วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

รถด่วนขบวนสุดท้าย (หนีภัยวัฏฏะ) หลุมหลบภัย ในวัฏฏสงสาร คือการ ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี ภัยต่างๆ ไม่ว่าโควิด๑๙ บรรดามี ล้วนไม่อาจที่ ทำอันตราย ให้ระคายเคือง

รถด่วนขบวนสุดท้าย
(หนีภัยวัฏฏะ)

หลุมหลบภัย ในวัฏฏสงสาร
 ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
ภัยต่างๆ ไม่ว่าโควิด๑๙ บรรดามี
ล้วนไม่อาจที่ ทำอันตราย ให้ระคายเคือง


สวดมนต์นั่งสมาธิ จึงเป็นกิจกรณียะ
อย่าเลยละ ประมาท ชีวาตอันตราย
พัฒนาสติ คือตรึกตรอง ประคองใจ อย่างสะบาย
อยู่ในกาย ให้สม่ำเสมอ

ทางสายกลางนี้ ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ไม่สู้ ไม่ว่าร้ายทำร้าย, ไม่หนี สู้อยู่ในศีล 
 ทำดีเรื่อยไป สวดมนต์นั่งสมาธิ เป็นอาจิน
หมู่มารและภัยทั้งสิ้น พ่ายแพ้ แก่ขันติบารมี 

หยุดเป็นตัวสำเร็จ เสร็จกิจทุกอย่าง
หยุดที่ทางสายกลาง บุญประดัง ทะลักล้น
ภัยใดๆไม่อาจเข้าใกล้ แพ้พ่าย ความอดทน
ขันติบารมีเหลือล้น พ้นภัยมาร

อุปสรรคปัญหา แม้หนักหนา มาแพ้ง่ายๆ
กลับคล้าย..ผงเข้าตา เท่านั้นเอง 
แม้ง่าย แต่ไม่ง่าย ด้วยคนทั้งหลาย อวดเก่ง 
ประมาทดูเบา เบื่อเซ็ง พระธรรม
คำสอน

พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า มิจฉาทิฏฐินี้ สุดร้าย
เป็นมหาภัย ใหญ่สุด ของสรรพสัตว์
เป็นไก่เห็นพลอย เขี่ยทิ้งจ้อย พระไตรรัตน์
เป็นมนุษย์ได้โอกาศ แต่ไม่ยอมปฏิบัติ เต็มที่

ทางสายสมบัติ คือทางสายกลาง ทางสร้างบารมี
อยากรวยเหลือที่ มีทางนี้เท่านั้น
ทางอื่นรวยได้ แต่ไม่ใช่สมบัติ ที่ต้องการ
เป็นวิบัติเหยื่อมาร เป็นเหยื่อล่อ ตะขอเบ็ด 

นอกทางสายกลาง เป็นที่ตั้ง กระแสกรรมวิบาก
มีกิเลสนำชัก เป็นดังปลักโคลนดูด
ให้ก่อกรรม แล้วเกิดวิบาก เป็นวัฏฏจักร ยากจะหลุด
สรรพสัตว์ ทุกข์สุดสุด แต่ยากจะหลุดจากตัณหา

สรรพสัตว์ติดตัณหา เหมือนว่า ลิงติดตัง
ไม่มีทาง อย่าหวัง จะออกไป
ยกเว้นวาสนามาถึง จึงพบกัลยาณมิตรได้
ตอนนี้ รถด่วนขบวนสุดท้าย หลวงพ่อไท้ มารับ

;;;;;;;;;; 

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ทางสายกลาง (ทางชีวิต) บุญคล้ายน้ำ บาปกรรม คล้อยตอไม้ เรือแล่นไปไม่ได้ ถ้าตอไม้โผล่น้ำ ชีวิตมีอุปสรรค เกิดความทุกข์ยากล้ำ บุญเล็กใหญ่จึงต้องทำ นี้เป็นคำของยายฯ

ทางสายกลาง
(ทางชีวิต) 

