แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชนะตน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชนะตน แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ชนะตน (ชนะโลก) ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี ที่สุด ของชัยชนะ ชนะพาลภายใน สุขสมปราถนา ได้ชื่อว่า ชนะโลก

ชนะตน
(ชนะโลก)

ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
ที่สุด ของชัยชนะ
ชนะพาลภายใน สุขสมปราถนา
ได้ชื่อว่า ชนะโลก

ได้ยินว่าตนแล ฝึกได้ยาก
ต้องรู้จัก ขันติ ความอดทน
เอาชนะ กิเลสในตน
 ยากเหลือล้น ออกจากปลักตัณหา
ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นแสงสว่างของบุรุษ
เป็นมนุษย์ ผู้หลุด จากโลกโลกีย์
เข้าสู่เส้นทางธรรม สงบสันติ
หนี กฎแห่งกรรม คุกประหาร
ตนแล เป็นที่พึ่งของตน
บุญกุศล คือตัวตนอัตตา
ส่วนบาป  ต่ำช้า
เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
ตนเทียว เป็นคติของตน
เราทุกคน มีทางเดินเฉพาะ
ไม่มีใครช่วยใครได้ ไม่อาจขอ
บุญเท่านั้นหนอ เพื่อนแท้
ตนแล เป็นที่รักยิ่ง
ทำดีทุกสิ่ง ก็เพื่อตน
ทำดีได้ดี ได้บุญกุศล
ทำดีให้คน แต่ตนได้
ความรักอื่น เสมอด้วยตนไม่มี
ตนในที่นี้ คือบุญ
เหมือนมารดา ติดตามค้ำจุน
เกื้อหนุน ไม่มีเบื่อหน่าย

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ชนะตน (คนวิเศษ) ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร อยู่ไม่เป็นสุข เหมือนเทวทัต กับองค์พระพุทธ ทางแห่งสุข คือการให้

 ชนะตน
(คนวิเศษ)

 ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร
อยู่ไม่เป็นสุข
เหมือนเทวทัต ผูก
ทางแห่งสุข คือการให้

การให้ธรรม
ย่อมชนะ การให้ทั้งปวง
ให้สุขสำเร็จ ให้ทุกข์ล่วง
ให้พ้นภัยทั้งปวง ในวัฎฎะ
 รสแห่งธรรม
ย่อมชนะ รส ทั้งปวง
ได้ปีติสุข อย่างใหญ่หลวง
พ้นตัณหา ที่ยากจะล่วง ได้
ความยินดีในธรรม
ย่อม ชนะความยินดีทั้งปวง
ยอมทิ้งราคะ ละความหึงหวง
สามารถล่วง ความตระหนี่
ความสิ้นตัณหา
ย่อม ชนะทุกข์ทั้งปวง
ตัณหา ความอยาก ความหวง
เป็นบ่วง ของมาร
ความชนะใด
 กลับแพ้ได้ นั้นไม่ดี
เป็นเหยื่อล่อ ของหมู่มารี
พวกมารกาลี วางกับดัก
ความชนะใด ที่ไม่กลับแพ้
  นั้นดีแน่ ได้แก่ชนะกิเลส
ชนะใจตน คนวิเศษ
หมดอาเพท สุขสมปราถนา

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2567

ชนะตน (คนชนะโลก) ผู้ใด ครอบงำตัณหาลามก ความโศก ย่อมตกไป เหมือนหยาดน้ำ ตกจากบัวใบ แต่สุดยากหลาย จักพ้นโลกตัณหา

 ชนะตน
(คนชนะโลก)

ผู้ใด ครอบงำตัณหาลามก
ความโศก ย่อมตกไป
เหมือนหยาดน้ำ ตกจากบัวใบ
แต่สุดยากหลาย จักพ้นโลกตัณหา

