วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ถึงปีใหม่ (ควรได้ปีติ) ถึงปีใหม่ ควรได้ปีติ ภูมิอกภูมิใจที่ มีชีวีไม่ประมาท ทานศีลภาวนา ไม่ขาด เป็นบุตรอภิชาติ ของพ่อแม่

 ถึงปีใหม่
(ควรได้ปีติ)

ถึงปีใหม่ ควรได้ปีติ
ภูมิอกภูมิใจที่ มีชีวีไม่ประมาท
ทานศีลภาวนา ไม่ขาด
เป็นบุตรอภิชาติ ของพ่อแม่
เข้าวัดปฎิบัติธรรม เป็นกรณีกิจ
เป็นชีวิต อุดมภ์การณ์
เตรียมตัวตาย ไม่ไปอบาย ทุกข์อนันต์
หนีห่างมัน กฎแห่งกรรม
ปุถุชน คนส่วนใหญ่
ถึงปีใหม่ รื่นเริงสนุกสนาน
ประมาทในชีวิต ไม่คิดถึงภัยกัน
วัฏสงสาร มหันตภัย
วัฏสงสาร  คุกประหารแท้ๆ
ตอนจะตายนั่นแหละ จะรู้
กิเลสตัณหา มันแน่ ปิดตาปิดหู
ปุถุชนทุกผู้ ไม่ลืมหูลืมตา
เป็นมิจฉาทิฏฐิ สุดที่จะสอนสั่ง
ดื้อด้านดันทุรัง ไม่ฟังใคร
อวดดีอวดฉลาด มีสมบัติหลาย
หารู้ไม่ ตนเป็นปุถุชน ไม่ใช่บัณฑิต
ชีวิตพระ เหมือนว่าไม่ทำอะไร
หารู้ไม่ ท่านเป็นครูชีวิต
ชีวิตต้องเดินทางไกล ที่มืดมิด
ทางขีวิต วัฏสงสาร
ทางธรรม ทางสว่าง ทางสมบัติ
พระท่านรู้ชัด ปฎิบัติเป็นตัวอย่าง
เป็นกัลยาณมิตร นำทาง
นำความสว่าง มาสู่สรรพสัตว์

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ศรัทธา (เป็นอาทิตย์อุทัย) ผู้ใด ไม่มีกามอยู่ ผู้ใด ไม่มีตัณหา และผู้ใดข้ามความสงกา ผู้นั้นหละ ย่อมพ้น ที่ไม่แปรผัน

 ศรัทธา
(เป็นอาทิตย์อุทัย)

ผู้ใด ไม่มีกามอยู่
ผู้ใด ไม่มีตัณหา
และผู้ใดข้ามความสงกา
ผู้นั้นหละ ย่อมพ้นไป ไม่แปรผัน
พ้นทุกข์ พบสุขแท้จริง
มีใจหยุดใจนิ่ง อยู่ภายในตน
อยู่บนเส้นทางธรรม ทางพ้น
อยู่ในตน พ้นโลกโลกีย์

โลกโลกีย์ เป็นที่ของ กิเลสกรรมวิบาก
กระแสเชี่ยวกราก ยากพ้น
ผู้ประพฤติธรรม ฝึกตน
มีศรัทธาล้น จึงจะพ้นตัณหา

 กาม ความใคร่ในสิ่งภายนอก
มีใจสันโดษ จึงหลุดออก มาได้
มีสติสัมปชัญญะ หยุดอยู่ภายใน
มีสุขหลาย ใจเมตตา

ตัณหาอุปาทาน ทยานอยาก
ตรงข้ามกับ สันโดษสมถะ
ตัณหา ได้ใหม่ลืมเก่า เหมือนติดยา
ใจมืดหนา มิจฉาทิฏฐิ


มีศรัทธา จึงละตัณหาได้
ยากสุดยากหลาย ให้ตายดีกว่า
เหมือนหนอนในส้วม กับเพื่อนเทวดา
ชวนขึ้นชั้นฟ้า หนอนส่ายหน้าไม่เอา

ได้พบกัลยาณมิตร จึงมีจิตศรัทธา
เปรียบดังว่า อาทิตย์อุทัย
ชีวิตแปลผัน ยิ่งใหญ่
เดินทางสายใหม่ คล้ายเทวดา

