แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัฏฏะ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัฏฏะ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ชีวิตมีภัยวัฏฏะ (พ้นบ่วงมารา ด้วยการให้) ผู้ใด ให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่า ให้ สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรมได้นั้น ใหญ่หลวง ชนะการให้ทั้งปวง ชื่อว่า ให้อมตะ

ชีวิตมีภัยวัฏฏะ
(พ้นบ่วงมารา ด้วยการให้)

 
ผู้ใด ให้ที่พักอาศัย
ผู้นั้นชื่อว่า ให้ สิ่งทั้งปวง
ผู้ใดสอนธรรมได้นั้น ให้ ใหญ่หลวง
ชนะการให้ทั้งปวง ชื่อว่า ให้อมตะ
ผู้ใดไม่ให้ทาน ในคนที่ไม่ควรให้
 ย่อมให้ ในคนที่ควรให้
ผู้นั้นประสบความเสื่อม มีอันตราย
 ย่อมได้สหาย เป็นที่พึ่ง
ผู้ใดให้ทาน ในบุคคลที่ไม่ควรให้
 ไม่ให้ ในคนที่ควรให้
ผู้นั้นถึงความเสื่อม มีอันตราย
 ย่อมไม่ได้ สหาย เป็นที่พึ่ง
ผู้ให้ข้าว ชื่อว่าให้กำลัง
ผู้ให้ผ้า เหมือนดัง ให้ผิวพรรณ
ผู้ให้ยานพาหนะ ชื่อว่าให้ความสุขสันติ์
ผู้ให้ประทีปโคมไฟนั้น ชื่อว่าให้จักษุ
ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ
 ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ
ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมมีฐานะประเสริฐ
ผู้ให้ของดีเลิศ ย่อมได้ของเลิศดี
ชีวิต มีกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
มีสังสารวัฏฏ์ ที่น่ากลัว
คนชั่ว ไม่ให้ หมกไหม้อบายภูมิ
โลกมนุษย์ สุดดี แสวงบุญได้
จึงพ้นภัย เวียนว่าย ในวัฏฏะ
แสวงบุญ สร้างบารมี ที่เกิดมา
และทำพระนิพพาน ให้แจ้ง

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

พลิกผันชีวิต (เมื่อมีกัลยาณมิตรเท่านั้น) ชีวิตมนุษย์แสนสั้น เมื่อเทียบกัน กับหลังตาย เหมือนกับประกายไฟ แว๊บหาย ในห้วงจักรวาลใหญ่ มืดสนิท

พลิกผันชีวิต
(เมื่อมีกัลยาณมิตรเท่านั้น)

ชีวิตมนุษย์ สุดแสนสั้น
เมื่อเทียบกัน กับหลังตาย 
 เหมือนกับประกายไฟ แว๊บหายไป
 ในห้วงจักรวาลใหญ่ ที่มืดสนิท
 หรือฟองน้ำฝน ฟองหนึ่ง 
ซึ่ง หล่นจากฟ้า จากฝนห่าใหญ่
ตกเต็มผืนฟ้าจักรวาล ไม่เว้นว่างไว้
ฟองเดียวแว๊บหาย เร็วไว อย่างนั้น
จงตั้งสติ นี้ไม่ใช่ล้อเล่น
แต่เป็น จริงๆ
 สร้างบารมี กรณียกิจ เหนือทุกสิ่ง
อย่าทิ้งเวลา หลงเหยื่อกามา ของมาร
บารมีคือที่พึ่ง หนึ่งเดียว ในวัฏฏะ
นอกนั้นหนา พึ่งพาไม่ได้
เป็นอนัตตา เสื่อม สูญสลาย
เป็นภาพมายา คล้าย พยับแดด
บารมี คือวาสนา หรือว่านิสัยดี
เราเกิดมานี้ มาฝึกตน เป็นคนบัณฑิต
ตนเป็นที่พึ่งของตน ทำตนให้บริสุทธิ์สุจริต
สิ่งดีดี ทุกชนิด จะตามติดเราเอง
คนดีจะคบหา รวมทั้งกัลยาณมิตร
ทั่วทุกทิศ จะมีมิ่งมิตร คอยช่วยเหลือ
ชีวิตง่ายๆ ทำใจให้ใส สร้างบารมีไป ให้เชื่อ
อย่าเพิ่งเบื่อ ให้ศึกษา อย่าเหมือนไก่กาที่เห็นพลอย

ชีวิต เวียนว่าย ในวัฏฏะ
จนกว่า พบพระฯ กัลยาณมิตร
บุญวาสนา มาพอดี จุดติด
กัลยาณมิตร ให้ชีวิต พลิกผัน