ตัณหา อุปาทาน ทยานอยาก
ยิ่งมีมาก อยากได้มาก อิ่มไม่เป็น
เหมือนกาไก่ หากินไป กรรมเวร
มีกรรมวิบาก เป็น ผู้กำกับ
กิเลสตัณหา ลับลวงพลาง
โลกนี้ เป็นอย่าง คุกใหญ่
กิเลสกรรมวิบาก เป็นวินัย
การเป็นการมีการได้ เป็นวิบาก
ผู้มีปัญญา ศรัทธา ในพระพุทธองค์
บุญบารมีส่ง เห็นกลโกง ของมาร
เห็นวัฏฏจักร เป็นคุกประหาร
วัฏฏสงสาร เวียนว่าย
มีครอบครัว ยากนักจักพ้นตัณหา
การบวชพระ จึงเป็นกุศโลบาย
พ้นจากบ่วงตัณหา ตัวร้าย
หรือไม่ ก็ควรได้เข้าวัด ปฏิบัติธรรม
เมื่อพ้นตัณหา เข้าสู่ทางธรรม
สุขล้ำ ทางสมบัติสาม
บารมีเป็นสาย คอยติดตาม
พ้นกระแสทุกข์ กิเลสกรรมวิบาก
ผู้ชนะตน คือผู้พ้นตัณหา
ได้ชื่อว่า ชนะโลก
เป็นดั่งเทวดา หมดทุกข์โศก
อยู่ในโลก เพื่อสร้างบารมี

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ชนะตน (คนชนะโลก) ชนะตน นั่นแหละ เป็นดี ชนะตนนี้ คือคนชนะโลก ชนะตัณหาอุปาทาน ชนะทุกข์โศก หลุดจากโลกๆ โลกีย์

 ชนะตน
(คนชนะโลก)

ชนะตน นั่นแหละ เป็นดี
ชนะตนนี้ คนชนะโลก
ชนะตัณหาอุปาทาน ชนะทุกข์โศก
หลุดจากโลกๆ โลกีย์
เข้าสู่เส้นทางธรรม ทางสมบัติ
พ้นกิเลสกรรมวิบาก กระแสอบาย
ความทุกข์ยากนาๆ มลาย
สวรรค์ครรลัย เป็นแดนเกิด
โลกโรงละคร หลอนสรรพสัตว์
ผู้อ่อนหัด หลงโลกโลกีย์
เมื่อตอนจะตาย จึงได้สติ
ว่าโลกนี้ เป็นเช่น เล่นละคร
ชนะตน คนมีสติ
ระลึก รู้สึกตัวดี อยู่ที่ในตน
ออกจากโลก เข้าสู่ทางธรรม ทางพ้น
เป็นตัวของตน เป็นอัตตา
การระลึกรู้นอกตน มารหลอก
ยากจะดูออก บอกให้ตายก็ไม่เชื่อ
เหมือนอีหอยหน้าวัด ที่น่าเบื่อ
เป็นเบื้อ เป็นบ้า แลบลิ้นปลิ้นตาใส่พระ
หมู่มาร ไล่กวาดต้อนสรรพสัตว์
เหมือนกันชัด เป็นเช่น กวางเนื้อ
เป็นอาหาร ของราชสีห์ หรือเสือ
ทุกข์มากเหลือเชื่อ อจินไตย
ชนะคนอื่น ไม่ชื่น มีเวรภัย
สุดท้าย เก่งแค่ไหน แพ้ภัยตน
รับกรรมในอบาย หนีไม่พ้น
ชนะตน คนชนะโลก

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ชนะตน (คือคนเก่งแท้) ใครๆ ก็ใคร่อยากเป็นคนเก่ง นักเลง ก็คิดว่าตนเอง เก่งไม่เบา คนทั้งหลาย ชอบยกหางตนเองเอา บอกให้เขา..รู้ว่า ข้านี้เก่ง


 ชนะตน
(คือคนเก่งแท้)

ใครๆ ก็ใคร่อยากเป็นคนเก่ง
นักเลง ก็คิดว่าตนเอง เก่งไม่เบา
คนทั้งหลาย ชอบยกหางตนเองเอา
บอกให้เขา..รู้ว่า ข้านี้เก่ง

เก่งแท้ แน่ๆ คือชนะ และสำเร็จ
มีชื่อเสียง ทั่วไทยเทศ รู้จัก
เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ เดชามาก
และสำคัญนัก เป็นที่พึ่งพา มหาชน