;;;;;;;;;;

ชีวิตต้องเดินทาง (จึงต้องปล่อยวางโลก) ชีวิต ต้องเดินทาง จึงต้องปล่อยวาง ทางโลก แล้วเดินทางธรรม สะอาด ไม่สกปรก ทางสายกลาง พ้นโลกโลกีย์

 ชีวิตต้องเดินทาง
(จึงต้องปล่อยวางโลก)

 
ชีวิต ต้องเดินทาง
จึงต้องปล่อยวาง ทางโลก
แล้วเดินทางธรรม สะอาด ไม่สกปรก
ทางสายกลาง พ้นโลกโลกีย์

ต้องปล่อยวาง สามอย่าง
หนึ่ง สิ่งภายนอก ให้บำเพ็ญทาน
สอง ร่างกาย รักษาศีลให้มั่น
สาม สำคัญสุด หยุดใจได้ 
บำเพ็ญทาน ขจัดตระหนี่
ขจัดกิเลสตัณหากาลี หนีกรรม
ได้ใหม่ ลืมเก่า คนต่ำ
โง่เขลาล้ำ ไม่เอาบุญ
รักษาศีล  ต้นสมบัติ
ศีลขาด ทรัพย์วิบัติ แน่นอน
เจ็บป่วยไข้ แสนทุกข์ร้อน
กรรมสะท้อน แพ้ภัยตนเอง

หยุดใจนิ่งได้ ไม่คิดอ่าน
ไม่ฟุ้งซ่าน คือการชนะตน
เป็นบัณฑิต ฝึกใจ สุขล้น
คนเหนือคน เหนือโลกตัณหา
ทางธรรม ทางให้ การสละ
ทางสุขสมปราถนา สมบัติสาม
บุญอริทรัพย์ มีบ่อสมบัติ ติดตาม
สมบัติสาม ตามติด ทุกภพชาติ
ทาน ให้ทรัพย์ ให้ความรัก
ศีล เท่ากับ ให้มารยาท ให้ความเคารพ
ภาวนา ให้การบูชา น้อมนบ
ชีวิตงามจบ สามภพแซ่ซร้อง

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566

โลกเป็นที่ขจัดทุกข์ (ไม่ใช่ที่สนุกสนาน) ผู้เห็นเหตุของทุกข์ ว่าเป็นกาม จึงพยายาม หนีกามให้ได้ ผู้รู้จักอุปธิ เครื่องข้องในโลก ตัวร้าย จึงใส่ใจ ศึกษา ขจัดอุปธิ

 โลกเป็นที่ขจัดทุกข์
(ไม่ใช่ที่สนุกสนาน)

ผู้เห็นเหตุของทุกข์ ว่าเป็นกาม
จึงพยายาม หนีกามให้ได้
ผู้รู้จักอุปธิ เครื่องข้องในโลก ตัวร้าย
จึงใส่ใจ ศึกษา ขจัดอุปธิ

เห็นกามเป็นทุกข์ ด้วยปัญญา
ใจมืดหนา เห็นไม่ได้
เห็นแต่ความสนุก ถูกใจ
ไม่เห็นเงาอันตราย ทมึน
กามให้สุขน้อย ทุกข์มาก
เหมือนกันนัก กับการครองเรือน
จึงได้ออกบวช ไม่แชเชือน
มีบุญ เป็นเพื่อนดี ที่วิเศษ
ผู้มีกาม มีความตระหนี่
เป็นเศรษฐี ใจร้าย
เป็นเผด็จการ อันตราย
โง่สุดใจ ทุกข์หลาย ในอบายภูมิ
อุปธิ สิ่งที่อยู่ในกฎไตรลักษณ์
ควรรู้จัก สิ่งที่ให้ทุกข์
เป็นเหยื่อล่อ ควรรู้ อย่าพันผูก
รักสนุก ทุกข์ถนัด โบราณว่า
โลกียทรัพย์ ล้วนอุปธิ
แต่คนทั้งหลาย ทุ่มชีวีหามัน
ทำมาหากินกัน ทั้งวัน
โลภโมโทสัน ไม่รู้จักบุญบาป
ผู้รู้จักอุปธิ จึงหนีมัน
ทานศีลภาวนา เป็นกรณียกิจ
เข้าวัดปฎิบัติธรรม เป็นนิจ
สุดชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ตัณหานุสัย (รากตัณหา) เมื่อรากยังมั่นคง ก็ยังไม่ตาย ต้นไม้ใหญ่ แม้ถูกตัดต้น ย่อมงอกได้ใหม่ ทานทน เหมือนคน ตัณหานุสัยยังอยู่

