แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เกียจคร้าน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เกียจคร้าน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2567

คุณธรรมสันโดษ (เป็นทั้งหมดของชีวิต) ไม่เมายศ ความตายปรากฎ ไม่เสียใจ รักษากรณียกิจของชีวิต ได้ มีปัญญาใส ไม่ประมาทบาป

 คุณธรรมสันโดษ
(เป็นทั้งหมดของชีวิต)

ไม่เมายศ
ความตายปรากฎ ไม่เสียใจ
รักษากรณียกิจของชีวิต ได้
มีปัญญาใส ไม่ประมาทบาป
คนมีคุณสมบัติทั้งสี่ดังกล่าว หายาก
มีใจสันโดษยิ่งนัก ตัณหาหลุด
ขันติโสรัจจะ เปี่ยมล้ำสุข
มีความสนุก สุขกับธรรมกีฬา
มีกายอยู่ในโลก แต่ใจอยู่ในธรรม
ดื่มด่ำ ล้ำสุข อยู่ภายใน
มีฤทธิ์ อานุภาพ อจินไตย
หมู่พาลีแพ้ใจ กลายเป็นมิตร
ห้วงน้ำน้อย ไหลดังสนั่น
 ห้วงน้ำใหญ่นั้น ไหลนิ่งสงบ
สิ่งใดพร่อง ไม่ครบ
 สิ่งนั้น ไม่สงบเงียบ
คนพาลเหมือนหม้อ มีน้ำครึ่งเดียว
บัณฑิตฉลาดเฉลียว เหมือนห้วงน้ำใหญ่
มีน้ำเต็ม เอื่อยๆ ไหล
มหาชนสุขใจ รักแม่น้ำ
ผู้ใดเกียจคร้าน หย่อนยานมานะ
แม้จะ มีชีวิตอยู่ร้อยปี
 ก็ไม่มีอะไร ตายฟรี
 ไม่สู้ผู้ขยัน แม้ชีวี มีเพียงวันเดียว
ด้วยคุณธรรม สันโดษ
ความขยัน จึงปรากฎ ออกมา
การทำพระนิพพานให้แจ้ง จึงเข้าท่า
เจริญสติ ภาวนา คือชีวิต

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ความประมาท (ทำลายชาติประชาชน) คฤหัส เกียจคร้าน ไม่ดี บรรพชิตที่ดี สำรวมสงบ พระราชา ใคร่ครวญก่อน งามจบ บัณฑิตขี้โกรธ ไม่ดี

 ความประมาท
(ทำลายชาติประชาชน)

คฤหัส เกียจคร้าน ไม่ดี
บรรพชิตที่ดี สำรวมสงบ
พระราชา ใคร่ครวญก่อน งามจบ
บัณฑิตขี้โกรธ ไม่ดี

คฤหัส ผู้บริโภคกาม
ต้องทำงาน เลี้ยงชีวิต
เกียจคร้านไม่ได้ หมดสิทธิ์
เป็นชีวิต คฤหัสที่ดี
บรรพชิต งาม ด้วยความสำรวม
เกิดศรัทธาท่วม ในผู้พบเห็น
มีจิตแสวงบุญ นี้ช่างเป็น
การบำเพ็ญ..ทาน จึงเห็น เป็นวัตร
พระราชา มีอำนาจ
คนขยาด ถ้าไม่ใคร่ครวญ
ไม่เป็นที่รักประชา ไม่สมควร
สังคมเรรวน ไม่เป็นสุข
บัณฑิตขี้โกรธ ไม่ใช่บัณฑิต
บัณฑิต คือผู้พิชิต ความโกรธ
ฝึกตนฝึกใจ จิตปราโมทย์
คนขี้โกรธ คนพาล
เหตุทั้งหมดทั้งสิ้น  คือประมาท
ยังไม่ขยาด ตัณหาอุปาทาน
เห็นโลกโลกีย์ ยังหอมหวาน
ไม่ทุ่มชีวัน ฝึกตน
กัลยาณมิตร สำคัญยิ่ง
เกิดศรัทธาจริง เดินทางธรรม
มีชีวิตใหม่ ที่เลิศล้ำ
พ้นวิบากกรรม วิบากมาร

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

เกียจคร้าน (ผิวพรรณหยาบ) เกียจคร้าน มลทินผิวพรรณ ไม่ขยัน ใจไม่ใส ความขยันเป็นศีล ใจดี สะบาย ไม่โกรธเกลียดใคร ใจใสเย็น

เกียจคร้าน
(ผิวพรรณหยาบ)

