แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตัณหา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตัณหา แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2567

สันโดษสมถะ (ดับตัณหา ภาวนาฝึกตน) สละเครื่องข้อง ในภพน้อยใหญ่ จิตดับได้ เคลื่อนไป ไร้ภพ ปราศจากตัณหา หมดทุกข์โศก ข้ามโลก ข้ามชาติและชราได้

 สันโดษสมถะ
(ดับตัณหา ภาวนาฝึกตน)

 สละเครื่องข้อง ในภพน้อยใหญ่
จิตดับได้ เคลื่อนไป ไร้ภพ
ปราศจากตัณหา หมดทุกข์โศก
  ข้ามโลก ข้ามชาติและชราได้
สันโดษสมถะ คุณธรรม
 สิ้นสุดเวรกรรม ใจนิ่งใจหยุด
หยุดแล้วดับ ตัณหาหลุด
ผุดขึ้นมาใหม่ สดใสยิ่งกว่าเดิม
สันโดษสมถะ ภาวนาฝึกตน
ฝึกฝน เอาชนะ ใจตนเอง
ถอนใจจากปลักตัณหา ที่บานเบ่ง
ใจเสงเครง หยุดสนิท ตัณหาดับ
สันโดษสมถะ หมายความว่า
ไม่เพียง อยู่ในป่าเขา
ประหยัดสุด ประโยชน์สูง ไม่มัวเมา
นำพามหาชนและตัวเก่า สร้างบารมี
ปุถุชน จิตกระวนกระวาย
กระสับกระส่าย ไม่เป็นสุข
จึงใฝ่หาความเพลิน ความสนุก
แก้ทุกข์ ด้วยตัณหา ยาเสพติด
เสพตัณหา ใจมืดหนา ยิ่งกว่าเดิม
ฮีกเหิม ทำบาปหยาบช้า
ทำผิดศีล ไม่กลัว ไม่อายขายหน้า
เป็นคนชั่วช้า ท้านรก
พุทธศาสนา รู้ทันกิเลส
สุดวิเศษ พาสร้างบารมี
ขจัดเครื่องข้อง ตัณหากาลี
มีชีวี สว่างไสว ในทางธรรม

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ทำคนเกียจคร้าน (งานของตัณหา) คนใดมักหลับ มักคุย ไม่ลุยงาน เกียจคร้าน มีความมุทะลุ ดุดัน นั่น เป็นเหตุ ของผู้ฉิบหาย

 ทำคนเกียจคร้าน
(งานของตัณหา)

คนใดมักหลับ มักคุย
ไม่ลุยงาน เกียจคร้าน
มีความมุทะลุ ดุดัน
เป็นเหตุสำคัญ ของผู้ฉิบหาย

อุปสรรคปัญหา จะมีมา
เมื่อเลิกละ ความเพียร
คนใจตก คิดพูดทำ เพี้ยน
นิสัยเปลี่ยน เป็นคนละคน
ใจหงุดหงิด ขี้โกรธ
ขันติ หมด ความฉิบหายจะมา
ตามใจตน คนผีห่า
กิเลสกล้า ท้านรก
เหมือนเถรเทวทัต
ที่สามารถ ทำร้าย พระพุทธองค์
มุทะลุดุดัน เสริมส่ง
ยากปลดปลง จึงฉิบหาย
ขาดสติ จึงขี้คุย ไม่ลุยงาน
ใจงุ่นง่าน ไม่มีสุข
มองซ้ายขวา หาแต่เรื่องสนุก
ใจเป็นทุกข์ ด้วยขาดสติ
เป็นลักษณะ ของปุถุชน
คนธรรมดา ทั่วไป
กิเลสตัณหาครอบงำ ดื้อหลาย
สังคมพาไป ไหลลงต่ำ
สติสัมปชัญญะ เหมือนพระโปรด
ชีวิตรุ่งโรจน์ พลิกผัน
มีศรัทธา มีความขยัน
ฝึกสติให้มั่น จึงสำคัญนัก

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

เกียจคร้าน (ผิวพรรณหยาบ) เกียจคร้าน มลทินผิวพรรณ ไม่ขยัน ใจไม่ใส ความขยันเป็นศีล ใจดี สะบาย ไม่โกรธเกลียดใคร ใจใสเย็น