 ตัณหานุสัย
(รากตัณหา)

 
เมื่อรากยังมั่นคง ก็ยังไม่ตาย
ต้นไม้ใหญ่ แม้ถูกตัดต้น
ย่อมงอกได้ใหม่ ทานทน
เหมือนคน ตัณหานุสัยยังอยู่ 
 
ทุกข์ ย่อมเกิดร่ำไป
ตัณหานุสัย คือรากตัณหา
ขุดราก ต้องรู้จักภาวนา
สันโดษสมถะ ทำใจหยุดใจนิ่ง
ประหยัดสุด ประโยชน์สูง
มุ่ง ปฏิบัติธรรม
ยิ่งให้ยิ่งใหญ่ เหมือนแม่น้ำ
มหาชนคราคร่ำ ธรรมปฏิบัติ
แม้เหาะได้ อาจยังมีตัณหานุสัยอยู่
เพียงเป็นผู้ เพียรเพ่งภายนอก
เป็นฤาษี ชีไพร เท่านั้นดอก
ถูกมารหลอก ให้หลงในปาฏิหาริย์
เข้าถึงพระรัตนตรัย จึงใช่พุทธแท้
ตัณหานุสัย เสร็จแน่ หมดสิทธิ์
พระพุทธองค์ทรงห้าม แสดงฤทธิ์
กลัวมหาชน หลงทิศ หลงทาง
พุทธแท้ ธรรมกาย หรือไม่
ดูมารร้าย สะดุ้งใหญ่ แค้นเคือง
อารวาด ฟาดหาง หาเรื่อง
สุดแค้นเคือง ยิ่งเปรืองตัว
บุญชนะบาป พระปราบมาร
เกิดปาฏิหาริย์ โลกธาตุไหว
พระแม่ธรณี ทนไม่ได้
ออกมาไล่ มารร้ายแตกกระเจิง

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2566

กายมนุษย์เท่านั้น (สรรสร้างบารมีได้) คำว่ารถ ปรากฎด้วยส่วนประกอบ สัตว์ มีส่วนประกอบ คือขันธ์ มีชื่อสมมุติ ต่างกัน ด้ว้ยขันธ์ นั้นแตกต่าง

 กายมนุษย์เท่านั้น
(สรรสร้างบารมีได้)

 
คำว่ารถ ปรากฎด้วยส่วนประกอบ
 สัตว์ มีส่วนประกอบ คือขันธ์
จึงมีชื่อสมมุติ ต่างกัน
ด้วยขันธ์ นั้นแตกต่าง

รถ มีหลากชนิด
คนประดิษฐ์ ดัดแปลง ส่วนประกอบ
สรรพสัตว์ ทำกรรม ที่ตนชอบ
ดัดแปลงขันธ์ ส่วนประกอบ ของตน
 รูป เวทนา สัญญา สังขาร
และวิญญาณ ขันธ์ห้า
กรรม นายช่างประดิษฐ์ ของมารา
ขันธ์ต่ำช้า ไปอบาย
กายจิตธรรม คือชีวิต
กายจิต คือขันธ์ห้า
กายคล้ายบ้าน ธรรม ดั่งมารดา
จิต คือเรา ทารก
ธรรม ควบคุมจิต
มีบุญบาป สถิตย์ สั่งการ
ควบคุม สรรสร้างขันธ์
สุขสันติ์หรือโศก ขึ้นอยู่ที่บุญบาป
บุญสร้างขันธ์ ให้คงทนงดงาม
แต่บาป ตัวกรรม ทำลาย
สร้างวิบากที่อยู่ เวียนว่าย
บาปกรรมหลาย ไปอบายภูมิ
กายมนุษย์ เลิศสุด ขันธ์ห้า
แต่ยากเหลือคณา จะได้
มีกายเดียว ที่มารกีดกันสุดใจ
เป็นกายสร้างบารมีได้ นั่นเอง

