วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

หว่านพืชเช่นใด (ได้ผลเช่นนั้น) ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก แม้จะหลีก..อย่างไร ก็ไม่พ้น กฎแห่งกรรม เป็นกฎ แห่งเหตุผล จึงควร กระตือลือล้น แสวงบุญสร้างบารมี

 หว่านพืชเช่นใด
(ได้ผลเช่นนั้น)


ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก
แม้จะหลีก..อย่างไร ก็ไม่พ้น
กฎแห่งกรรม เป็นกฎ แห่งเหตุผล
จึงควร กระตือลือล้น แสวงบุญฯ

ให้สิ่งที่ชอบใจ ย่อมได้ สิ่งที่ชอบใจ
ให้สิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น
เมื่อไม่ให้ ก็ไม่ได้ เช่นกัน
ที่คนพาล ได้อยู่นั้น ด้วยบุญเก่า

เราใช้บุญไปทุกวัน มันหมดได้
ประมาทหลาย ถ้าไม่แสวงบุญ
เมื่อบุญหมด น่าสลด น่าอาดูลย์
ชีวิตสูญ สู่อบาย ไปนรก

ผู้ให้สิ่งที่ประเสริฐ ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐ
จะเกิด..ในที่ไหนๆ จะตามไปส่งผล
หลายภพชาติ เกินคิดคาดของคน
บุญส่งผล เหลือล้น เกินควรเกินคาด

บุญของผู้ให้ แน่ไซร้ ย่อมเจริญ
เหมือนน้ำหยด ไม่นานเกิน ก็จะเต็มตื้น
ทำไม่หยุด หยาดหยด ทุกวันคืน
เหมือนหินย้อย ห้อยหยด คนแตกตื่น ความงาม

เป็นคน ควรให้ทาน การกุศล
การเกิดเป็นคน ยากล้น เกินคิด
เมื่อเกิดเป็นคน ไม่ทาน 
โง่สนิท
จะเรียกว่า สิ้นคิด ก็ได้

พระสงฆ์ประมุข ของผู้ต้องการบุญ
องค์พระพุทธ ทรงพระการุณ ตรัส
สังฆทาน ดังนั้นจึงต้อง เข้าวัด
ผู้ฉลาด เข้าวัด แสวงบุญฯ

;;;;;;;;;;

การเข้าวัดขอเน้น (จำเป็นมาก) มอบรักแท้ ให้แก่กัน อุดมการณ์ชีวิต เป็นรักชนิด มารดารักบุตร ที่เพิ่งคลอด สุดจะปีติ ใจบริสุทธิ์เต็มที่ สุดยอด รักยอมทอด..ชีวิต ปิดป้องผองภัย

 การเข้าวัดขอเน้น
(จำเป็นมาก)


มอบรักแท้ ให้แก่กัน อุดมการณ์ชีวิต
เป็นรักชนิด มารดารักบุตร ที่เพิ่งคลอด
สุดจะปีติ ใจบริสุทธิ์เต็มที่ สุดยอด
รักยอมทอด..ชีวิต ปิดป้องผองภัย

เกิดอานุภาพรักแท้ เหมือนแม่ไก่
ปกป้องภัย ให้ลูกเจี๊ยบ ไล่เหยี่ยวร้าย
ปกติกลัวนัก กลัวเหยี่ยว มหาภัย
อานุภาพยิ่งใหญ่ ไม่กลัวตาย ของรักแท้

พระพุทธองค์ ทรงรักสรรพสัตว์ ด้วยรักแท้
อานุภาพ จึงแผ่..ไพศาล
แผ่นดินแผ่นฟ้า เสทือนสะท้าน
เมื่อกาล ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน

รักแท้ มีแน่ ในผู้มีจาคะ
เมื่อสละตัณหา ความตระหนี่ ออกได้
มีใจหยุดใจนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย
ใจปีติหลาย สว่างไสว คล้ายตะวัน

มอบรักแท้ได้ ด้วยใจปีติสุข
ไม่ใช่สนุก..สนานของมาร ตัณหา
ที่คนทั้งหลาย หลงไหล สุดชีวา
จึงแสวงหา เงินตรา จ้าระหวั่น

