วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

กิเลสเหมือนป่า (ฆ่าพืชผล) จงตัดป่า อย่าตัดต้นไม้ ป่านั้น เป็นคล้าย..กิเลส ขึ้นคลุมต้นไม้ เป็นอาเพท ก่อเหตุ มากหลาย ต้นไม้ไม่โต

 กิเลสเหมือนป่า
(ฆ่าพืชผล)

 จงตัดป่า อย่าตัดต้นไม้
ป่านั้น เป็นคล้าย..กิเลส
ขึ้นคลุมต้นไม้ เป็นอาเพท
ก่อเหตุ มากหลาย ต้นไม้ไม่โต

ภัยเกิดจากป่า ตัดป่าให้สิ้นซาก
ตระหนัก เร็วไว ก่อนไฟจะมา
อันตรายนัก กิเลสตัณหา
คนไม่รู้สา เหมือนปลาคุ้นน้ำ
และสิ่งที่อยู่ในป่า ก็อย่าให้เหลือ
 ไม่ต้องเผื่อ ขจัดให้สิ้นซาก
สะอาดหมดจด ไม่มีแม้กาก
กิเลสตัณหา ร้ายนัก ขจัดให้สิ้น
ปลูกความดี ที่ใจใสบริสุทธิ์
เยี่ยมยุทธ ด้วยศรัทธา มหาศาล
ทุ่มชีวิต ด้วยจิตชื่นบาน
ได้บุญมหาศาล เป็นบารมี
กิเลสตัณหา ยิ่งกว่ายาเสพติด
สรรพสัตว์ จมมิด ในความมืด
เป็นมิจฉาทิฏฐิ เหนียวหนืด
แม้รู้ว่าร้าย แต่ก็ยึด ไม่คลาย
เหมือนให้ปลาขึ้นบก
หรือห้ามนก ไม่ให้บิน
ยากที่จะเป็นไปได้ ทั้งสิ้น
 พลิกผันชีวิน ด้วยศรัทธา
ทานศีลภาวนา เป็นบันได
ค่อยๆก้าวขึ้นไป ตามลำดับ
ทำลายป่ากิเลส อาเพท เหลือรับ
มีพระผู้รู้กำกับ นำฝ่า ป่ากิเลส

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

สัตบุรุษเพียงหนึ่ง (โลกพึ่งได้) เสนาหมู่ใหญ่ พร้อมด้วยพระราชา ก็ไม่อาจจะ หาประโยชน์ใดใด ไม่อาจสู้ สัตบุรุษ หนึ่งเดียวได้ เวรทั้งหลาย ย่อมระงับด้วยขันติ

 สัตบุรุษเพียงหนึ่ง
(โลกพึ่งได้)

เสนาหมู่ใหญ่ พร้อมด้วยพระราชา
 ก็ไม่อาจจะ หาประโยชน์ใดใด
ไม่อาจสู้ สัตบุรุษ หนึ่งเดียวได้
 เวรทั้งหลาย ย่อมระงับด้วยขันติ

 ขันตินี้เป็น เช่นไฟอย่างยิ่ง
เผาย่างปิ้ง กิเลส เศษไม่เหลือ
ได้อานุภาพบารมี อย่างเหลือเชื่อ
ปราบสิ้นไม่เหลือเชื้อ พาลไพร
เป็นคนยอมคน อดทนขันติ
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
รักษาสามัคคี ของหมู่คณะไว้
ศัตรูแม้มีกำลังหลาย แพ้ภัยตนเอง
ศัตรูแพ้ใจ รักใคร่ปรองดอง
เข้ามาร่วมห้อง เกี่ยวข้องสรรสร้าง
โลกทั้งผอง เป็นพี่น้อง สุขสมหวัง
โลกและสวรรค์ เหมือนกันจัง สงบสุข
 ขันติ อดทน พ้นโลกโลกีย์
ทุ่มชีวี ทำพระนิพพานให้แจ้ง
สร้างบารมี บุญแสวง
เข้าถึงแหล่ง พระรัตนตรัยในตน
หนีพ้นอันตราย ภัยวัฏฏะ
เป็นที่สุดปราถนา ของชีวิต
พ้นกฎแห่งกรรม กฎไตรลักษณ์ อำมหิต
สู่พระนิพพานอมตะ ด้วยฤทธิ์ ขันติ
ขันติธรรมล้ำเลิศ ประเสริฐแท้
ได้ชัยชนะแน่ ใสใส
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ยอมคนได้ รักษาไว้ สามัคคี