บุญคล้ายน้ำ บาปกรรม คล้ายตอไม้
เรือแล่นไปไม่ได้ ถ้าตอไม้โผล่น้ำ
ชีวิตมีอุปสรรค เกิดความทุกข์ยากล้ำ
บุญเล็กใหญ่จึงต้องทำ นี้เป็นคำของยายฯ 

ทานศีลภาวนา นี่หละ ทางบุญทางสมบัติ
ชีวิตไม่ข้องขัด สมบัติสาม ตามติดทุกภพชาติ
ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติ 
สุขสมปราถนา ทุกภพชาติ ตลอดกาลนาน


ทานศีลภาวนา นี่หละ ทางหลุดพ้น
ชีวิตไม่ต้องเวียนวน ในวัฎฎะ
มุ่งตรงสู่พระรัตนตรัย เป็นหลักชัย สุขสมปราถนา
เมื่อละสังขารา มีสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นที่พัก

ทานศีลภาวนา นี่หละ ทางอริยะ
เป็นทางเดินของพระ อริยะเจ้าทั้งหลาย
เดินตามทางของท่าน มารตามไม่ทัน ตามไม่ได้
ทางสายกลาง ทางพ้นภัย พระรัตนตรัยคุ้มครอง

ทานศีลภาวนา นี่หละ ทางบริสุทธิ์
กิเลสหลุด จึงเกิดความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ผยอง
ลอยล่อง..หนีหาย ไร้ร่องรอย

ทางสายกลาง ทางไร้ กรรมวิบาก
 เอกานยมรรค ทางบุญวาสนา บารมี
เป็นหลุมหลบภัย ในวัฏฏสงสาร มีเท่านี้
เหมือนเป็นเกาะ หลบลี้หนีภัยร้าย ในทะเล

ทางสายกลาง เป็นอย่างเรือใหญ่ เดินสมุทร
ปลอดภัยสุดสุด จากทะเลร้าย
สมบูรณ์พูนสุข สนุกสนาน ปานสวรรค์ครรไล
เร็วๆไวๆ อย่าไปทางอื่น

;;;;;;;;;; 

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

บรรลุธรรมไม่ได้ (หายนะ) หายนะของมนุษย์ชาติ ไม่มีโอกาส บรรลุธรรม เป็นถ้อยคำ ของครูไม่ใหญ่ เตือนสติให้ลูกๆ ด้วยการเป็นมนุษย์ ได้โอกาศดีสุด อย่าปล่อยให้หลุด เมื่อตายแล้ว ก็สิ้นสุด จะหลุดโอกาศไป

บรรลุธรรมไม่ได้
(หายนะ)

หายนะของมนุษย์ชาติ ไม่มีโอกาส บรรลุธรรม
เป็นถ้อยคำ ของครูไม่ใหญ่ เตือนสติให้ลูกๆ
ด้วยการเป็นมนุษย์ ได้โอกาศดีสุด อย่าปล่อยให้หลุด
เมื่อตายแล้ว ก็สิ้นสุด จะหลุดโอกาศไป 
ให้หมั่นปฏิบัติธรรม ต่อเนื่อง เนืองนิตย์
อย่ามัวอิด มัวเอื้อน เชือนแช มีข้อแม้เงื่อนไข
ชีวิตสั้นนัก สักเท่า ฟองน้ำฝนหนึ่งฟอง แตกไป
ชึ่งเทียบไม่ได้ กับฟองน้ำฝนทั้งหมด ที่ตกในจักรวาล


ชีวิตสรรพสัตว์ สุดปราถนา คือบารมี
มีแต่ภูมิมนุษย์นี้ ถึงจะสร้างบารมีได้
บนสวรรค์ เหมือนตกงาน น่าเบื่อหน่าย
ภูมิอบาย ยิ่งแล้วใหญ่ ทุกข์หลาย ติดคุกมืด
หลังจากตาย โอกาสแทบไม่มี ที่จะเป็นมนุษย์
ยากสุดสุด เป็นมนุษย์ ยากหลาย
สุดโชคดี ถ้าได้เกิด ดุสิตบุรี วงใน
ไปมาสะบาย ตามใจ ปราถนา