เกียจคร้าน
(ผิวพรรณหยาบ)

เกียจคร้าน มลทินผิวพรรณ
ไม่ขยัน ใจไม่ใส
ความขยันเป็นศีล ใจดี สะบาย
ไม่โกรธเกลียดใคร ใจใสเย็น
ความเครียด เกลียดโกรธ
มีโทษ..ร้าย เหมือนไฟไหม้
ผิวดำหยาบกร้าน ปานยักษ์ร้าย
คนใจขุ่น ทำลาย กายตน
มีฉันทะ จะไม่เกียจคร้าน
ด้วยใจนั้น นุ่มนวล
การบำเพ็ญทาน จึงควร
ถ้าไม่นุ่มนวล แต่ขยัน คือตัณหา

 ตัณหา พาฉลาดแกมโกง
ไม่เดินทางตรง ไปทางลัด
ใจไม่ซื่อ จึงประมาท
อยากรวยลัด อย่างง่ายๆ

เล่นหวยเบอร์ เสี่ยงโชค
ล้วนคนเป็นโรค ตัณหา
เป็นปุถุชน คนธรรมดา
หน้าตา ผิวพรรณ หยาบกร้าน

ไม่เกียจคร้าน อยู่ที่ใจ
ใจนุ่ม ใจใส ใจสว่าง
ทานศีลภาวนา ทางสายกลาง
เป็นทางสว่าง สู่สวรรค์

บำเพ็ญทาน เป็นปานประตู
เข้าสู่ ทางสายกลาง
มีทรัพย์มากน้อย ไม่สำคัญ
ต้องแบ่งปัน ฉันทะจึงเกิด

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566

สันโดษสมถะ (ตัณหาดับ) คนไม่ดี มีตัณหา เป็นเพื่อน สติยากที่จะเตือน ให้กลับบ้าน ลืมสิ้นทางบุญ ทางสวรรค์ ไม่หวาดหวั่น ไม่พลั่นต่อความตาย

 สันโดษสมถะ
(ตัณหาดับ)

คนไม่ดี มีตัณหา เป็นเพื่อน
สติยากที่จะเตือน ให้กลับบ้าน
ลืมสิ้นทางบุญ ทางสวรรค์
ไม่หวาดหวั่น ไม่พลั่นต่อความตาย
คนพาลว่า ตายนั้น มันธรรมดา
ก่อนตาย อย่ารอช้า หากำไร
คนพาลปัญญาสั้น ประมาทหลาย
 จึงท่องเที่ยวไป ในอบายภูมิ
ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง
น้ำตานอง มากกว่าน้ำมหาสมุทร
เกิดใหม่ ก็ทำอย่างเดิม น่าสลด
ลืมไปหมด เหมือนสดๆซิงๆ
เหมือนหนอน ในส้วมหลุม
กลุ้มรุม กินอุจจาระ เอร็ดอร่อย
ตื่นเช้าขึ้นมา ก็มีอยู่ เรียบร้อย
ไม่ต้องหา ไม่ต้องคอย สะบาย
ยากสุดยาก จักออกจากตัณหา
ผู้มีบารมีเท่านั้นหละ จะช่วยได้
ดังนั้น ถ้ารักหมู่ญาติ ต้องเร่งลัดเร็วไว
แสวงบุญสร้างบารมี เรื่อยไป ไม่หยุด
สันโดษสมถะ ฝึกตน ทนตัณหา
ทำใจหยุดใจนิ่ง นั่นหละ ชนะแน่
หยุดที่ศูนย์กลางกาย นั่นแหละ
มิฉนั้น ถึงแม้เหาะได้ ก็แพ้ตัณหา
ทุกอิริยาบถ กำหนดจิต
หยุดคิด มีสติระลึกไว้ ที่ในตัว
จะรู้สึกอิ่มเอม และมีปัญญารู้ทั่ว
ไม่มีความกลัว มีแต่กล้า สละตน

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

สติตั้งตัดตัณหา (ได้บารมี) จงตัดตัณหา อันว่าเป็นเหตุ ของอาเพท ทั้งปวง การยึดมั่นถือมั่น หึงหวง ย่อมไม่อาจก้าวล่วง บ่วงมาร