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ตระหนี่มีโลภะ (ศรัทธาไม่เกิด) ผู้โลภ ย่อมไม่รู้อรรถ รู้ไม่ชัด ไม่ซาบซึ้ง ถึงคำสอนสั่ง จึงไม่เกิดฉันทะ ได้แต่ฟัง สติไม่ตั้ง ไม่หยั่งลงสู่ศรัทธา

 ตระหนี่มีโลภะ
(ศรัทธาไม่เกิด)

ผู้โลภ ย่อมไม่รู้อรรถ
รู้ไม่ชัด ไม่ซาบซึ้ง ถึงคำสอนสั่ง
จึงไม่เกิดฉันทะ ได้แต่ฟัง
สติไม่ตั้ง ไม่หยั่งลงสู่ศรัทธา

ประมาทดูเบา ในคำสอน
ด้วยใจมีตะกอน ตัณหา
ยึดติดโลกภายนอก ที่หลอกตา
ชอบสนุกสนานเฮฮา ไปวันๆ
ผู้โลภ ย่อมไม่เห็นธรรม
ใจมืดดำ ไร้สติปัญญา
ขาดสติ มีความเห็น เป็นมิจฉา
ไม่ต่างจากไก่กา ปลาในน้ำ
โลภ ตระหนี่ มีแล้วไม่ให้
ไม่สละออกไป ใจจึงติดโลกโลกีย์
ใจไม่นุ่มนวล จึงไม่อาจหนี
อวดมั่งอวดมี ลาภยศสรรเสริญ
ความโลภครอบงำ เมื่อใด
มีใจต่ำใจดำ ขาดเมตตา
ดูดาย เห็นใครเดือดร้อน ไม่นำพา
สมน้ำหน้า สุขอุราสมใจ
โลกโลกีย์ ตัณหามี ไม่รู้
หลังตาย ทุกผู้ ไปสู่อบาย
น่าเวทนา สรรพสัตว์ทั้งหลาย
พากันเวียนว่าย ในอบายภูมิ
ความมืดมิด ย่อมมีเมื่อนั้น
เมื่อความโลภ..โมโทสัน ปรากฎ
ใจมืดสนิท ไม่ใสไม่สด
บังบด คุณธรรม คำสอน

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ทางสองแพร่ง (แบ่งสรรพสัตว์) ทางสองแพร่ง แบ่งสรรพสัตว์ แบ่งชัด ทางบาปกับทางบุญ ทางไหลลงต่ำ กับทางไปสูง ทางมุ่ง..อบาย กับทางไปสวรรค์

 ทางสองแพร่ง
(แบ่งสรรพสัตว์)

ทางสองแพร่ง แบ่งสรรพสัตว์
แบ่งชัด ทางบาปกับทางบุญ
ทางไหลลงต่ำ กับทางไปสูง
ทางมุ่ง..อบาย กับทางไปสวรรค์
คนแทบทั้งสิ้น ไปทางต่ำ
เหมือนน้ำ ไหลลงทะเล
ขาดสติ หลงโลกีย์ คิดว่าเท่
 จบเห่ ได้สติ ตอนจะตาย
ทางบุญทางธรรม ทางบัณฑิต
ทุ่มชีวิต ตามติดท่านผู้รู้
 อดทน ไม่หนี ไม่สู้
ทำตามครู ทำดีเรื่อยไป
ทางบุญ สว่าง ทางมรรคผล
ทางสาธุชน เข้าวัดปฏิบัติธรรม
ทางสายกลาง เลิศล้ำ
มีสุขดื่มด่ำ สมปราถนา
ทางต่ำ ดำดิ่ง ไปสู่อบาย
หมู่มารร้าย ไล่ต้อน ด้วยตัณหา
สรรพสัตว์ สนุกสนาน เฮฮา
ไม่รู้สึกรู้สา เหมือนปลาหลงเหยื่อ
ชีวิต คือการเดินทาง วัฏฏะ
วนเวียนไม่เลิกลา จนกว่าหมดกิเลส
คนทั้งหลาย ไม่รู้สา น่าสมเพช
ยอมแพ้กิเลส ไม่ฝึกฝน ทนตัณหา
เดินทางธรรม ฝึกฝน ทนตัณหา
ทานศีลภาวนา ทางสายกลาง
ยอมทน ไม่สู้ไม่หนี ทำดีไม่วาง
ปณิธานตั้ง ฝึกตน ทนกิเลส