 ;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ปีใหม่..เวลาผ่านไปๆ (เธอทำอะไรอยู่):: ถึงปีใหม่ ควรได้ สติคิด ความตาย เข้ามาใกล้ชิด อิดเอื้อนไม่ได้แล้ว เวลาผ่านไปๆ เธอทำอะไรอยู่ ไม่รีบแจว ผัดผ่อนไม่ได้แล้ว ทุกข์หลาย ในอบายภูมิ

ปีใหม่..เวลาผ่านไปๆ
(เธอทำอะไรอยู่)

ถึงปีใหม่ ควรได้ สติคิด
ความตาย เข้ามาใกล้ชิด อิดเอื้อนไม่ได้แล้ว
เวลาผ่านไปๆ เธอทำอะไรอยู่ ไม่รีบแจว
ผัดผ่อนไม่ได้แล้ว ทุกข์หลาย ในอบายภูมิ

พระพุทธองค์ทรงร้องกู่ ให้สติรู้ เร็วๆไวไว
ความตายเข้ามาใกล้ ประมาทหลาย สูเจ้า
 วัฏฏะ คุกประหาร เวียนแล้วเวียนเล่า
น้ำตาเจ้า มากล้ำ กว่าน้ำมหาสมุทร
เกิดมา ถ้าไม่เข้าวัดวา เกิดมา ตายเปล่า
ชีวิตของเรา นั่นหนา เกิดมานี้
มาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
พระผู้ปฏิบัติดี ท่านได้ชี้ ได้ชวน

ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสดงด้วย สมาธิ
เราเกิดมานี้ หนีทุกข์วัฏฏะ
ทำนิพพานแจ้งไม่ได้ ต้องเวียนว่าย วนไปวนมา
ไม่อาจจะ เลิกละ จนกว่า นิพพานจะแจ้ง

เข้าวัด ปฏิบัติธรรม จึงจะได้
ไม่เข้า ไม่เอา อันตราย อจินไตยเกินคิด
เข้าคุกประหาร สุดแสน แดนอำมหิต
ติดตามใกล้ชิด มหาปูชนียาจารย์ เท่านั้นปลอดภัย
 
แสวงบุญได้ที่นี่ โลกมนุษย์นี้ เท่านั้น
จงรู้กัน เมื่อตาย เอาอะไรไปไม่ได้ 
บุญเท่านั้น ติดตามท่านไป
แสวงบุญได้..ที่วัด ด้วยพระปฏิบัติ อยู่ที่นี่
บุญสารพัด จัดไว้มี 
แหล่งบุญอย่างดี คือที่วัด
สร้างบารมีเป็นที่พึ่ง อันซึ่ง ก็คือบุญวาสน์
สังฆทาน ได้บุญจัด วัดเป็นเนื้อนาบุญ
ทำบุญเป็นสาย ใช่ บารมีนั่นหละ
ฝ่าอุปสรรคนานา บารมีจึงเกิด
มีมานะอดทน คือคนสร้างบารมี เทอด
ทุ่มสุดแรงเกิด สุดชีวี มีดุสิตบุรี เป็นที่พักระหว่างทาง
ปีใหม่ปีนี้ ทบทวนให้ดี เป้าหมายชีวิต
เกิดเป็นมนุษย์ 
เกินคิด สุดยาก 
จงทุ่มชีวิต สุดชีวา สร้างที่พึ่งพา จงประจัก
เวลาผ่านไปเร็วมาก เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน


;;;;;;;;;;  

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564

ชีวิตไม่มีตาย (เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่เท่านั้นเอง) เราทุกคนเกิดมา พกระเบิดเวลา มาคนละลูก เวลาที่จะระเบิด ถูก..กำหนด ด้วยกฎแห่งกรรม มัจจุมาร มีอานุภาพมาก ไม่อาจจักล่วงล้ำ เกิดตายซ้ำๆ ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง อย่างแสนสาหัส

ชีวิตไม่มีตาย
(เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่เท่านั้นเอง)
 

เราทุกคนเกิดมา พกระเบิดเวลา มาคนละลูก
เวลาที่จะระเบิด ถูก..กำหนด ด้วยกฎแห่งกรรม
 มัจจุมาร มีอานุภาพมาก ไม่อาจจักล่วงล้ำ
เกิดตายซ้ำๆ ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง อย่างแสนสาหัส 

ตายเกิดๆ วียนว่ายไป ในวัฏฏะ
นั่นหละ วัฏฏะ จึงว่าเป็นคุกประหาร
จะถูกฆ่าเมื่อใด ก็ไม่ระบุไว้ ไม่ให้ตั้งตัวทัน
คนประมาทนั้น มัวเพลินไป รู้ตัวก็สายแล้ว