ทำมาหากินก็ทำไป แต่ใจ อยู่ที่แสวงบุญ
สร้างบารมีให้คุ้น และทำพระนิพพานให้แจ้ง
ไม่เข้าวัดไม่ได้ แหล่งบุญใหญ่ ที่แสวง
และทำพระนิพพานให้แจ้ง ต้องมีกัลยาณมิตร

สร้างบารมีคนเดียว ไปเปลี่ยว อันตรายยิ่ง
เหมือนลูกแกะน้อย เที่ยววิ่ง เล่น
หมู่สุนักป่า ชอบนักหนา เมื่อเห็น
การเข้าวัด จึงเน้น จำเป็นมาก

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

ชนะความชั่ว (ด้วยความดี) ความยินดีในธรรม เลิศล้ำสุด เปรียบประดุจ ดวงตะวันบนฟ้า แจ่มใสสว่างไสว ใจยินดี ปรีดา เลิศล้ำกว่า ลาภยศสรรเสริญ

 ชนะความชั่ว
(ด้วยความดี)

ความยินดีในธรรม เลิศล้ำสุด
 เปรียบประดุจ ดวงตะวันบนฟ้า
แจ่มใสสว่างไสว ใจยินดี ปรีดา
เลิศล้ำกว่า ลาภยศสรรเสริญ

ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง
ทุกข์ใหญ่หลวง ด้วยใจไม่หลุด
ขจัดตัณหาได้ ใจจึงหลุด
ใจนิ่งใจหยุด หลุดจากตัณหา

เมื่อบุญมา ปัญหาย่อมหมดไป
ด้วยบุญนั้นใช่ สิทธิธาตุ
มีอานุภาพ สิทธิเฉียบขาด
กิเลสมาร มิอาจ ต้านฤทธิ์ได้

ชัยชนะ ที่ไม่กลับแพ้ แน่ที่สุด
ชนะด้วย ธรรมาวุธ บริสุทธิ์ผุดผ่อง
ชนะด้วยกิเลสตัณหา จะมีเหตุขัดข้อง
หนึ่งไม่มีสอง ต้องชนะด้วยบารมี

นั่นน่ะหรือ คือ ชนะด้วยขันติ
เอาชนะตน นั่นแหละดี ที่สุด
ชนะกิเลสในตน ได้ความบริสุทธิ์
กิเลสหลุด ได้ที่สุดบารมี

พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี ของตน
เปี่ยมล้น..เมตตา ดุจมารดานั่นเอง
น้ำชนะไฟ คนไข้แพ้น้ำเย็น
คนเสงเครง แพ้พ่าย น้ำใจงาม

แม้ร้ายที่สุด ประดุจเทวทัต
พระพุทธองค์ ยังทรงสามารถ มีชัย
พระองค์ ไม่ต้องทรงทำอะไร
เพียงหยุดใจ นิ่งๆไว้ ในตน

พึงเอาชนะ..คนตระหนี่ ด้วยการให้
ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รักใคร่ ของผู้รับ
ใจคลาย จากตัณหา ที่กำกับ
ความตระหนี่ เหนียวหนับ ขยับหนี

พึงเอาชนะคนพูดปด ด้วยความจริง
ยอดเยี่ยมยิ่ง คนซื่อตรง ซื่อสัตย์
อานุภาพบารมี อจินไตย ใช้ได้สารพัด
สามารถ ขจัด ความเลวร้าย

ปัญหาไม่เป็นปัญหา ชนะด้วยความดี
แต่โลกยุคนี้ ทำสิ่งที่ตรงข้าม
ยุคโรคโควิด และภัยสงคราม
หมู่มาร อหังการล้ำ จึงต้องย่ำ ธรรมเภรี

;;;;;;;;;;

คนศักดิ์สิทธิ์ (มีฤทธิ์ด้วยบารมี) สัจจะคุณธรรม ยอดล้ำ คนจริง จริงอย่างยิ่ง จริงจัง จริงใจ จริงแท้ จริงจัง ไม่เล่น ไม่เห็นแก่เพลิน นั่นแหละ จริงใจ นั้นแน่ แผ่เมตตา