;;;;;;;;;; 

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

คนทำกรรมชั่ว (รู้ตัวเมื่อสาย) กรรมชั่ว ย่อมมีผล ทุคติ กฎแห่งกรรมนี้ ไม่มีใครต้าน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แม่นมั่น ผู้มีศรัทธาเท่านั้น หิริโอตัปปะ

 คนทำกรรมชั่ว
(รู้ตัวเมื่อสาย)

กรรมชั่ว ย่อมมีผล ทุคติ
กฎแห่งกรรมนี้ ไม่มีใครต้าน
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แม่นมั่น
ผู้มีศรัทธาเท่านั้น หิริโอตัปปะ
ผู้ศรัทธามีน้อยนัก สักเท่าเขาวัว
ส่วนขนทั้งตัว เป็นผู้ ไร้ศรัทธา
คือผู้ ไม่เข้าวัดเข้าวา
มีตัณหาแก่กล้า เริงร่าโลกีย์
หากินเพลิน หาเงินเลี้ยงชีพ
เช้าก็เร่งรีบ ออกจากบ้าน งานๆๆ
 งานสุจริตก็ดี แต่นี่ไม่อย่างนั้น
 โลภโมโทสัน ไม่แบ่งปันผู้ใด
จิตโลภ ใจมืด อึดอัด
เงินวิบัติ ไม่อาจขาดอบายมุข
เพลินโลกีย์ มีชีวี ราคาถูก
 รักสนุก ทุกข์ถนัดในอบาย
 ไม่เชื่อ โลกนี้โลกหน้ามี
ทำดีได้ดี มีที่ไหน
ทำชั่วได้ดี มีถมไป
นรกหมกไหม้ ไม่มี
คนชั่ว ไม่เชื่อว่าพ่อแม่มีคุณ
ใจจึงไม่อบอุ่น ไม่ปีติ
 ตามใจตน ไม่รู้จักชั่วดี
คนขาดกตัญญูนี้ ชีวีมืดมน
ปุถุชน ไม่รู้ตัว มัวเมาตัณหา
เหมือนในฝันนั่นหละ เหมือนจริงจัง
เมื่อตื่น เมื่อจะตาย หรือเมื่อจบหนัง
จึงจังงัง สุดเสียใจ ก็สายแล้ว

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

บุญบาปสรรพสัตว์ (กำกับธรรมชาติและชีวิต) ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ต่างมิติ มีทั้ง แรงดูด และผลักดัน ใจสรรพสัตว์ ก็รวมอยู่ในนั้น เป็นปัจจัยสำคัญ ของการเปลี่ยนแปลง

บุญบาปสรรพสัตว์
(กำกับธรรมชาติและชีวิต)


ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ต่างมิติ
 มีทั้ง แรงดูด และผลักดัน
 ใจสรรพสัตว์ ก็รวมอยู่ในนั้น
เป็นปัจจัยสำคัญ ของการเปลี่ยนแปลง

บุญบาป ในใจ
ปรับเปลี่ยน โลกภายใน ภายนอก
ทั้งส่วนตัว ส่วนรวม ขอบอก
กฎแห่งกรรม ล้อมคอก ทุกสิ่งอย่าง
ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ
มีมิติ ที่สมมาด ต่างกัน
แปลกนัก นำออกก่อน เป็นสำคัญ
อย่าหลงมัน..วิบัติ ไม่ใช่สมบัติ
อยากได้ ทรัพย์สมบัติ
ต้องประหยัด..สุด ประโยชน์สูง
บำเพ็ญทาน หมายมุ่ง
บำรุง..สงฆ์ เป็นสังฆทาน
ได้รูปสมบัติ ไม่อาฆาตมาดร้าย
รักษาใจใส ไม่โกรธเกลียด
สะอาด ระเบียบ ละเมียด
ความเครียด ขุ่นข้อง ไม่มี
ได้คุณสมบัติ ต้องปฏิบัติธรรม
สติ ไม่ให้ตกต่ำ สำคัญนัก
เอาใจไว้ในตน เมตตามาก
อัศจรรย์นัก คุณสมบัติเกิด 
ทานศีลภาวนา สละกิเลส
อันเป็นเหตุ..ให้ ใจหยาบ
ได้สมบัติสาม ต้องเว้นบาป
ใจสว่าง แวววับ สมบัติสามตามติด