โอกาศเกิดใหม่ แทบเป็นไปไม่ได้เลย
โธ่เอ๋ย สรรพสัตว์ ช่างอ่อนหัดเหลือที่
พระบรมโพธิสัตว์ นำพาหมู่ญาติสร้างบารมี
เพื่อหลีกลี้ ตามทางสายกลาง  หนีห่างมัจจุมาร

ทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น หนีมัน ความตาย
หลุดจากกฎแห่งกรรมได้ เป็นอมตะ เข้าสู่พระนิพพาน
เดินตามทางสายกลาง ทานศีลภาวนา เท่านั้น
 แม้ยังเวียนว่ายเหมือนกัน ก็สุขสบาย เหมือนได้อยู่เกาะ

ชีวิตสรรพสัตว์ เหมือนเช่น เป็นภาชนะดิน
ย่อมสูญสิ้น สลายไป
ทรัพย์สินสักนิด ก็ตามติดไม่ได้
มีแต่บุญบาป เท่านั้นไซร้ ติดตามได้เท่านั้นเอง

แม่น้ำเมื่อมีน้ำเต็มฝั่ง ย่อมยังต้นไม้ริมฝั่ง พัดพาไป
สรรพสัตว์ทั้งหลาย ย่อมถูกชราและความตาย นำไปฉันนั้น
วันคืนล่วงไปๆ วัยย่อมถูกชราพาไปเช่นกัน
ผู้เห็นภัยในมรณะนั้น จึงตั้งใจมั่น สั่งสมบุญ

กาลเวลา คล้ายกับว่า กำลังกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย
 เมื่อเห็นคนอื่นตาย จึงไม่ควรร้องไห้โศกศัลย์

 จงมีสติ ว่าตัวเรานี้ ใกล้ความตาย เข้าไปทุกวัน
กำลังถูกลงทัณฑ์ ด้วยการเจ็บป่วยไข้ และวัยชรา 

คนที่เศร้าโศกถึงคนตาย นั้น คล้ายเด็กแท้
ที่ร้องไห้ แงๆ จะเอาเดือนดาว
คนที่ตาย เดินทางไกล ไปตามทางของเขา
ที่น่าเศร้า คือชีวิตของเรา ไม่ดูแล

ชีวิตสรรพสัตว์ เหมือนกันชัด กับผลไม้สุกบนต้น
พร้อมที่จะหล่น..ลงมา ทุกเวลาก็ว่าได้
เมื่อลมมาเยือน สะเทือน
สะท้าน หวั่นไหว
เมื่อเจ็บป่วยไข้ หรือเมื่ออยู่ในวัยชรา

ชีวิต ไม่มีวันตาย เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่ เท่านั้นเอง
กฎแห่งกรรมบันเลง กิเลสกรรมวิบาก
วนเวียนเป็นวัฏฏะ แสนทุกข์ยาก
น้ำตาไหลพราก มากกว่าน้ำในมหาสมุทร

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563

สมาธินอกศูนย์กลางกาย (อันตราย ไร้ความเมตตา) :: ทำสมาธิ เพื่อหนีกฏแห่งกรรม ไม่ต้องเวียนย่ำ รับกรรม ในวัฏฏะ สมาธิ บ่มบุญเป็นบารมี นี้ไม่ธรรมดา บารมีแก่กล้า จึงจะได้กลับมา ดุสิตบุรี

สมาธินอกศูนย์กลางกาย
(อันตราย ไร้ความเมตตา)
ทำสมาธิ เพื่อหนีกฏแห่งกรรม
ไม่ต้องเวียนย่ำ รับกรรม ในวัฏฏะ
สมาธิ บ่มบุญเป็นบารมี นี้ไม่ธรรมดา
บารมีแก่กล้า จึงจะได้กลับมา ดุสิตบุรี
ถ้าบารมียังไม่ถึงขนาด
ก็ยังสามารถ เกิดในภูมิสุคติ
ได้กลับมายัง โลกมนุษย์นี้
หรือไม่ ไปยังที่สวรรค์ ชั้นต่างๆ
เกิดเป็นมนุษย์ ยากสุด เหลือหลาย
คนส่วนใหญ่ ไปอบาย ทั้งนั้น
ทำมาหากินเหมือนไก่กา ทั้งวัน
รู้ไม่ทัน ว่าบุญนั้น คอยค้ำจุน
บุญใหม่ไม่ทำ แต่ทำบาปกรรมเพิ่ม
ด้วยใจฮึกเหิม เหมือนปลาเห็นเหยื่อ 
ใครจะตักจะเตือนอย่างไร ก็ไม่เชื่อ
เหมือนเป็นเบื้อ หลงเหยื่อ กามคุณ
 พระท่านเทศนา เราเกิดมา มีเป้าหมาย
ทุ่มชีวาลงไป สุดชีวิต
ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สุดจิต
ทุ่มเทชีวิต สร้างบารมี
สมาธิสำคัญสุด ประดุจ แม่ไก่กกไข่
ทำให้บุญทั้งหลาย กลายเป็นบารมี 
ก่อนทำบุญ ทำให้คุ้น นั่งสมาธิ
ตั้งสติ เปรมปรีดา ได้บุญญาใหญ่ 
สมาธิยังทำให้ ใจเป็นสุข
ไม่ห่วงหาสนุก แบบโลกๆ
เกิดหิริโอตัปปะ คุณธรรมค้ำ ไม่ต่ำตก
สมาธิจึงเท่ากับ ดับทุกข์โศก ยกนรกออกจากใจ