 คนศักดิ์สิทธิ์
(มีฤทธิ์ด้วยบารมี)


สัจจะคุณธรรม ยอดล้ำ คนจริง
จริงอย่างยิ่ง จริงจัง จริงใจ จริงแท้
จริงจัง ไม่เล่น ไม่เห็นแก่เพลิน นั่นแหละ
จริงใจ นั้นแน่ แผ่เมตตา

จริงแท้ แน่นอน ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน
คงทนถาวร ตลอดไป ไม่มีเก๊
สม่ำเสมอ ไม่ประมาท ไม่มีเก
ไม่สงสัยลังเล ทุ่มเท ชีวิต

ผู้มีสัจจะแท้ ดูให้แน่ ที่ทมะ
จริงใจต่อตน นั่นหละ ยิ่งใหญ่
จริงใจต่อตน ฝึกตน จึงใช่
ฝึกตน คือฝึกใจ จึงใช่ บัณฑิต

ฝึกตนได้แท้ แปรเป็น ขันติ
เป็นคนที่ ชนะตน คือยอมคน ทนนิ่ง
รักษามารยาท สะอาด มีระเบียบ จริงๆ
งามยิ่งมารยาท ชนะขาด ชนะใจ

ทนนิ่งอย่างสะบาย..ได้ กลายเป็นจาคะ
สามารถสละ ความตระหนี่ ออกจากใจ
ตัณหาอุปาทาน ต้านไว้ไม่ได้
ใจปีติหลาย สว่างไสว ได้บารมี

คนศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ ด้วยบารมี
เป็นผู้ที่ น่าเคารพเลื่อมใส กราบไหว้
เป็นศูนย์รวมใจมหาชน พาพ้นภัย
คนทั้งหลาย ยกไท้ ไว้เหนือเศียร

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2565

ทางเอกสายเดียว (เก็บเกี่ยวความสุข) ความบริสุทธิ์หรือไม่ ใช่ เป็นของเฉพาะตน ไม่มีคน หรือผู้ใด ทำให้ได้ ไม่มีพระเจ้า หรือผีสาง นางไม้ คอยทำให้ หรือนำออกไป ได้เลย

 ทางเอกสายเดียว
(เก็บเกี่ยวความสุข)


บริสุทธิ์หรือไม่ ล้วนใช่ของเฉพาะตน
ไม่มีคน หรือผู้ใด ทำให้ได้
ไม่มีพระเจ้า หรือผีสาง นางไม้
คอยทำให้ หรือนำออกไป ได้เลย

กฎแห่งกรรม ยุติธรรมที่สุด
ธรรมาธิปไตย เยี่ยมยุทธ สิ้นสุดปัญหา
คนพาลแสนเก่ง แพ้ภัยตนเอง เป็นธรรมดา
คนบริสุทธิ์ หยุดโกรธา รักษาความดีไว้

ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป ได้ชัยชนะ
ใช้ขันตินั่นหละ เป็นอนุสาวรีย์ชัย
ไม่สู้ คือไม่ว่าร้ายทำร้าย
ไม่หนี ทำใจดีๆไว้ ใช้บารมีใหญ่ สู้มาร

ทำความดีเรื่อยไป ได้ชัยแน่นอน
ความบริสุทธิ์สะท้อน เป็นธรรมาวุธ
ขจัดบาป กำหราบมาร วิ่งหางจุกตูด
วิ่งหนีอุตลุด สุดขอบจักรวาล

 ผู้บริสุทธิ์สะอาด ย่อมไม่ขาดพรต
มีศีลสัตย์ ปรากฎ เป็นธรรมดา
มีแผ่นดิน ย่อมมีแผ่นฟ้า
เป็นของธรรมดา ธรรมชาติ

บริสุทธิ์ด้วยบุญ คุณความดีของตน
ทานศีลภาวนา ถนน ทางแห่งความดี
ทางสายกลาง ทางที่พระรัตนตรัย มี
เป็นทางที่ เข้าถึงอมตะ พระนิพพาน