เกียจคร้าน มลทินผิวพรรณ
ไม่ขยัน ใจไม่ใส
ความขยันเป็นศีล ใจดี สะบาย
ไม่โกรธเกลียดใคร ใจใสเย็น
ความเครียด เกลียดโกรธ
มีโทษ..ร้าย เหมือนไฟไหม้
ผิวดำหยาบกร้าน ปานยักษ์ร้าย
คนใจขุ่น ทำลาย กายตน
มีฉันทะ จะไม่เกียจคร้าน
ด้วยใจนั้น นุ่มนวล
การบำเพ็ญทาน จึงควร
ถ้าไม่นุ่มนวล แต่ขยัน คือตัณหา

 ตัณหา พาฉลาดแกมโกง
ไม่เดินทางตรง ไปทางลัด
ใจไม่ซื่อ จึงประมาท
อยากรวยลัด อย่างง่ายๆ

เล่นหวยเบอร์ เสี่ยงโชค
ล้วนคนเป็นโรค ตัณหา
เป็นปุถุชน คนธรรมดา
หน้าตา ผิวพรรณ หยาบกร้าน

ไม่เกียจคร้าน อยู่ที่ใจ
ใจนุ่ม ใจใส ใจสว่าง
ทานศีลภาวนา ทางสายกลาง
เป็นทางสว่าง สู่สวรรค์

บำเพ็ญทาน เป็นปานประตู
เข้าสู่ ทางสายกลาง
มีทรัพย์มากน้อย ไม่สำคัญ
ต้องแบ่งปัน ฉันทะจึงเกิด

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ปฏิบัติธรรม (เลิศล้ำชีวิต) คนทั้งหลาย รู้ไว้ ไร้ปัญญา เหมือนไก่กา เอาแต่หากิน ชีวิตหลังตาย ไปอบาย แทบทั้งสิ้น การฝึกสติเป็นอาจิณ จึงจำเป็น

 ปฏิบัติธรรม
(เลิศล้ำชีวิต)


ผู้ไม่เกียจคร้าน ใจนั้นย่อมสงบ
ย่อมประสพ ความสุข สมปราถนา
ใจไม่ไหลลงต่ำ ทำดี ตลอดเวลา
 แม้มีปัญหา ก็ว่า ได้บารมี

เป็นบัณฑิตฝึกตน เปี่ยมล้นขันติ
ทุ่มชีวีฝึกสติ มิถอนถอย
ทำพระนิพพานให้แจ้ง อันเลิศลอย
หนีกรรมใหญ่น้อย ที่คอยรังควาน

คนอื่นผิดเห็นง่าย ผิดในตนเห็นยาก
ขาดสติเป็นหลัก รู้จักแต่มองนอกตน
การฝึกสติ จึงหนีไม่พ้น
เป็นคนเหนือคน ต้องฝึกตน ฝึกใจ

ความเคารพ งามจบ ถ้าฝึกได้
เป็นคุณธรรม ที่ยิ่งใหญ่ ให้ปัญญา
อยากเป็นบัณฑิต ต้องรู้จัก คารวะ
ส่วนพวกพาลา คารวะ ไม่เป็น

ประโยชน์ย่อมเลยไป ผู้ไม่ใส่ใจงาน
ด้วยตัณหาบาน ชอบจังความสนุก
ขาดสติปัญญา จึงประสพทุกข์
รักสนุก ทุกข์ถนัด ชาติพาลา

คนวัยหนุ่ม คุมตัณหาได้ยาก
นอกจาก กตัญญู อยู่ในโอวาท
มีบุพพการี ที่ไม่ประมาท
พาแสวงบุญไม่ขาด ตั้งแต่น้อย

ประโยชน์ย่อมล่วง ผู้ห่วงหาฤกษ์อยู่
ไม่ต่างจากผู้ เกียจคร้าน งานมีปัญหา
ขาดความอดทน อดกลั้น นั่นหละ
ด้วยว่า ใจนั่นหนา ขาดสติ

คนทั้งหลาย รู้ไว้ ไร้ปัญญา
เหมือนไก่กา เอาแต่หากิน
ชีวิตหลังตาย ไปอบาย แทบทั้งสิ้น
การฝึกสติเป็นอาจิณ จึงจำเป็น

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

มลทินแม้เล็กน้อย (อย่าปล่อยไว้) มนต์ มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน กิจวัตร ไม่ทำเป็นอาจิน เกียจคร้าน กิจวัตรที่ดี เจริญสติ ทุกวัน ความประมาท เรารู้กัน ว่ามันอันตราย