ต้องบรรลุธรรม จึงเลือกเกิดได้ ไปดุสิตบุรี
จึงต้องทุ่มเต็มที่ บรรลุธรรม ในชาตินี้ ให้ได้ 
ถ้าหลุดจากหลวงปู่ฯหลวงพ่อฯไป
 ชีวิตเลวร้าย ระหกระเหินหนีกรรม ที่ทำไว้
 

เป็นประหนึ่ง เด็กกำพร้า เดินหาอาหาร
ซมซาน ไปไหน ก็ไม่รู้
หิวท้องกิ่ว ภัยนาๆ หันหน้ามาสู่ 
เหน็บหนาวนอนคุดคู้ อยู่ริมทาง
                                                 
;;;;;;;;;;

หาทรัพย์ได้ง่ายๆ (เพียงรักษาใจให้สันติ) ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาญใจ เป็นอารมณ์ร้าย ปัญหาน้อยใหญ่ จะตามมา โชควาสนาหนีหาย การงานทั้งหลาย ไม่สมอุรา ญาติมิตรหนีหน้า หน้าตาหมองคล้ำ

หาทรัพย์ได้ง่ายๆ
(เพียงรักษาใจให้สันติ)

ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาญใจ
เป็นอารมณ์ร้าย ปัญหาน้อยใหญ่ จะตามมา
โชควาสนาหนีหาย การงานทั้งหลาย ไม่สมอุรา
ญาติมิตรหนีหน้า หน้าตาหมองคล้ำ
ใจนิ่งใจใส ครูไม่ใหญ่ เน้นหนัก
ไม่ใช่เพียงสัก พอดีพอร้าย
สำคัญหลาย ปิดประตูอบายได้
มีโชคมีชัย สรรพเคราะห์อันตราย ไม่เบียดเบียน
คุณธรรมสติสัมปชัญญะ จึงมีอุปการะมาก
เหมือนบิดามารดานัก ห่วงหาลูก
คอยนำชัก ลูกรัก สู่ทางถูก
นำพาลูก สู่ทางแห่งความดี
ใจนิ่งใจใส กุญแจไขชีวิต
เกินความคิด ปุถุชน คนธรรมดา
เมื่อใจใส บุญวาสนา ไหลเข้ามา
ชีวิตแจ่มจ้า พลิกผัน อย่างอัศจรรย์ทีเดียว

คนทั่วไป ไม่รู้สา มัวแต่ทำมาหากิน
ปิดหูตาสิ้น ออกหากิน ตามๆกันไป
เหมือนกับ ไก่กา ม้าลาวัวควาย 
ออกจากคอกได้ รีบวิ่งออกไปหากิน
ไม่เคยเห็นหญ้าปากคอก แม้งอกงามหลาย
ไม่เคยดูแลใจ..ตน ปล่อยให้ ทุกข์ทนหมองไหม้
ความสุขสำเร็จ นี้เป็นเคล็ด อยู่ที่ใจ
ทำใจนิ่งใจใส อยู่ในตน เป็นคนมีสติ
คนมีสติ คือยอดคนดี มีคุณธรรม
บุญวาสนา ไหลมาค้ำ สุขล้ำ ใจดีมีเมตตา
การเจริญสติ เรียกว่าภาวนา
จึงเป็นกิจกรณีย์ ของชีวา รักษาใจให้สันติ

;;;;;;;;;;

กฎแห่งกรรม (กระหน่ำสรรพสัตว์) กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่มีมั่ว ทำชั่วหรือดี ล้วนมีผล หรือวิบาก มีวัฏฏสงสาร หรือภพภูมิ มารองรับ กรรมวิบาก ดีหรือชั่ว ที่ตัวทำไว้

กฎแห่งกรรม
(กระหน่ำสรรพสัตว์) 

กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ไม่มีมั่ว ทำชั่วหรือดี ล้วนมีผล หรือวิบาก
 มีวัฏฏสงสาร หรือภพภูมิ มารองรับ
กรรมวิบาก ดีหรือชั่ว ที่ตัวทำ
ไว้


กิเลส กรรม วิบาก เป็นวัฎฎจักร ยากหลุดพ้น
 ปลาในน้ำ คน อยู่ในกระแสกรรมวิบาก
สรรพสัตว์ หลงพลัด จมปลัก
ยากยิ่งกว่ายาก จะออกจากปลัก วิบากกรรม
อยู่ในกระแสกรรมวิบาก กิเลสนำชัก ก่อกรรม
ก่อวิบากซ้ำ กระหน่ำ ซ้ำลงไป
เหมือนจมปลัก จมแล้วจม กระดิกไม่ได้
สรรพสัตว์ทั้งหลาย จึงวนเวียนไปในวัฏฏะ อนันตกาล

บุญบาป มีอายตนะ มีสภาวะเป็นพลังงาน
มีแรงโน้มถ่วง ทั้งดูดและผลักดัน น่าอัศจรรย์นัก
บุญดึงดูด สิ่งที่ดีงาม ตรงข้ามกับบาป
อจินไตย ไม่จำกัด กาลเวลา และระยะทาง

ในจักรวาล มีดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย เคลื่อนไปมา
ต่างเคลื่อนไปไม่ช้า แต่ว่าไม่ชนกัน
แปลกนัก นั่นหละแรงโน้มถ่วง จักรวาล
มีดวงธรรม คอยจัดการ น่าอัศจรรย์นัก

โลกและดวงดาวต่างๆ มีลักษณะอย่างเดียวกัน
แปลกมหันต์ ทำไมมันจึงกลม
ก็ด้วยมีดวงธรรมอยู่ภายใน มีแรงโน้ม
ดวงธรรมนั้นกลม ส่งแรงโน้ม เป็นรัศมี

ต่างกับร่างกาย ที่มีใจ แม้มีดวงธรรม 
มีรูปร่างเป็นไปตามกรรม ที่ทำเอาไว้
ส่วนโลกภพภูมิ เป็นที่อยู่อาศัย
มีดวงธรรม ไม่มีใจ จึงเป็นได้เพียงดวงกลมๆ

ดวงธรรม เป็นที่สั่งสม บุญบาป
เป็นผู้ควบคุม กำกับ บังคับใจ 
เป็นผู้สร้าง และรักษากาย 
บุญวาสนา ทั้งหลาย หรือกรรมวิบาก มาจากดวงธรรมนี้เอง

ชีวิตสรรพสัตว์ น่าประหลาด มีกายจิตธรรม
เหมือนกันล้ำ กับเพชร มีน้ำมีเนื้อมีแวว
แยกไม่ได้ เป็นส่วนประกอบกัน ของแก้ว
พระรัตนตรัย ใสแจ๋ว คือแก้วสามประการ

พระธรรมกาย พระรัตนตรัยในตัว
กายเป็นพระพุทธ ลักษณะมหาบุรุษ ไม่สลัว แต่ใสสว่าง
มีดวงธรรม เป็นพระธรรม ซ่อนซ้อน อยู่ตรงกลาง
กลางดวงธรรม แปลกจัง มีพระสงฆ์

 พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง หนึ่งเดียว ในสังสาระ
เข้าถึงได้ ก็จะ พ้นกฎแห่งกรรม
 มีแต่สุขสมปราถนา ภัยนาๆ ไม่ล่วงล้ำ
วิบากกรรม ตามไม่ทัน อุดมการณ์ชีวิต

;;;;;;;;;;

มิจฉาทิฎฐิ (นี้ร้ายนัก ทำให้ไม่รู้จักวิชชาธรรมกาย) โทษทั้งหลาย มิจฉาทิฏฐินั้น ใช่ เป็นโทษอย่างยิ่ง เป็นโทษจริงๆ ยิ่งกว่าสิ่งใด คือความเห็นผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดี สิ้นคิด เป็นคนอำมหิต คิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย

