แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กิเลสกรรมวิบาก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กิเลสกรรมวิบาก แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ศรัทธา (เป็นอาทิตย์อุทัย) ผู้ใด ไม่มีกามอยู่ ผู้ใด ไม่มีตัณหา และผู้ใดข้ามความสงกา ผู้นั้นหละ ย่อมพ้น ที่ไม่แปรผัน

 ศรัทธา
(เป็นอาทิตย์อุทัย)

ผู้ใด ไม่มีกามอยู่
ผู้ใด ไม่มีตัณหา
และผู้ใดข้ามความสงกา
ผู้นั้นหละ ย่อมพ้นไป ไม่แปรผัน
พ้นทุกข์ พบสุขแท้จริง
มีใจหยุดใจนิ่ง อยู่ภายในตน
อยู่บนเส้นทางธรรม ทางพ้น
อยู่ในตน พ้นโลกโลกีย์

โลกโลกีย์ เป็นที่ของ กิเลสกรรมวิบาก
กระแสเชี่ยวกราก ยากพ้น
ผู้ประพฤติธรรม ฝึกตน
มีศรัทธาล้น จึงจะพ้นตัณหา

 กาม ความใคร่ในสิ่งภายนอก
มีใจสันโดษ จึงหลุดออก มาได้
มีสติสัมปชัญญะ หยุดอยู่ภายใน
มีสุขหลาย ใจเมตตา

ตัณหาอุปาทาน ทยานอยาก
ตรงข้ามกับ สันโดษสมถะ
ตัณหา ได้ใหม่ลืมเก่า เหมือนติดยา
ใจมืดหนา มิจฉาทิฏฐิ


มีศรัทธา จึงละตัณหาได้
ยากสุดยากหลาย ให้ตายดีกว่า
เหมือนหนอนในส้วม กับเพื่อนเทวดา
ชวนขึ้นชั้นฟ้า หนอนส่ายหน้าไม่เอา

ได้พบกัลยาณมิตร จึงมีจิตศรัทธา
เปรียบดังว่า อาทิตย์อุทัย
ชีวิตแปลผัน ยิ่งใหญ่
เดินทางสายใหม่ คล้ายเทวดา

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สุขสมปราถนา (เมื่อได้พบกัลยาณมิตร) รูปโฉม ลวงคนโง่ ได้ คนที่ใจไม่ใส ไร้สติ ไม่รักษาใจ..ไว้ในตัวให้ดี ปุถุชนนี้ ใจมี..กิเลสตัณหา

 สุขสมปราถนา
(เมื่อได้พบกัลยาณมิตร)

รูปโฉม ลวงคนโง่ ได้
คนที่ใจไม่ใส ไร้สติ
ไม่รักษาใจ..ไว้ในตัวให้ดี
ปุถุชนนี้ ใจมีกิเลสตัณหา

กิเลสตัณหา พาหลงโลกโลกีย์
ที่มี..กระแส กิเลสกรรมวิบาก
 กฎแห่งกรรม กฎไตรลักษณ์
ทำโลก ให้เป็นสัก โรงละคร
รูปโฉม..จะเก้อ
เมื่อเจอ คนแสวงหา พระนิพพาน
เป็นคนถอนตน พ้นมาร
พ้นวัฏฏสงสาร เวียนว่าย
ความหลงไหล ใจตกปลัก
สุดยาก จะออกจากปลักตัณหา
ปลาคุ้นน้ำ หนอนคุ้นอุจจาระ
หรือสุนัข หมา คุ้นอาจม
โลกต้องการ กัลยาณมิตร
นำพาสู่ทิศ พระรัตนตรัย
มีอานุภาพ ปราบมารในใจ
มหาชนเลื่อมใส ศรัทธา
กัลยาณมิตร พาชีวิตพลิกผัน
อดทนอดกลั้น กระสันอยาก
สันโดษสมถะ ตระหนัก
สว่างยิ่งนัก ปัญญา
ออกจากตัณหาได้ กายเบาใจเบา
ไม่เหมือนเก่า เป็นคนใหม่
เป็นอิสระเสรี สว่างไสว
สุขกายใจ สดใส สมปราถนา