เป็นทางเอกสายเดียว เอกายนมรรค
หรือ อริยมรรค ทางอริยะ
วิสุทธิมรรค ทางบริสุทธิ์ นั่นหละ
เป็นทาง
ของพระ ไม่ใช่ของมาร

;;;;;;;;;;

แสวงบุญเท่านั้น (ไปสวรรค์ได้) ตายแล้ว ได้ไปสวรรค์ ใฝ่ฝันกันนัก แต่สุดยาก เพราะไม่อาจละจาก ความเพลิน สุขโลกีย์ สุขนิดๆ แต่พิษ เหลือเกิน ติดความเพลิน จึงประมาท ขาดแสวงบุญ

 แสวงบุญเท่านั้น
(ไปสวรรค์ได้)


ตายแล้ว ได้ไปสวรรค์ ใฝ่ฝันกันนัก
แต่สุดยาก เพราะไม่อาจละจาก ความเพลิน
สุขโลกีย์ สุขนิดๆ แต่พิษ เหลือเกิน
ติดความเพลิน จึงประมาท ขาดแสวงบุญ

จะไปสวรรค์ สำคัญที่สัจจะ เป็นคนจริง
ถึงขั้นจาคะ หรือทิ้ง ความเพลินได้
มีสติสัมปชัญญะ อยู่ในกาย
สุข ปีติหลาย นี่แหละใช่ มนุษเทโว

มนุษเทโว เทวดา เดินดิน
ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ได้กลายเป็นเทวดาแล้ว
มีสุขสมปราถนา เหมือนว่า มีแก้ว
มีชีวิตเพริศแพร้ว เหมือนมีแก้ว สารพัดนึก

ความเพลิน คือเหยื่อล่อ ตะขอเบ็ด
ประมาทเป็นเสร็จ ตะขอเบ็ดมาร
เป็นปลา ถูกล่าลง คุกประหาร
อนัตกาล ทุกข์หลาย เกินใจคิด

คนเหมือนปลา เพลินแหวกว่ายไปมา ในน้ำ
ยากเหลือล้ำ จะอยู่บนบกได้
จับโยนขึ้นบก ตกอกตกใจ
ตะเกียกตะกาย จะกลับลงไปในน้ำ

อยากขึ้นสวรรค์ มันต้องเข้าวัด
ธรรมปฏิบัติ แสวงบุญ สร้างบารมี
มีสัจจะ ปณิธาน มีขันติ
ทุ่มชีวี สุดชีวิต ตามติด ปูชนียาจารย์

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

มลทินแม้เล็กน้อย (อย่าปล่อยไว้) มนต์ มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน กิจวัตร ไม่ทำเป็นอาจิน เกียจคร้าน กิจวัตรที่ดี เจริญสติ ทุกวัน ความประมาท เรารู้กัน ว่ามันอันตราย

 มลทินแม้เล็กน้อย
(อย่าปล่อยไว้)

มนต์ มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน
กิจวัตร ไม่ทำเป็นอาจิน เกียจคร้าน
กิจวัตรที่ดี เจริญสติ ทุกวัน
ความประมาท เรารู้กัน ว่ามันอันตราย

คุกประหาร สังสารวัฏ รอผู้ประมาทอยู่
พระผู้รู้ เวทนา สรรพสัตว์
ติดกิเลสตัณหา อุปาทาน จึงประมาท
ไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าโลกนี้ เป็นเช่นโรงละคร

ทุกอย่างที่เห็น ที่เป็น แม้จับต้องได้
แต่มันไม่ใช่ ของจริง แต่เหมือนจริงๆ
เหมือนหลับลึก แล้วฝัน เหมือนกันยิ่ง
กรรมวิบาก จริงๆ ก็อย่างนั้น

ดังนั้น คนที่อยู่ในโลกโลกีย์ เหมือนกับ หลับอยู่
ตราบได ที่เป็นผู้ ลืมสติ
คือไม่ประคองใจ อยู่ในกาย ไว้ให้ดี
เพลิดเพลิน โลกโลกีย์ สนุกสนาน