 มิจฉาทิฎฐิ
(นี้ร้ายนัก ทำให้ไม่รู้จักวิชชาธรรมกาย)

โทษทั้งหลาย มิจฉาทิฏฐินั้น ใช่ เป็นโทษอย่างยิ่ง
เป็นโทษจริงๆ ยิ่งกว่าสิ่งใด คือความเห็นผิด
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดี สิ้นคิด
เป็นคนอำมหิต คิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย
มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่าการให้สูญเปล่า
ได้แก่เหล่า คนพาล สันดานดิบ
ชอบดื่มสุรายาเมา เป็นเนืองนิจ
เข้าวัดฟังธรรม หมดสิทธิ์ ยังคิดต่อต้าน

มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่า การบูชาไม่มีผล
จึงเป็นคน ถือตน อวดดื้อถือดี แม้ไม่มีอะไร
หยามเหยียด เกลียดคน บูชาพระรัตนตรัย
มีหน้าตาหมองไหม้ ดูไม่ได้ ไม่คล้ายคน

มิจจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่าการสงเคราะห์ไม่มีผล
เอาแต่ตน ไม่สนว่าคนอื่นๆ จะอยู่อย่างไร
ไม่สนใจครอบครัว หมู่คณะ จะเป็นหรือตาย
เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้าย ที่ใครๆ เวทนา

 มิจฉาทิฎฐิ เห็นผิด คิดว่า บุญบาปไม่มี
คิดว่า หนึ่งสมองสองมือ ของข้านี้ คือชีวิต
วิบากกรรมมีที่ไหน ข้านี่แหละใช่ ทั้งทำทั้งคิด
เป็นคนโง่สนิท คนคิดเช่นนี้ มีมากนัก

มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่า โลกนี้ไม่มี
คนเช่นนี้ ปฏิเสธการมี ของกรรมวิบาก
ไม่รู้ว่าภูมิมนุษย์ สุดดี เหมาะสร้างบารมีมาก
 จึงประมาทนัก รู้จักแต่ทำมาหากิน

มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่า โลกหน้าไม่มี
คนเช่นนี้ ปฏิเสธการมี ของวัฏฏสงสาร
จึงไม่เข้าวัดปฏิบัติธรรม ทำแต่งาน
ประมาท คบคนพาล เชื่อมั่นตนมาก

 มิจฉาทิฎฐิ เห็นผิด คิดว่า มารดาไม่มี
คิดว่าแม่นี้ ไม่มีคุณ กตัญญูไม่มีความหมาย
การเป็นแม่ลูก ไม่มีพันผูกจากอดีต เกิดแล้วตาย
มีชีวิตที่ลำบากหลาย หาคนจริงใจไม่ได้


มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่า บิดาไม่มี
คิดว่าพ่อนี้ ไม่มีบุญคุณ ตายแล้วสูญสิ้น
เมื่อขาดกตัญญู จะเป็นผู้ ลำบากลำบน หากิน
บุตรหลานทั้งสิ้น หนีหน้า ไม่มาดูแล

มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่า สัตว์ที่จุติและเกิดไม่มี
ไม่เชื่อว่ามี เทพนารี เทวดานางฟ้า
ไม่เชื่อตายเกิด วนเวียนไปมา
มีชีวิต เหมือนไก่กา เหมือนปลา เหมือนหนอน

 มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด คิดว่า ผู้มีคุณวิเศษไม่มี
ที่.. รู้แจ้งเห็นยิ่ง ในโลกนี้ และโลกหน้า
ขาดความเคารพ จึงไม่ได้พบกัลยาณมิตร อย่างว่า
เกิดมาเสียเวลา ไม่รู้จักวิชชาธรรมกาย

;;;;;;;;;;