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2566

เกียจคร้าน (สุดอันตราย) ผู้เกียจคร้าน หย่อนความเพียร ใจหันเหียน ไม่เพียรทำดี ขาดศรัทธา คบพาลา พาลี มีอายุร้อยปี ก็ไม่มีอะไร

 เกียจคร้าน
(สุดอันตราย)

ผู้เกียจคร้าน หย่อนความเพียร
ใจหันเหียน ไม่เพียรทำดี
ขาดศรัทธา คบพาลา พาลี
 มีอายุร้อยปี ก็ไม่มีอะไร
เป็นผู้ว่างเปล่า น่าเสียดาย
เป็นมนุษย์เท่านั้นไซร้ ได้แสวงบุญ
บาป หยาบช้า ทำใจขุ่น
น่าอาดูลย์ น่าเวทนา ปัญญาน้อย
ผู้ใจขุ่นใจตก โชคไม่เข้าข้าง
 การงานทุกอย่าง มีปัญหา
คนดีหลบไป ไม่กล้าสู้หน้า
มีแต่หมู่พาลา แห่แหน

กิเลสกรรมวิบาก ลากลงนรก
คนใจสกปรก นรกชอบมาก
เป็นเหมือนหมู่เนื้อ ถูกเสือล่าลาก
 อบายภูมิ อยู่นานนัก อนันตกาล 
 เพียรวันเดียว ประเสริฐกว่า
ได้สาระ บุญบารมี หนุนชีวิต
ตัดรอนบาปหยาบช้า บำเพ็ญจิต
ใจนิ่งสนิท ที่ศูนย์กลางกาย
ศรัทธา เลิศล้ำ ค้ำชีวิต
 บำเพ็ญจิต ทุ่มชีวิตฝึกใจ
กัลยาณมิตร จึงยิ่งใหญ่
ได้ชีวิตใหม่ ไม่เหมือนเดิม
เกียจคร้าน ด้วยตระหนี่
มีตัณหากาลี เป็นสันดาน
ขาดปัญญา หลงบูชา คนพาล
 นั่นแหละท่าน ปุถุชน

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566

เอ็นดอร์ฟินฮอร์โมน (คือผลของบุญ) เอ็นโดฟิน เคยได้ยิน กันน๊ะ เป็นสารที่หลั่งออกมา ในร่างกาย ทำความดี มีบุญใหญ่ ปีติใจ นั่นแหละใช่ เอ็นดอร์ฟิน

 เอ็นดอร์ฟินฮอร์โมน
(คือผลของบุญ)

เอ็นดอร์ฟิน เคยได้ยิน กันน๊ะ
เป็นสารที่หลั่งออกมา ในร่างกาย
ทำความดี มีบุญใหญ่
ปีติใจ นั่นแหละใช่ เอ็นดอร์ฟิน

รู้สึกสะบาย ผ่อนคลายประสาท
ด้วยอำนาจ ของเอ็นดอร์ฟิน
ผู้ทำความดี เป็นอาจิน
ผิวพรรณทั้งสิ้น ผ่องใส
ความไม่มีโรค ลาภอย่างยิ่ง
ทำความดี ดีจริงๆ คุ้มกันโรคได้
โรคกาย โรคใจ
กิเลสตัวร้าย ตัวปัญหา
ทำความดีได้บุญ ได้เอ็นดอร์ฟิน
ชีวิตทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับบุญ
 สุขสมปราถนา บุญญาหนุน
นี่หละคุณ พุทธศาสน์
พุทธศาสนา วิชาชีวิต
โง่สนิท ถ้าไม่คิดเข้าวัด ปฎิบัติธรรม
โง่แล้วยังหยิ่ง เวรกรรม
น่าเวทนายิ่งล้ำ ปุถุชน
มหาปูชนียาจารย์ ตามปราบมาร
อันเป็นตัวการ ใส่กิเลส
สรรพสัตว์ อ่อนหัด น่าสมเพช
มารสร้างเหตุ สร้างกฎแห่งกรรม
กิเลสกรรมวิบาก ปลักโคลนดูด
กักขังมนุษย์ ปุถุชน
ไม่รู้ดีชั่ว เห็นแก่ตัว เวียนวน
แสนทุกข์ทน ในสังสารวัฏฏ์