เหย้าเรือน มีความไม่หมั่น เป็นมลทิน
ใจคนหมดสิ้น ความเป็นคน
กิเลสตัณหา เข้ามา
เปื้อนน 
ความเป็นคน..เหลือน้อย ความสุขถอยออกไป

ความเกียจคร้าน เป็นมลทิน แห่งผิวพรรณ
ใจที่เบิกบาน ผิวพรรณ จะงาม
คนเกียจคร้าน ใจหมอง ผิวจึงหมองคล้ำ
อยากผิวงามล้ำ จงขยันทำความสะอาด

ความประพฤติชั่ว เป็นมลทินของหญิง
งามมารยาท งามยิ่ง งามจับใจ
เป็นความสวย ภายใน
สวยภายใน สวยจับใจ อนันตกาล

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

ทรัพย์วิบัติ (ถ้าขาดแสวงบุญ) ทรัพย์จะน้อยจะมาก ถ้าหากตระหนี่ มี..แล้วไม่ให้ จะเป็นวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ เอาไปกินไปใช้ จะทำลายชีวาต เหมือนอาหารเสีย ไม่อาจ บริโภค

 ทรัพย์วิบัติ
(ถ้าขาดแสวงบุญ)

ทรัพย์จะน้อยจะมาก ถ้าหากตระหนี่
มี..แล้วไม่ให้ เป็นวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ
เอาไปกินไปใช้ จะทำลายชีวาต
เหมือนอาหารเสีย ไม่อาจ บริโภค

มีทรัพย์ไห้ประหยัด ไม่อาจตระหนี่
ใช้เลี้ยงชีวี และหนีตัณหา อุปาทาน
หนี กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักรมาร
หนีคุกประหาร สังสารวัฏฏ์

กินเพื่ออยู่ สู้ภัยตัณหา
นั่นแหละหนา จึงหันหน้าเข้าวัด
ทำพระนิพพานให้แจ้ง สุดชีวาต
และไม่ประมาท แสวงบุญสร้างบารมี

การหาทรัพย์ นับว่ายาก
การให้ทรัพย์ กลับ ยากยิ่งกว่า
ดังนั้น คนน้อยนัก ที่รู้จักเข้าวัดวา
ด้วยกิเลสหนา ตัณหาบาน

ปัญหาใหญ่ คือคนทั้งหลาย ไม่รู้จักบุญ
และไม่คุ้น จึงไม่เชื่อว่า ตัณหามี
เหมือนสัตว์หลงเหยื่อล่อ ไม่อาจหนี
ตายเกิดๆอย่างนี้ สุดที่จะนับได้

คนทั้งหลายเชื่อมั่นใน หนึ่งสมอง สองมือของตน
ทุกอย่างเป็นผล ที่ตนทำในปัจจุบัน
ทำแล้วจึงได้ ไม่ทำก็ไม่ได้ อย่างนั้น
จึงประมาทกัน หลงเหยื่อของมาร ไม่รู้ตัว

คนทั้งหลาย ตกอยู่ใน โมหะจริต
คือเป็นคนชนิด ที่ไม่รู้ ว่าตนไม่รู้
ทั้งสวยทั้งรวย กว่าทุกผู้
จึงเป็นผู้..ประมาท ไม่อาจสั่งสอนได้

เหมือนอีหอย หน้าวัดเชตวัน
แม้พระอรหันต์..เหาะให้ดู กูก็ไม่เชื่อ
หัวดื้อหัวแข็ง ยิ่งกว่าเบื้อ
จึงเป็นเช่นกวางเนื้อ ของหมู่มาร

หมู่มาร เห็นสรรพสัตว์ปาน เหยื่อ
เป็นกวางเนื้อ ให้ไล่ล่า พาไปอบาย
ใช้กิเลสเป็นเหยื่อล่อ น้ำลายสอ กันใหญ่
หยุดอยาก จึงเป็นหัวใจ ไขชีวิต

;;;;;;;;;;