วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ใจเป็นสิทธิธาตุ (แต่ขาดอานุภาพ) ใจเป็นสิทธิธาตุ เพียงแต่ขาดอานุภาพ ด้วยใจนั้นอาภัพ ไม่คืนกลับเข้าบ้าน หมกมุ่นโลกีย์ มีกิเลสตัณหาบาน มืดมนอนธกาล หมดสภาพ

 ใจเป็นสิทธิธาตุ
(แต่ขาดอานุภาพ)


ใจเป็นสิทธิธาตุ เพียงแต่ขาดอานุภาพ
ด้วยใจนั้นอาภัพ ไม่คืนกลับเข้าบ้าน
 หมกมุ่นโลกีย์ มีกิเลสตัณหาบาน
มืดมนอนธกาล หมดสภาพ

ลาภยศสรรเสริญ เพลินโลกียสุข
มัวเมากับความสนุก เพลิดเพลิน
ทั้งหลับและตื่น มีแต่เงินกับเงิน
หากินกันเพลิน เหมือนไก่กา

กิเลสตัณหา พาให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ
ยากเหลือที่ สติจะตื่น ฟื้นศรัทธา
หัวดื้อหัวแข็ง เหมือนอีหอยหน้าวัด นั่นหละ
แม้พระ..เหาะให้ดู กูก็ไม่สน

บ้านของใจ คือศูนย์กลางกายนั่นเอง
ใครคนเก่ง ทำใจนิ่งใจหยุด ที่จุดนี้
บุญทะลักถล่มทลาย อานุภาพมี
เกิดมหาปีติ ใจมีพลัง

สัมมาสมาธิ อยู่ที่ศูนย์กางกาย
จึงจะได้ พบพระรัตนตรัย ในตัว
เป็นพระธรรมกาย สว่างไสว ผู้รู้ทั่ว
มีสติ รู้ตัว อย่างสมบูรณ์

สิ่งที่เรามีเราได้เราเป็น เช่นในปัจจุบัน
เหมือนฝัน มันไม่จริง
เมื่อตื่นได้สติ เราก็จะเข้าใจทุกสิ่ง
ชีวิตจริง เมื่อตาย จะรู้ได้ เหมือนฝัน

ดังนั้น สำคัญสุดของชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง
เก็บใจไว้ในแหล่ง สมปราถนา
ณ ศูนย์กลางกาย จะพ้นภัยนานา
มีสุข สมปราถนา ทุกประการ

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ไม่ควรน้อยใจ (ในโชควาสนา) ไม่ควรน้อยใจ ในโชควาสนา เมื่อสติมา เริ่มต้นไหม่ ยังไม่สาย ดีกว่าผู้มีโชควาสนา แต่ว่า เป็นคนเลวร้าย มีศรัทธาได้ นับว่า ไม่เสียชาติเกิด

 ไม่ควรน้อยใจ
(ในโชควาสนา)


ไม่ควรน้อยใจ ในโชควาสนา
เมื่อสติมา เริ่มต้นไหม่ ยังไม่สาย
ดีกว่าผู้มีโชควาสนา แต่ว่า เป็นคนเลวร้าย
มีศรัทธาได้ นับว่า ไม่เสียชาติเกิด

เกิดเป็นมนุษย์ โชคดีสุด มีสติได้
เกิดเป็นสัตว์ โชคร้าย ไม่มีโอกาศ 
เดียรัจฉาน มีสันหลังขนานพื้น ไม่อาจ
นี่น่าประหลาด ธรรมชาติ 
สรรสร้าง

ขอเพียงได้เกิดเป็นมนุษย์ สุดโชคดี
เป็นภูมิสุคติ มีร่างกายที่ ดีเลิศล้น
ฉลาด มีปัญญา รักษาตน
มีโอกาศ หลุดพ้น เมื่อมีสติ

โลกียสมบัติ แม้ขาดแคลน
เพียงอดทน มีสติแน่น รักษาความดี
มีสุขปราโมทย์ ดีกว่าเป็นเศรษฐี
สุขสันโดษอย่างนี้ วิเศษนัก

สุขสันโดษได้ นั่นแหละใช่ เข้าสู่ทางบุญ
มีใจอบอุ่น นุ่มนวล ควรแก่การงาน
มีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสา บุญอนันต์
ชีวิตนี้สุขสสันติ์ สมปราถนา

บุญ เป็นธาตุอจินไตย ใครคิดไม่ถึง
ชีวิตพลิกผัน น่าทึ่ง ตลึงงัน
เป็นคนละคน เหมือนลอกคราบ ยังไงยังงั้น
บุญเสกสรร ชีวิตบันเทิง