สมาธิ มิเพียงใจตั้งมั่น
ที่สุดสำคัญ ตั้งมั่น ที่ศูนย์กลางกาย
  นอกศูนย์กลางกายนั้น อันตราย
เป็นสมาธิได้ แต่ไร้เมตตา
 
เพียงทำใจนิ่งใจหยุด เป็นที่สุดบุญ
ด้วยบุญเก่าจากศูนย์ฯ หนุนเนื่องมา
เอิบอาบ ซึมซาบชีวา
ปีติ เปรมปรีดา นี่หละคนมีบุญ
  
อีกอย่าง อุปสรรคไม่มี บารมี ไม่เกิด
แต่ต้องเทิด คุณธรรม ขันติ
คือไม่สู้ไม่หนี รักษาสามัคคี นั่งสมาธิ 
สวดธรรมจักรปราบมารี ทำความดีเรื่อยไป

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563

แก้ปัญหาชีวิต (ทำบุญอุทิศส่วนกุศล):: หลังตาย คล้ายการเดินทางไกล นับกาลไม่ได้ วนเวียนไป หาต้นปลายไม่เจอ ยากยิ่งกว่ายาก จักเป็นมนุษย์ เฮ้อ อย่าเพ้อ อย่าฝัน ว่าฉันจะกลับมา

แก้ปัญหาชีวิต
(ทำบุญอุทิศส่วนกุศล)

หลังตาย คล้ายการเดินทางไกล
นับกาลไม่ได้ วนเวียนไป หาต้นปลายไม่เจอ
ยากยิ่งกว่ายาก จักเป็นมนุษย์ เฮ้อ
อย่าเพ้อ อย่าฝัน ว่าฉันจะกลับมา
เดินทางวัฏฏะ ส่วนมากจะ อยู่ในอบาย
ยกเว้นไว้ ผู้มีบุญหลาย นักสร้างบารมี
หลังตาย เอาอะไรไปไม่ได้เลย อีหลี
ยกเว้นบุญบาป ที่เคยมี สั่งสมไว้ 
เส้นทางวัฎฎะ สุดจะ อันตรายยิ่ง
ทุกข์ทรมาณจริงๆ น่าอนาถ คาดไม่ถึง  
การทำบุญอุทิศ  เป็นกิจที่พึ่ง เพียงหนึ่ง
ทำบุญอุทิศจึง ได้บุญนัก สุดจักประมาณ
ช่างเหลือเชื่อ ใครช่วยใครไม่ได้
ของใครของมัน พึ่งกันไม่ได้
บุญเป็นของส่วนตัว ไม่ทั่วไป
ลักขโมยไม่ได้ ชีวิตจึงฝากไว้ กับบุญอุทิศ
ปัตติทานมัย บุญใหญ่ บุญอุทิศ
เป็นกิจ ของผู้เป็นญาติ จะขาดไม่ได้
เป็นบุพเปตพลี ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงไป
 ทำได้ให้คุณใหญ่ มีโทษหลายถ้าไม่ทำ
เท่ากับว่าดูดาย ไม่สงเคราะห์ญาติ
ได้ชื่อว่าขาด กตัญญู
ปัญญาดับ เท่ากับเป็นผู้ไม่รู้
เดินหลับหูหลับตา ไร้ปัญญานำทาง
คนขาดปัญญา จึงประมาท
สติวิปลาส เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
เห็นกามคุณหอมหวาน จึงเมามันเมามัว
ทำตัวเป็นปลาตาย ไหลตามน้ำ
ดังนั้น ทำบุญอุทิศ เป็นกิจกรณีย์
ไม่อาจที่ จะละเลยได้
มิน่า พลี๕ จึงมีบุพเปตพลีไว้
ขาดไม่ได้ ปัญหาใหญ่ของชีวิต
แม้แต่อดีตมารดา พระสารีบุตร
ทุกข์สุดๆ เป็นเปรตมาขอส่วนบุญ
  พ่อคุณ ช่วยกรุณา การุณ
ขอบุญ ให้แม่ด้วย

;;;;;;;;;;