ายเด็กแท้
ที่ร้องไห้ แงๆ จะเอาเดือนดาว
คนที่ตาย เดินทางไกล ไปตามทางของเขา
ที่น่าเศร้า คือชีวิตของเรา ไม่ดูแล

ชีวิตสรรพสัตว์ เหมือนกันชัด กับผลไม้สุกบนต้น
พร้อมที่จะหล่น..ลงมา ทุกเวลาก็ว่าได้
เมื่อลมมาเยือน สะเทือน
สะท้าน หวั่นไหว
เมื่อเจ็บป่วยไข้ หรือเมื่ออยู่ในวัยชรา

ชีวิต ไม่มีวันตาย เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่ เท่านั้นเอง
กฎแห่งกรรมบันเลง กิเลสกรรมวิบาก
วนเวียนเป็นวัฏฏะ แสนทุกข์ยาก
น้ำตาไหลพราก มากกว่าน้ำในมหาสมุทร

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564

อาวุธร้าย (ทำลายมนุษย์ชาติ) คุณธรรม งามละออ เหมือนช่อดอกไม้ บุญ งอกงามได้ เป็นบารมีใส ในใจคน คุณธรรมปรากฎ สวยสด เลิศล้น บันดาลดล..ได้ ให้..สมปราถนา

อาวุธร้าย
(ทำลายมนุษย์ชาติ)
คุณธรรม งามละออ  เหมือนช่อดอกไม้
บุญ งอกงามได้ เป็นบารมีใส ในใจคน
 คุณธรรมปรากฎ สวยสด เลิศล้น
 บันดาลดล..ได้ ให้..สมปราถนา
คุณธรรมประดับ งามระยับ จับใจ
คนดีรักใคร่ เอาใจใส่ ดูแล
เทวดา ลงรักษา ดุจบิดามารดาพ่อแม่
 ชื่อเสียงแผ่ หอมหวน ทวนลม
คุณธรรม นำชีวิต มุ่งสู่ทิศ พระรัตนตรัย
ธรรมกาย พระแก้วใส พระรัตนตรัยในตัว
 หมู่มารกลัวลาน เมื่อใจเรานั้น หายมืดมัว
หดหัว ลดหาง รีบหันหลัง วิ่งหางจุกตูด
คุณธรรม เหมือนเงา ติดตามเราไป ในทุกที่
ไม่แก่ตายฟรี มีที่พึ่ง ประหนึ่งกัลยาณมิตร
ส่วนโมฆบุรุษ สุดเศร้า บุญเจ้าไม่สร้าง โง่สนิท
จึงไม่มีมหามิตร ร่วมคิดร่วมสร้าง
ผู้ทำดี เป็นนิสัย จะได้กัลยาณมิตร
เป็นเพื่อนสนิท คอยตามติด ชิดใกล้
จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ขึ้นกับใจ
คนไร้..ศรัทธา หาเพื่อนดีได้ยากเย็น
คุณธรรม คือนิสัยดี หรือบารมี ที่สั่งสมไว้
เหมือนน้ำเต็มไห ที่ได้จากน้ำหยาด ทีละหยดๆ
ส่วนหลักธรรม เป็นหัวข้อคุณธรรม จะต้องมี ที่พระสัมมาฯกำหนด
พระองค์ ทรงโปรด จำแนกธรรม จึงได้นามภควา
คุณธรรมจะเกิดขึ้นได้ ใจจะต้องนิ่งต้องหยุด
ในที่สุด จะหยุดที่ศูนย์กลางกาย
นี้สำคัญ มิฉนั้น มันจะกลับกลาย
เป็นอาวุธร้าย ทำลายมนุษย์ชาติ
นิสัยดีสิบประการ นั้นก็คือ บารมีสิบ
ต้องเร่งรีบ..สั่งสม อบรมตน เป็นคนวัด
เป็นทางแห่งความสุข สมปราถนา ทุกข์โศกถูกขจัด
ถ้ามิอย่างนั้น ก็ไม่อาจ พ้นหัตถ์มาร 

;;;;;;;;;;