อย่ามัวอิจฉา ผู้มีบุญวาสนามาก่อน
แข่งได้แน่นอน แข่งวาสนา
เพียงเดินทางบุญ เลิกวุ่นโลกียะ
มีสัจจะ แสวงบุญญาสร้างบารมี

;;;;;;;;;; 

ชีวีต้องมีปณิธาน (ติดตามท่าน พระผู้รู้) พึงขวนขวาย ในเป้าหมายของตน ทุกคน ควรมีเป้าหมาย ปณิธาน เราไม่ใช่ไก่กา จะมาหากินไปวันวัน เป้าหมายที่ควรฝัน เดินตามท่าน พระผู้รู้

 ชีวีต้องมีปณิธาน
(ติดตามท่าน พระผู้รู้)



พึงขวนขวาย ในเป้าหมายของตน
ทุกคน ควรมีเป้าหมาย ปณิธาน
เราไม่ใช่ไก่กา จะมาหากินไปวันวัน
เป้าหมายที่ควรฝัน เดินตามท่าน พระผู้รู้

หลวงปู่ฯ มหาปูชนียาจารย์
ตั้งใจมั่น เดินตามท่าน สู่สุดธรรม
ดุสิตบุรี เป็นที่พักกลางทาง ไม่ตกต่ำ
ไม่ต้องกลัวไอ้ดำ คุกประหาร

ผู้ที่ขวนขวาย ต้องมีกำลังใจสูงส่ง
จะต้องดำรง..สติ มิละลด
มีปีติเบิกบาน ใจสันโดษ
มีใจปราโมทย์ สุขแท้ แม้อยู่คนเดียว

ทางโลก ทางเพลิน เดินทางมาร
นำไปสู่คุกประหาร สังสารวัฏฏ์
ไหลตามกันเหมือนน้ำ แน่นขนัด
ช่างอ่อนหัด สรรพสัตว์ น่าเวทนา

สรรพสัตว์ ล้วนญาติ ทั้งนั้น
มีสายสัมพันธ์ กันมา ในอดีต
สงเคราะห์ญาติ ขาดไม่ได้ เป็นชีวิต
เป็นบัณฑิต คนดี ต้องมีสังคหะ

การแสวงบุญสร้างบารมี นี้จึงจำเป็น
ไม่ใช่อยากเด่น แต่จำเป็น เพื่อสงเคราะห์
เพื่อดับทุกข์ บำรุงสุข หมู่ญาติรอ
นี่หละหนอ พระโพธิสัตว์

ชีวิตทางธรรม สุขทั้งตน และคนทั่วหล้า
มีปณิธาน แสวงบุญญา สร้างบารมี
ทำพระนิพพานให้แจ้ง สุดชีวี
ธรรมชาติสดสี ชีวีสมสุข กันทุกคน

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

โลกนี้ (เป็นที่แสวงบุญ) บ้านจริงของทุกคน ไม่ได้อยู่บนโลกนี้ แต่อยู่ที่..หลังตาย ที่ไหนไม่รู้ มี๓๐ภูมิ วนเวียนไป เป็นที่อยู่ เป็นภูมิที่ทุกผู้ รับวิบาก บุญบาปพาไป

 โลกนี้
(เป็นที่แสวงบุญ)


บ้านจริงของทุกคน ไม่ได้อยู่บนโลกนี้
แต่อยู่ที่..หลังตาย ที่ไหนไม่รู้
มี๓๑ภูมิ วนเวียนไป เป็นที่อยู่
เป็นภูมิที่ทุกผู้ รับวิบาก บุญบาปพาไป

มาโลกนี้ มีกิจกรณีย์ คล้ายมาขุดทอง
แต่เรา จองหอง เห็นทองแล้วไม่ขุด
เป็นผู้ประมาท เมาโลกีย์ อุตลุด
ได้สติ ก่อนชีวิตจะสิ้นสุด ก็สายแล้ว

น้อยคนนัก จักได้สติ มิลืมขุดทอง
เข้าสู่ครรลอง คลองธรรม แสวงบุญ
ด้วยกิเลสตัณหา ทำให้หมกมุ่น
มีใจขุ่น ไม่ใส ไร้พลัง

เห็นเงินเป็นพระเจ้า เอาแต่ทำมาหากิน
ชีวิตทั้งสิ้น แสวงหา ลาภยศสรรเสริญ
สุขแต่ตน ล้นแล้วล้น เพลิดเพลิน
หลงเดิน..ลงต่ำ ตามๆกัน

ไม่นึกเฉลียวใจ ตายแล้วจะเป็นอย่างไร
อวดฉลาด ประมาทอย่างร้าย น่าเวทนา
เหมือนอีหอย หน้าวัด  นั่นหละ
แม้ว่า เหาะให้ดู กูก็ไม่สน