เก่งแท้ ได้แก่ ชนะตน
เป็นคน..เอาชนะกิเลส ต้นเหตุทุกข์ได้
ฝึกตนบำเพ็ญตบะ ละตัณหา ตัดอาลัย
ทำใจ ให้หยุดให้นิ่งได้ ในตน

เข้าถึงพระรัตนตรัยในตน เปี่ยมล้นคุณวิเศษ
อันเป็นเหตุ สำเร็จและชัยชนะ
เป็นคนเหนือคน และเหนือฟ้า
มนุษย์และเทวา แซ่ซร้องสรรเสริญ

เก่งภายนอก เก่งหลอกๆ คนพาล
สติแตก เป็นช้างตกมัน หรือสุนักบ้า
ฟาดหัวฟาดหาง ฟาดงวงฟาดงา
ไม่ใช่เก่ง แต่เป็นบ้า ท้านรก

คนเก่ง เมื่อมีปัญหา อุปสรรค
รู้จัก..ตั้งสติ อดทนอดกลั้น
ไม่สู้ไม่หนี ทำความดี สุดชีวัน
มุ่งมั่น แสวงบุญสร้างบารมี

ไม่สู้ คือไม่เป็นศัตรูกับใคร
รักษาใจ ไม่ให้ตกต่ำ
ไม่หนีจากหมู่คณะ สามัคคีล้ำ
ได้บารมี..ไม่ต่ำ ปราบมาร

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ชนะตน (คนเหนือฟ้า) ชนะตน นั่นแหละเลิศ ประเสริฐกว่า คนธรรมดา ชอบเอาชนะคนอื่น เป็นคนยอมคน เคารพคน เทพระเริงรื่น ไม่ดาดดื่น หายาก รู้จักยอมคน

 ชนะตน
(คนเหนือฟ้า)


ชนะตน นั่นแหละเลิศ ประเสริฐกว่า
คนธรรมดา ชอบเอาชนะคนอื่น
เป็นคนยอมคน เคารพคน เทพระเริงรื่น
ไม่ดาดดื่น หายาก รู้จักยอมคน

ชนะตน คือคนชนะกิเลส
เป็นคนวิเศษ เหนือฟ้า
เป็นที่เคารพรัก ของมนุษย์ และเทวา
นำพามหาชน พ้นอบาย

ชนะกิเลสได้ ไม่ต้องเวียนว่ายวัฏฏะ
สุขสมปราถนา ย่อมมีมาทุกประการ
เดินทางบุญ ทางสมบัติ ทางพ้นมาร
ทางไปสู่พระนิพพาน อมตะ

ชนะตน คือคนชนะโลก
หมดโศก หมดเศร้า หมดเมาตัณหา
ชีวิตไร้ทุกข์ สุขสมปราถนา
สุขอุรา ทั้งตนและคนอื่น

สุขด้วยเมตตา กรุณามหาชน
เป็นสุขเปี่ยมล้น ด้วยจาคะ
 มีเพื่อให้ เหมือนแม่น้ำใหญ่ นั่นหละ
อันเป็นชีวา ของมหาชน

สุขทางโลก ชุ่มโชกด้วยตัณหา
เป็นสุขเหมือนปลา หลงเหยื่อ
เป็นเหมือนไฟ ที่ไม่อิ่มด้วยเชื้อ
กินไม่เหลือ ยิ่งกินยิ่งอยาก

ตัณหา พาสุขสมใจอยาก
จมปลัก สุดยาก จะได้สติ
เหมือนอีหอย หน้าวัด ตัวดี
แลบลิ้นปลิ้นตา เสียดสี พระ

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ชนะตน (คนวิเศษ) ติตนเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น เมื่อใจใส สติมั่น พลันคิดได้ เลิกทำชั่ว กลับตัว กลับใจ ไม่มีสาย ขอเพียงให้ กลับตัว

 ชนะตน
(คนวิเศษ)


ติตนเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
เมื่อใจใส สติมั่น พลันคิดได้
เลิกทำชั่ว กลับตัว กลับใจ
ไม่มีสาย ขอเพียงให้ กลับตัว

ผิดก็รู้ แต่กู ก็ไม่เลิกทำชั่ว
ไม่กลับตัวกลับใจ นิสัยพาล
ด้วยสติแผ่ว หิริโอตัปปะ ไม่มั่น
แพ้ตัณหามัน จึงพาลต่อไป

สติ เป็นดั่งมารดา คอยว่ากล่าว
ตักเตือนเจ้า ให้เป็นคนดี
ใจเหมือนเด็กน้อย ซนเหลือที่
การฝึกสติ ให้เป็นมหาสติ นี้จึงจำเป็น

การฝึกสติ เจริญภาวนา หรือนั่งสมาธิ
จึงเป็นกิจกรณีย์ ของบัณฑิต
ผู้มีปัญญา มีศรัทธา รู้จักชีวิต
รีบเร่งสุดขีด รู้ว่าชีวิต เป็นของน้อย

เป้าหมายชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง
กฎแห่งกรรมนั้นแรง ประมาทไม่ได้
สังสารวัฏฏ์ คุกประหาร อันตราย
 ทุกข์ใหญ่ น้ำตาไหล มากกว่าน้ำสมุทร

บัณฑิต เตือนตน สอนตนได้
ด้วยปัญญาใส มีคุณธรรมใหญ่ หิริโอตัปปะ
เป็นคนพึ่งตน ไม่ใช่คนธรรมดา
จุติมาจากฟ้า เทวดาเดินดิน

คนชนะตน เตือนตนได้
เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ชนะกิเลส
เดินทางธรรม นำมหาชน พ้นภัยเพท
ทุกคามเขต แซ่ซร้อง บูชา

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ชนะตน (คนชนะโลก) ชนะตน นั่นแหละเป็นดี ที่สุด เปรียบประดุจ ถอนรากถอนโคน ของปัญหา ด้วยปัญหาทั้งหลาย ล้วนมีที่มา จาก กิเลสตัณหา อุปาทานในตน

 ชนะตน
(คนชนะโลก)


ชนะตน นั่นแหละเป็นดี ที่สุด
ประดุจ ถอนรากโคน ของปัญหา
ด้วยปัญหาทั้งหลาย ล้วนมีที่มา
จาก กิเลสตัณหา อุปาทานในตน

คนชนะตน คือพ้นโลกีย์วิสัย
ตัดอาลัย ในลาภยศสรรเสริญสุข
มีก็สักแต่มี ได้ก็สักแต่ได้ หมดสนุก
ตัดรากแห่งทุกข์ โศกโรคภัย

ทุกคน กำลังป่วย ด้วยโรคตัณหา
แต่ไม่รู้ว่า ตนนั้นป่วย ไม่สบาย
หัวเราะลั่น สนุกสนาน กันใหญ่
อุปสรรคปัญหา ทั้งหลาย เห็นเป็นธรรมดา

พระโพธิสัตว์ ประหลาด ไม่ปล่อย
มีผลต้องมีเหตุ ไม่ลอยมา เฉยๆ
ท่านจึงออกค้นหา ไม่มัวนอนสะเบย
จึงได้รับคำเฉลย เมื่อบรรลุธรรม

กิเลสภายในตน ต้นเหตุปัญหา
การติดในโลกียะ นั่นหละ ตัวมัน
ด้วยขาดสติ มีใจออกห่างตน เป็นสำคัญ
จึงต้องขยัน ฝึกสติ เป็นกรณียกิจ

เดินตามทางภายใน ไปพบพระ
นั่นหละ พระรัตนตรัย ในตน
จะได้รู้แจ่มแจ้ง ถึงเหตุผล
เป็นเรื่องสับสน เกินคนคิดได้

การเอาชนะตน คนเอาชนะตัณหา
ต้องอดทน ต่อโลกียะ ชนะโลก
เกิดปัญญา และอานุภาพ มารตระหนก
ทำโลกทั้งโลก ให้อยู่เย็น

;;;;;;;;;