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

นำออกไว้ก่อน (แล้วจึงย้อนมาให้ผล) สิ่งที่ได้ เคยนำออกไว้ก่อน กฎแห่งกรรม ย้อน มาให้ผล ชาวนา ปลูกข้าวได้ข้าว เป็นสากล ชาวเขา ได้ผลเป็นงา ด้วยปลูกงา

นำออกไว้ก่อน
(แล้วจึงย้อนมาให้ผล)

สิ่งที่ได้ เคยนำออกไว้ก่อน
กฎแห่งกรรม ย้อน มาให้ผล
 ชาวนา ปลูกข้าวได้ข้าว เป็นสากล
 ชาวเขา ได้ผลเป็นงา ด้วยปลูกงา 

ชาวเรา จะเอาสมบัติ
จึงปลูกสมบัติ ทำทาน ล่วงหน้า
แสวงบุญสร้างบารมี ไว้คอยถ้า
อย่างนี้หละ จึงจะได้สมบัติ
มิฉนั้น มันวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ
เหมือนเหยื่อ ล่อสัตว์ ไปติดบ่วง
 เป็นเหยื่อของมาร ที่วางไว้ลวง
ต้อนสัตว์ทั้งปวง สู่อบาย
ทรัพย์วิบัติ มีกิเลสตัณหาปน
ทำให้มหาชน ไม่สนใจชีวิต
ทำตนเป็นหิงห้อย ลอยตามจิต
ไม่รู้สักนิด การฝึกจิต พัฒนาสติ
ไม่เคยใส่ใจ ในความตาย
 ตายแล้ว เวียนว่าย ในคุกประหาร
เป็นกฎแห่งกรรม ของมาร
ไปสวรรค์ นั้นน้อยนัก สักเท่าเขาวัว
นอกนั้นขนทั้งตัว ไปอบาย
ด้วยไม่รู้จัก..นำเอาออกไว้..ก่อน
ไม่รู้จักปลูกสมบัติ ขัดคำสอน
องค์บวร พระพุทธองค์
เป็นหน้าที่ ของนักสร้างบารมี
เร่งรุดเต็มที่ ทำหน้าที่กัลยาณมิตร
กอบกู้ธรรมธาตุ ต้องบำเพ็ญจิต
สรรพสัตว์ ไม่รู้สักนิด ติดบ่วงมาร

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

สรรพสัตว์ (ล้วนเป็นญาติทั้งสิ้น) ความดี คนไม่ดีทำยาก ด้วยไม่รู้จัก ทำดีให้เป็นนิสัย ขาดความอดทน ขาดความเข้าใจ ทำดีไปทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ

สรรพสัตว์
(ล้วนเป็นญาติทั้งสิ้น)

ความดี คนไม่ดีทำยาก
ด้วยไม่รู้จัก ทำดีให้เป็นนิสัย
ขาดความอดทน ขาดความเข้าใจ
ทำดีไปทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ

ไม่เชื่อว่า ทำดีได้ดีจริง
ทำชั่วได้ดียิ่ง มีถมไป
กฎแห่งกรรม ทำอะไรไม่ได้
คนทั้งหลาย เข้าใจแบบนี้
ยากนัก จักให้คนมีศรัทธา
ทิฏฐิ เป็นมิจฉา เสียเวลาอธิบาย
 อีหอยหน้าวัด แม้จะพูด ยังไงๆ
 ต้องปล่อยไว้ ช่วยไม่ได้จริงๆ
 เปลี่ยนนิสัย คล้ายเอาปลาขึ้นบก
หรือให้นก เลิกบิน
แต่ต้องทำให้ได้ ญาติเราทั้งสิ้น
หลวงปู่ฯจึงตัดสิน..ใจ ไปสุดธรรม
พระพุทธองค์ ผ่านมาแล้วมากมาย
มากกว่าเมล็ดทราย ในสมุทร
กอบกู้ธาตุธรรม อุตลุด
สรรพสัตว์ยังมีไม่สิ้นสุด อจินไตย
คนชั่ว เลิกทำชั่ว ชีวีพลิกผัน
มหัศจรรย์ เลยทีเดียว
กัลยาณมิตร บุญอดีต กลมเกลียว
พอดีทีเดียว อัศจรรย์ยิ่ง

มหาปูชนียาจารย์
 บารมีมาก สู้มาร ในยุคทมิฬ
  มารร้าย แพ้ภัยตนสิ้น
คนทั่วถิ่น พากันเข้าวัด

;;;;;;;;;;