สติตั้งตัดตัณหา
(ได้บารมี)

จงตัดตัณหา อันว่าเป็นเหตุ
ของอาเพท ทั้งปวง
การยึดมั่นถือมั่น หึงหวง
ย่อมไม่อาจก้าวล่วง บ่วงมาร
ทั้งเบื้องสูง เบื้องต่ำ
เบื้องขวาง ท่ามกลาง
ไม่อาจยึดมั่น ปล่อยวาง
หมู่มารตาตั้ง ล่าเหยื่อ
ถือมั่น สิ่งใด ในโลกไว้
มารย่อมติดตามไป เพราะสิ่งนั้น
แกะรอยได้ ตามไปทัน
ชีวิตจบกัน ทุกมหันต์รออยู่
มารมีจริงๆ ไม่ปั้นแต่ง
กำแหง แย่งสรรพสัตว์
เป็นธรรมดา ธรรมชาติ
ของสัตว์ที่ดุร้าย กระหายเลือด
กุศลาธรรมา กับอกุศลาธรรมา
กุศลกับอกุศล พระกับมาร
ธรรมกายขาว กับธรรมกายดำ รบกัน
มนุษย์นั้น พระเศกสรรขึ้นมา
มารตามล้าง ด้วยกิเลสตัณหา
ฝ่ายพระเอาบุญญา ปกป้อง
พระกับมาร ฤทธิ์ประลอง
แย่งกันเป็นเจ้าของ สรรพสัตว์
จึงต้องตัดตัณหา อย่าให้เหลือใย
กิเลสร้าย ชักใยอยู่เบื้องหลัง
เป็นมิจฉาทิฏฐิ สุดดื้อ น่าชิงชัง
สติตั้ง ตัดตัณหา ได้บารมี

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ตัณหา (พาการงานย่อหย่อน) การงานย่อหย่อน ไม่มีผลมาก ฉันทะ ไม่รู้จัก ทำสักแต่ทำ ทำงานไร้สติ ปัญญาต่ำ ไม่เข้าใจทำ ผลงาน ไร้ค่า

 ตัณหา
(พาการงานย่อหย่อน)

การงานย่อหย่อน ไม่มีผลมาก
ฉันทะ ไม่รู้จัก ทำสักแต่ทำ
ทำงานไร้สติ ปัญญาต่ำ
ไม่เข้าใจทำ ผลงาน ไร้ค่า
คนดีมีฉันทะ ไม่ใช่ตัณหา
ใช้สติปัญญา มีศิลปะ เข้าใจทำ
ผลงาน ปานเนรมิตร วิจิตรล้ำ
มีความสุข ดื่มด่ำ เมื่อทำงาน
 ทำงานไม่มีตัณหา มีบุญค้ำ
ชีวิตไม่ตกต่ำ มีแต่โชคดี
แม้มีปัญหา ก็ใช้ขันติ
 ชีวีพลิกผัน อัศจรรย์นัก
ผู้มีตัณหา เหมือนปลาคุ้นน้ำ
ยากเหลือล้ำ จะได้สติ
แม้บ้านอยู่ติดวัด นั่นแหละตัวดี
มีมิจฉาทิฏฐิ แรงนัก จักบอกให้
ใกล้เกลือกินด่าง จึงกล่าวไว้
น่าอัศจรรย์ใจ ในเรื่องชีวิต
ผิดถูก บุญบาป กำกับลิขิต
พระกับมาร ประลองฤทธิ์ อยู่ภายใน
หลวงปู่ฯ ผู้ปราบมาร
น่าอัศจรรย์ ท่านจะไปสุดธรรม
จะช่วยสรรพสัตว์ ต้องจัดการไอ้ดำ
 จะกู้ธาตุธรรม จำต้องไป
หมู่มารใช้ตัณหา มาคุมขัง
สรรพสัตว์ จังงัง ไม่รู้เรื่อง
ตอนจะตาย นั่นหละ สติเฟื่อง
แม้รู้เรื่อง ก็สาย เวียนว่าย อบายภูมิ

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2566

ทำงานด้วยฉันทะ (จะได้บุญใหญ่) คนขยัน ย่อมทำประโยชน์ ซึ่งปรากฎ เมื่อถึงกาล ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง เกียจคร้าน พร้อมทุกวันเวลา เพื่อประโยชน์