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566

ชีวิตจริงหลังตาย (ไม่ใช่ปัจจุบัน) ชาวโลก มัวเมาหากิน สิ้นสติ อย่างที่ ไก่กาออกหากิน เช้าตื่น กลางคืนหลับ สติสิ้น ลืมชีวิน ลืมชีวา ว่าเกิดมาทำไม

ชีวิตจริงหลังตาย
(ไม่ใช่ปัจจุบัน) 

ชาวโลก มัวเมาหากิน สิ้นสติ
 อย่างที่ ไก่กาออกหากิน
เช้าตื่น กลางคืนหลับ สติสิ้น
ลืมชีวิน ลืมชีวา ว่าเกิดมาทำไม

โลกโลกีย์ เป็นที่ กิเลสกรรมวิบาก
ไหลเชี่ยวกราก พัดพา สรรพสัตว์
กิเลสตัณหาอุปาทาน สะพัด
ยากสุดยาก สรรพสัตว์ จะได้สติ
วัฏฏสงสาร คุกประหาร แท้ๆ
สรรพสัตว์ ตายแน่ ทุกข์หนัก
วนเวียนว่าย อนันตกาล จมปลัก
น่าสงสารนัก ไปสู่อบาย
ขาดสติ ตระหนี่ ไม่ทำทาน
ตัณหาบาน กระหายอยาก
มีเท่าใด ไม่พอ โลภมาก
ใช้ศักดิ์ อำนาจ มิชอบ
มีศรัทธาในทาน นั้นสุดยาก
เหมือนออกจาก ความมืด สู่สว่าง
เส้นทางธรรม ทางบุญ สุขสมหวัง
กัลยาณมิตร เป็นดั่ง อาทิตย์อุทัย
ขจัดตระหนี่ หนีพ้นอยาก
จึงจะรู้จัก ปล่อยวางตน
ไม่ใจร้อน ใจสะบาย ผ่อนปรน
รักษาใจตน ใสเย็น เป็นศีล
สติ สบาย สม่ำเสมอ
รักษาสติ มิเผลอ อยู่ในตัว
ทุกอิริยาบถ มีสติอยู่ในรั้ว
อยู่ในตัวในตน จึงจะพ้นวัฏฏะ

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

ทรัพย์วิบัติ (ถ้าขาดแสวงบุญ) ทรัพย์จะน้อยจะมาก ถ้าหากตระหนี่ มี..แล้วไม่ให้ จะเป็นวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ เอาไปกินไปใช้ จะทำลายชีวาต เหมือนอาหารเสีย ไม่อาจ บริโภค

 ทรัพย์วิบัติ
(ถ้าขาดแสวงบุญ)

ทรัพย์จะน้อยจะมาก ถ้าหากตระหนี่
มี..แล้วไม่ให้ เป็นวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ
เอาไปกินไปใช้ จะทำลายชีวาต
เหมือนอาหารเสีย ไม่อาจ บริโภค

มีทรัพย์ไห้ประหยัด ไม่อาจตระหนี่
ใช้เลี้ยงชีวี และหนีตัณหา อุปาทาน
หนี กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักรมาร
หนีคุกประหาร สังสารวัฏฏ์

กินเพื่ออยู่ สู้ภัยตัณหา
นั่นแหละหนา จึงหันหน้าเข้าวัด
ทำพระนิพพานให้แจ้ง สุดชีวาต
และไม่ประมาท แสวงบุญสร้างบารมี

การหาทรัพย์ นับว่ายาก
การให้ทรัพย์ กลับ ยากยิ่งกว่า
ดังนั้น คนน้อยนัก ที่รู้จักเข้าวัดวา
ด้วยกิเลสหนา ตัณหาบาน