 มลทินแม้เล็กน้อย
(อย่าปล่อยไว้)

มนต์ มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน
กิจวัตร ไม่ทำเป็นอาจิน เกียจคร้าน
กิจวัตรที่ดี เจริญสติ ทุกวัน
ความประมาท เรารู้กัน ว่ามันอันตราย

คุกประหาร สังสารวัฏ รอผู้ประมาทอยู่
พระผู้รู้ เวทนา สรรพสัตว์
ติดกิเลสตัณหา อุปาทาน จึงประมาท
ไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าโลกนี้ เป็นเช่นโรงละคร

ทุกอย่างที่เห็น ที่เป็น แม้จับต้องได้
แต่มันไม่ใช่ ของจริง แต่เหมือนจริงๆ
เหมือนหลับลึก แล้วฝัน เหมือนกันยิ่ง
กรรมวิบาก จริงๆ ก็อย่างนั้น

ดังนั้น คนที่อยู่ในโลกโลกีย์ เหมือนกับ หลับอยู่
ตราบได ที่เป็นผู้ ลืมสติ
คือไม่ประคองใจ อยู่ในกาย ไว้ให้ดี
เพลิดเพลิน โลกโลกีย์ สนุกสนาน

เหย้าเรือน มีความไม่หมั่น เป็นมลทิน
ใจคนหมดสิ้น ความเป็นคน
กิเลสตัณหา เข้ามา
เปื้อนน 
ความเป็นคน..เหลือน้อย ความสุขถอยออกไป

ความเกียจคร้าน เป็นมลทิน แห่งผิวพรรณ
ใจที่เบิกบาน ผิวพรรณ จะงาม
คนเกียจคร้าน ใจหมอง ผิวจึงหมองคล้ำ
อยากผิวงามล้ำ จงขยันทำความสะอาด

ความประพฤติชั่ว เป็นมลทินของหญิง
งามมารยาท งามยิ่ง งามจับใจ
เป็นความสวย ภายใน
สวยภายใน สวยจับใจ อนันตกาล

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สองคนคู่ (กตัญญูกับบุพการี) :: ลูกหลานเกียจคร้าน พระท่าน ว่าเป็นมลทิน ทำตระกูล เศร้าหมองสิ้น มีแต่กิน แต่เที่ยว

สองคนคู่
(กตัญญูกับบุพการี)
 

ลูกหลานเกียจคร้าน
พระท่าน ว่าเป็นมลทิน
ทำตระกูล เศร้าหมองสิ้น
มีแต่กิน แต่เที่ยว

เล่นการพนัน คบคนพาล
การงาน ไม่เหลียว
จะสอนจะเคึ่ยว
ทำตาเขึยว ใส่พ่อแม่

นอนคลุมโปง
ตื่นสายโด่ง ตะวันเที่ยง
โต๊ะตั่งเตียง
ผ้าห่มที่นอน หมอนหนุน

ข้าวของ เครื่องใช้
กระจัดกระจาย วายวุ่น
ใจหมกมุ่น วุ่นแต่เล่น
เป็นที่เวทนา 

ปัญหาลูกหลาน
เพราะเราท่าน อกตัญญู
ไม่ได้บำรุงเชิดชู
บูชาท่าน นั่นเป็นเหตุใหญ่

ไม่ได้เลี้ยงดูบุตร
จึงเกิดเหตุสุดวิสัย
บุตรจัญไร จึงเกิดขึ้น
ไม่อาจฝืน ผลกรรม

คนกตัญญู คือผู้
ซาบซึ้ง ถึงบุญคุณ
ใจอบอุ่น ซาบซึ้ง
จึงกระทำ แต่ความดี

ทำตนให้บริสุทธิ์
ประดุจ สังข์ขัดสี
จึงเป็นบุตรที่ดี
มี ความกตัญญู

ความดีที่ว่า
นำไปหา บริสุทธิ
คืออดที่ จะแผ่ดี
ต่อไป ไม่ได้

จึงเข้าไปสอนสั่ง
อย่าง ตั้งใจ
ความดี จึงขยาย
ไปสู่ สังคม

การเลี้ยงดูบุตร สุดที่รัก
ให้มาก กตัญญู
นั่นคือผู้
ได้ชื่อว่า บุพการี

พาเข้าวัด
ปฏิบัติธรรม สร้างบารมี
บุพการี
มีบุตรกตัญญู เป็นคู่กัน

;;;;;;;;;;