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2566

กัลยาณมิตร (เป็นอาทิตย์อุทัย) ปุถุชนได้สิ่งใด ล้วนไม่พอใจ ได้ใหม่ ลืมเก่า มีความต้องการไม่สิ้นสุด น่าเศร้า นี่หละคนเขลา ไร้ปัญญา

 กัลยาณมิตร
(เป็นอาทิตย์อุทัย)

ปุถุชนได้สิ่งใด ล้วนไม่พอใจ
ได้ใหม่ ลืมเก่า
มีความต้องการไม่สิ้นสุด น่าเศร้า
นี่หละคนเขลา ไร้ปัญญา

ชีวิต มีแต่ความกระหายอยาก
มีทรัพย์มาก ยิ่งยากจน
ไม่เต็มไม่อิ่ม กระเสือกกระสน
ร้อนรน เหมือนไฟไหม้
ปุถุชน คนส่วนใหญ่
ไหลตามกันไป เหมือนน้ำ
น้ำลงทะเล ปุถุชนลงต่ำ
วิบากกรรม ต้อนส่ำสัตว์ ลงอบาย
 จงนอบน้อม ต่อผู้ไร้ กระหายอยาก
ที่รู้จัก ประหยัดสุด ประโยชน์สูง
สันโดษสมถะ หมายมุ่ง
มีใจสูง มุ่งโอบอุ้มสังคม
เป็นคนเหนือคน ปนเทวดา
รักเมตตา สรรพสัตว์
แสวงบุญสร้างบารมี เป็นชีวาต
มุ่งมาด ทำพระนิพพานให้แจ้ง
เป็นกัลยาณมิตร อุทิศตน
นำพาหมู่ชน เดินทางธรรม
นอบน้อมได้ เป็นมงคลล้ำ
หนีกฎแห่งกรรม กฎไตรลักษณ์
กัลยาณมิตร เป็นอาทิตย์อุทัย
ให้ชีวิตใหม่ สดใสสดชื่น
ชีวิตพลิกผัน สติตื่น
ลุกขึ้นยืนได้ สู้ภัยตัณหา

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ภัยใดใดไม่ใหญ่ (เท่าภัยตัณหา) ผู้เห็นความประมาท เป็นภัย และใส่ใจ ไม่ประมาท ใจย่อมอยู่ในตน เป็นธรรมชาติ พ้นการรุกฆาต จากตัณหา

 ภัยใดใดไม่ใหญ่
(เท่าภัยตัณหา)

ผู้เห็นความประมาท เป็นภัย
และใส่ใจ ไม่ประมาท
ใจย่อมอยู่ในตน เป็นธรรมชาติ
พ้นการรุกฆาต จากตัณหา

ใจนิ่งใจหยุด หลุดจากกระแสบาป
ใจวูบวาบ สุขหลาย
สุขสว่าง กระจ่างอยู่ภายใน
เหมือนตาย เกิดใหม่ ในทางธรรม


มรรคมรรคา ทางบุญบริสุทธิ์
เป็นยอดมนุษย์ เหนือดินเหนือฟ้า
แผ่บารมี เมตตา
ปกคลุมทั่วหล้า จักรวาล

นี้คือ อุดมการณ์ชีวิต
พ้นบาปอำมหิต ชีวิตปลอดภัย
พ้นกฎแห่งกรรม ของมารร้าย
พ้นการเวียนว่าย ในวัฏฏสงสาร

มีสุขสมปราถนา ทุกประการ
ชีวิต สร้างบารมีปราบมาร ผยอง
กอบกู้ธาตุธรรม น้ำตานอง
หลงลำพอง จึงต้องไป อบายภูมิ

วัฏฏสงสาร คือคุกประหาร
เวียนว่าย แสนนาน อจินไตย
เสียน้ำตามากกว่า น้ำมหาสมุทรใหญ่
ทุกข์หลาย แต่เมื่อเกิดใหม่ ลืมหมด

ปุถุชน คนไม่รู้จักบุญ
มัวแต่วุ่น ทำมาหากิน
เหมือนไก่กา ปล่อยเวลาสิ้น
ไม่เคยถวิลว่า หลังตาย ใช้แต่บุญ

;;;;;;;;;;