ปัญหาใหญ่ คือคนทั้งหลาย ไม่รู้จักบุญ
และไม่คุ้น จึงไม่เชื่อว่า ตัณหามี
เหมือนสัตว์หลงเหยื่อล่อ ไม่อาจหนี
ตายเกิดๆอย่างนี้ สุดที่จะนับได้

คนทั้งหลายเชื่อมั่นใน หนึ่งสมอง สองมือของตน
ทุกอย่างเป็นผล ที่ตนทำในปัจจุบัน
ทำแล้วจึงได้ ไม่ทำก็ไม่ได้ อย่างนั้น
จึงประมาทกัน หลงเหยื่อของมาร ไม่รู้ตัว

คนทั้งหลาย ตกอยู่ใน โมหะจริต
คือเป็นคนชนิด ที่ไม่รู้ ว่าตนไม่รู้
ทั้งสวยทั้งรวย กว่าทุกผู้
จึงเป็นผู้..ประมาท ไม่อาจสั่งสอนได้

เหมือนอีหอย หน้าวัดเชตวัน
แม้พระอรหันต์..เหาะให้ดู กูก็ไม่เชื่อ
หัวดื้อหัวแข็ง ยิ่งกว่าเบื้อ
จึงเป็นเช่นกวางเนื้อ ของหมู่มาร

หมู่มาร เห็นสรรพสัตว์ปาน เหยื่อ
เป็นกวางเนื้อ ให้ไล่ล่า พาไปอบาย
ใช้กิเลสเป็นเหยื่อล่อ น้ำลายสอ กันใหญ่
หยุดอยาก จึงเป็นหัวใจ ไขชีวิต

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2565

บุญถึง (จึงสำเร็จ) ด้วยบุญถึง งานจึงสำเร็จ คนพาลไม่รู้เหตุ จึงประมาท คิดว่าเป็นหนึ่งสมอง สองมือ เด็ดขาด พาลชาติ จึงอุกอาจ ไม่กลัวบาป

 บุญถึง
(จึงสำเร็จ)

ด้วยบุญถึง งานจึงสำเร็จ
คนพาลไม่รู้เหตุ จึงประมาท
คิดว่าเป็นหนึ่งสมอง สองมือ เด็ดขาด
พาลชาติ จึงอุกอาจ ไม่กลัวบาป

ผลในปัจจุบัน มันสะท้อน จากอดีต
อย่าไปคิด ว่าเป็นของใหม่
เป็นภาพเก่าซ้ำๆ น่าเบื่อจะตาย
เหมือนดูหนังฉาย ไม่เคยเปลี่ยนม้วน

เป็นกิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักรบาป
วนเวียนไปในคุกประหาร แล้ววนกลับ อยู่อย่างนั้น
พระผู้รู้กู่ก้อง เวทนากัน
สรรพสัตว์ ทุกข์มหันต์ น่าสงสารนัก

เมื่อเกิดใหม่ ลืมไปหมด เหมือนสดซิงๆ
พระสอนแล้วทำหยิ่ง ทำลิงหลอกเจ้า
เป็นอีหอยหน้าวัด ประมาทดูเบา
มิจฉาทิฏฐิเจ้าเก่า น่าเศร้าแท้

สั่งสมบุญกำกับ ความสำเร็จและชัยชนะ
แล้วหนึ่งสมอง สองมือ จะ เป็นของแท้
อันเป็นอัตตา ทำให้สมปราถนาแน่
หรือบุญถึง นั่นแหละ ของจริง

ดังนั้น แสวงบุญสร้างบารมี หนีวิบาก
เอาบุญเป็นหลัก จักไม่ถูกหลอก
ไม่หลงกลมาร เข้าคุกประหาร ขอบอก
จงลบทิฏฐิมานะออก หันมาสร้างบารมี

เดินตามสายกลาง ตามหลังพระอริยะ
เท่านั้นหละ จึงจะเป็นนิจจัง ของแท้
สุขสมปราถนา จะมีแน่ๆ
ไม่มีแพ้ มีแต่ชนะ ด้วยบุญญาบารมี

;;;;;;;;;;