  ทำงานด้วยฉันทะ
 (จะได้บุญใหญ่)

คนขยัน ย่อมทำประโยชน์
ซึ่งปรากฎ เมื่อถึงกาล
ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง เกียจคร้าน
พร้อมทุกวันเวลา เพื่อประโยชน์

ย่อมล่วงทุกข์ได้ ด้วยความเพียร
อยากเป็นเซียน ต้องอดทน
แสวงบุญ บ่มบารมี เข้มข้น
ชนะตน ชนะโลกา พาอยู่เย็น
ขยันทำงาน ที่เหมาะเจาะ
ได้ละก็ หาทรัพย์ได้
สัมมาอาชีวะ บุญหลาย
 มีบุญพอจึงได้ ทรัพย์ไหลมา
ผู้ไม่เกียจคร้าน ได้ความสงบใจ
ใจนิ่งใจใส ได้สัมมาอาชีวะ
เป็นศีล ได้บุญใหญ่ ไม่ธรรมดา
เริ่มต้นด้วยฉันทะ จะได้บุญใหญ่
งานที่ได้ ไม่บริสุทธิ์ใส
เมื่อผู้ทำ ไม่ใส่ใจ เกียจคร้าน
งานเป็นมิจฉา ขาดฉันทะ ทำงาน
งุ่นง่าน งี่เง่า เบาปัญญา
ประโยชน์ ย่อมสำเร็จโดยชอบ
แก่ผู้ประกอบ ด้วยฉันทะ
สัมมาอาชีพ บุญใหญ่ ไม่ธรรมดา
บันดาล ให้สมปราถนา ทุกประการ
ทำงาน ในกิจ ที่ล้าหลัง
งานคั่งค้าง สั่งสมปัญหา
 ย่อมวิบัติ ด้วยบาป ขาดฉันทะ
มีตัณหา บาปหนา จึงคั่งค้าง

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566

ตัณหาพาอยาก (จมปลักความทุกข์) ความอยาก เสือกไส นรชน ดิ้นรน ลงต่ำ เหมือนน้ำไหล น้ำไม่อาจขัง หาที่ไป ลงทะเลใหญ่ ตัณหาอุปาทาน

 ตัณหาพาอยาก
(จมปลักความทุกข์)



ความอยาก เสือกไส นรชน
ดิ้นรน ลงต่ำ เหมือนน้ำไหล
น้ำไม่อาจขัง หาที่ไป
ลงทะเลใหญ่ ตัณหาอุปาทาน

ไฟเสมอด้วยราคะ ไม่มี
ไฟราคี ดับไม่ได้..ด้วยน้ำ
เผาชีวิต ไม่คิดหนี เวรกรรม
ช้ำแล้วช้ำ ดำดิ่งตามกันไป

ความโลภ เป็นภัย
เหมือนสนิม ทำลาย เหล็ก
เหล็กแข็งยิ่งนัก จักเหลือเพียงเศษ
ความดีไม่มี มีแต่ทุเรศ เมื่อโลภ

ความละโมบ เป็นบาปแท้
หมู่คนพาลแหนแห่ มาหา
พากันทำชั่ว ไม่ลืมหู ไม่ลืมตา
กว่าสติจะมา ก็ถึงเวลาตาย

ข่ายเสมอด้วยโมหะ หามีไม่
มิจฉาทิฏฐิสุดร้าย สุดอันตรายอเวจี
เถรเทวทัต บังอาจ ตามราวี..
..พระชินสีห์ จึงมีกรรมหนัก

ผู้บริโภคกาม เหมือนล้ำ ยาเสพติด
เป็นโรค
จิต คิดเลิกไม่ได้
นับวัน ยิ่งต้องการใหญ่
อารมณ์ก็ยิ่งร้าย อันตรายต่อส่วนรวม

ผู้บริโภคกาม พร่อง อิ่มไม่เป็น
ยากเหลือเข็น จะอิ่มเอิบเบิกบาน
ขี้โกรธ ตาขุ่นขวาง ทั้งนั้น
จะออกจากมัน ให้ยึดมั่น ศรัทธา

;;;;;;;;;;