โลก คือโรงละครใหญ่
มีบุญบาป กำกับให้ คิดพูดทำ
สรรพสัตว์ ไม่เป็นตัวของตัว น่าขำ
ทำทางทำท่า ต่างๆ อย่างตั้งใจ

นี้หละ คืออนุภาพ ของมาร
กิเลสตัณหาอุปาทาน สร้างมายา
ดูราวกับว่า เป็นจริงเป็นจัง นักหนา
ตอนใกล้ตายนั่นหละ จะเสียใจ

;;;;;;;;;;

ชนะตน (คนวิเศษ) ติตนเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น เมื่อใจใส สติมั่น พลันคิดได้ เลิกทำชั่ว กลับตัว กลับใจ ไม่มีสาย ขอเพียงให้ กลับตัว

 ชนะตน
(คนวิเศษ)


ติตนเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
เมื่อใจใส สติมั่น พลันคิดได้
เลิกทำชั่ว กลับตัว กลับใจ
ไม่มีสาย ขอเพียงให้ กลับตัว

ผิดก็รู้ แต่กู ก็ไม่เลิกทำชั่ว
ไม่กลับตัวกลับใจ นิสัยพาล
ด้วยสติแผ่ว หิริโอตัปปะ ไม่มั่น
แพ้ตัณหามัน จึงพาลต่อไป

สติ เป็นดั่งมารดา คอยว่ากล่าว
ตักเตือนเจ้า ให้เป็นคนดี
ใจเหมือนเด็กน้อย ซนเหลือที่
การฝึกสติ ให้เป็นมหาสติ นี้จึงจำเป็น

การฝึกสติ เจริญภาวนา หรือนั่งสมาธิ
จึงเป็นกิจกรณีย์ ของบัณฑิต
ผู้มีปัญญา มีศรัทธา รู้จักชีวิต
รีบเร่งสุดขีด รู้ว่าชีวิต เป็นของน้อย

เป้าหมายชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง
กฎแห่งกรรมนั้นแรง ประมาทไม่ได้
สังสารวัฏฏ์ คุกประหาร อันตราย
 ทุกข์ใหญ่ น้ำตาไหล มากกว่าน้ำสมุทร

บัณฑิต เตือนตน สอนตนได้
ด้วยปัญญาใส มีคุณธรรมใหญ่ หิริโอตัปปะ
เป็นคนพึ่งตน ไม่ใช่คนธรรมดา
จุติมาจากฟ้า เทวดาเดินดิน

คนชนะตน เตือนตนได้
เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ชนะกิเลส
เดินทางธรรม นำมหาชน พ้นภัยเพท
ทุกคามเขต แซ่ซร้อง บูชา

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565

พระธรรมกาย (เป้าหมายชีวิต) ตระเตรียมตน ให้เป็นคนดีเสียก่อน ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวจะได้นอนเย็น สิ่งอันเป็นที่รัก ท่านจักได้เห็น นอนมาเย็นๆ อย่างน่าอัศจรรย์

 พระธรรมกาย
(เป้าหมายชีวิต)


ตระเตรียมตน ให้เป็นคนดีเสียก่อน
ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวจะได้นอนเย็น
 สิ่งอันเป็นที่รัก ท่านจักได้เห็น
นอนมาเย็นๆ อย่างน่าอัศจรรย์

การตระเตรียมตน คือเตรียมใจให้หยุดนิ่ง
ปล่อยทิ้ง ความโลภโกรธหลง
หลุดจากตัณหา โลกียะ ปลดปลง
มีใจปลอดโปร่ง โล่งเบา สว่างไสว

รู้หรือไม่ ใจเรานั้น เป็นธาตุสำเร็จ
คิดแล้วก็เสร็จ สมปราถนา
แต่ต้องอยู่ตรงตำแหน่งที่ กลางกายา
เป็นแหล่งสมปราถนา อานุภาพ

ใจนิ่งใจหยุด ที่จุดกลางกายา
เป็นแหล่ง บุญญาวาสนา บารมี
เป็นแหล่งปลอด กิเลสตัณหา กาลี
ตนเป็นตนเต็มที่ เป็นพระรัตนตรัย

นี้คือวิชชาธรรมกาย ที่มารร้ายกลัว
เป็นสมาธิในตัว ผ่านศูนย์กลางกาย
นี่หละสัมมาสมาธิ ที่มารกลัวหลาย
สูญหายไป หลังปรินิพพานได้๕๐๐ปี

หลวงปู่ฯ ท่านกู้คืนมาได้
ในคืนเดือนหงาย ขึ้น๑๕ค่ำ
ท่านตั้งปณิธาน ไปสุดธรรม
ปราบไอ้ดำ ตัวการ ตัวมารใหญ่

เราเกิดมาเตรียมตน เตรียมใจ
เข้าถึงพระรัตนตรัยให้ได้ เป้าหมายชีวิต
จึงจะทำพระนิพพานให้แจ้ง ได้สมจิต
เป็นอจินไตย เกินคิด ของคน

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ชนะตน (คนชนะโลก) ชนะตน นั่นแหละเป็นดี ที่สุด เปรียบประดุจ ถอนรากถอนโคน ของปัญหา ด้วยปัญหาทั้งหลาย ล้วนมีที่มา จาก กิเลสตัณหา อุปาทานในตน

 ชนะตน
(คนชนะโลก)


ชนะตน นั่นแหละเป็นดี ที่สุด
ประดุจ ถอนรากโคน ของปัญหา
ด้วยปัญหาทั้งหลาย ล้วนมีที่มา
จาก กิเลสตัณหา อุปาทานในตน

คนชนะตน คือพ้นโลกีย์วิสัย
ตัดอาลัย ในลาภยศสรรเสริญสุข
มีก็สักแต่มี ได้ก็สักแต่ได้ หมดสนุก
ตัดรากแห่งทุกข์ โศกโรคภัย

ทุกคน กำลังป่วย ด้วยโรคตัณหา
แต่ไม่รู้ว่า ตนนั้นป่วย ไม่สบาย
หัวเราะลั่น สนุกสนาน กันใหญ่
อุปสรรคปัญหา ทั้งหลาย เห็นเป็นธรรมดา

พระโพธิสัตว์ ประหลาด ไม่ปล่อย
มีผลต้องมีเหตุ ไม่ลอยมา เฉยๆ
ท่านจึงออกค้นหา ไม่มัวนอนสะเบย
จึงได้รับคำเฉลย เมื่อบรรลุธรรม

กิเลสภายในตน ต้นเหตุปัญหา
การติดในโลกียะ นั่นหละ ตัวมัน
ด้วยขาดสติ มีใจออกห่างตน เป็นสำคัญ
จึงต้องขยัน ฝึกสติ เป็นกรณียกิจ

เดินตามทางภายใน ไปพบพระ
นั่นหละ พระรัตนตรัย ในตน
จะได้รู้แจ่มแจ้ง ถึงเหตุผล
เป็นเรื่องสับสน เกินคนคิดได้

การเอาชนะตน คนเอาชนะตัณหา
ต้องอดทน ต่อโลกียะ ชนะโลก
เกิดปัญญา และอานุภาพ มารตระหนก
ทำโลกทั้งโลก ให้อยู่เย็น

;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2565

คนมีปัญญา (เป็นที่พึ่งพามหาชน) คนมีปัญญา ควรจะ สร้างเกาะที่อยู่ ที่น้ำหลากมาสู่ ท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ไม่ประมาท อย่าวางใจ สำรวมระวัง ข่มใจ รักษาสติ

 คนมีปัญญา
(เป็นที่พึ่งพามหาชน)


คนมีปัญญา ควรจะ สร้างเกาะที่อยู่
ที่น้ำหลากมาสู่ ท่วมไม่ได้
ด้วยความหมั่น ไม่ประมาท ไม่วางใจ 
 สำรวมระวังระไว ข่มใจ รักษาสติ

เกาะที่อยู่ ไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในตน
ทุกคน มีเกาะ จำเพาะของท่าน
แต่ว่าไม่สน ดิ้นรน ร่าน
ชอบไปอยู่นอกตนนอกบ้าน อันตราย

หมั่นรักษาสติ มิประมาท อย่าวางใจ
ท่านย้ำหลาย รักษาสติ
ให้อยู่ในบ้าน ในตน คนดี
พ้นภัยพาลี สังสารวัฏฏ์

ทำพระนิพพานให้แจ้ง กรณียกิจ
มุ่งสุดขีด ด้วยชีวิต มีภัย
หนีคุกประหาร วัฏฏสงสาร ให้ได้
รีบปลดอาลัย โลกีย์ ชีวีเป็นของน้อย

แสวงบุญสร้างบารมี เสบียงเลี้ยงชีวิต
วัฏฏสงสาร อำมหิต ชีวิตเดินทางไกล
วัฏฏสงสาร ไม่มีต้น ไม่มีปลาย
เสบียงจึงสำคัญหลาย อย่าได้ประมาท

นักสร้างบารมีเท่านั้น ไปสวรรค์ได้
แสวงบุญ จึงใช่ เป็นหน้าที่
ต้องเข้าวัด ธรรมปฏิบัติ เป็นชีวี
ทำอย่างนี้ เป็นชีวี ไม่ประมาท

ผู้มีปัญญา มีศรัทธา ในพระศาสน์
มีชีวิตเคร่งครัด ทานศีลภาวนา
บำเพ็ญทานประพฤติธรรม สงเคราะห์ญาติกา
เป็นที่พึ่งของประชา มหาชน

;;;;;;;;;;