แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สัตบุรุษ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สัตบุรุษ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

ผู้ละชนะและแพ้ได้ (ใจเป็นสุข) ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร ผู้แพ้ ย่อมเป็นทุกข์ ผู้ละชนะและแพ้ได้ เป็นสุข หมดทุกข์ ได้สุขสงบใจ

 ผู้ละชนะและแพ้ได้
(ใจเป็นสุข)

ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร
ผู้แพ้ ย่อมเป็นทุกข์
ผู้ละชนะและแพ้ได้ เป็นสุข
หมดทุกข์  ได้สุขสงบใจ

คติ ที่ไปจากโลกนี้
สัตบุรุษและอสัตบุรุษ มี ต่างกัน
ด้วยธรรมสัตบุรุษ ยากจะรู้ทัน
อสัตบุรุษ จึงแม่นมั่น ไปนรก 

 นักปราชญ์ มีสติตั้งมั่นในธรรม
ไม่เสพกาม และบาป
ละกาม ทุกข์จึงดับ
 บุคคลผู้ไร้บาป ดับกระแสโลก
สัตบุรุษ ให้สิ่งที่ให้ยาก
คนละฟาก กับ อสัตบุรุษ
อสัตบุรุษ ยากนัก จักวิมุติ
 เพราะธรรมของสัตบุรุษ สุดสูง
บุคคลเป็นคนเลว เพราะชาติก็หาไม่
และไม่ใช่ เพราะชาติ จึงประเสริฐ
 แต่เป็นคนเลวเพราะการ ละเมิด
 เป็นผู้ประเสริฐ เพราะการกระทำ
บุคคลถึง อรหัตผล จึงไม่สะดุ้ง
ปราศจากตัณหามายุ่ง  ยั่วยวน
ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพ ที่ก่อกวน
กายเป็นธรรมล้วน ในที่สุด
ผู้ไม่ละโมภ ไม่ปิดบังซ่อนเร้น
กระหายไม่เป็น ไม่ลบหลู่ ไร้โมหะ
เห็นโลก เป็นดุจขยะ
 เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนว่า นอแรด

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2567

เกียรติยศ (ย่อมปรากฎในผู้ อยู่โดยธรรม) คนฉลาด ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่งุ่นง่าน งี่เง่า เบาปัญญา สำรวมอินทรีย์ มีมิตรดี คบหา พึงทำที่สุด ของทุกขา ได้

 เกียรติยศ
(ย่อมปรากฎในผู้ อยู่โดยธรรม)

คนฉลาด ไม่ฟุ้งซ่าน
 ไม่งุ่นง่าน งี่เง่า เบาปัญญา
สำรวมอินทรีย์ มีมิตรดี คบหา
 พึงทำที่สุด ของทุกขา ได้

กามทั้งหลาย
ให้ ความยินดีน้อย ทุกข์มาก
บัณฑิตรู้ แจ้งประจักษ์
จึงออกจาก กาม แม้เป็นทิพย์
นรชนใด วางใจในตน
ไม่สับสน ใจเชื่อมั่น
 ย่อมถึง ซึ่งพระนิพพาน
ผู้อย่างนั้น เป็นบุรุษ สุดสูง
ผู้ประพฤติตน ในสิ่งที่ไม่ใช่
และไม่ใส่ใจ ในสิ่งที่ดี
ปล่อยตนปล่อยใจ ตามตัณหากาลี
ย่อมเป็นผู้ที่ น่าเวทนา
ผู้รู้ธรรม สัตบุรุษ และอสัตบุรุษ
เทวดาและมนุษย์ บูชา
 ล่วงข่าย เครื่องข้อง ตัณหา
จงประจักษ์ว่า เป็นมุนี
สมณะภายนอก ไม่มี 
 สังขารนี้ ไม่มีจีรัง
 ความหวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า ไม่มีตั้ง
เหมือน รอยเท้าย่าง ไม่มีในอากาศ
เกียรติยศ ย่อมปรากฎ แก่ผู้ขยัน
มีสติตั้งมั่น การงานสะอาด 
ใคร่ครวญแล้ว จึงทำ ไม่ประมาท
 เป็นธรรมชาติ ของผู้ อยู่โดยธรรม 

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2567

จิตชื่นฉ่ำ (ย่อมนำความสุขสม) พระอรหันต์ทั้งหลาย อยู่ในที่ใด ที่บ้านที่ป่า ที่ลุ่มที่ดอน ก็ตาม ด้วยจิตของท่าน ชื่นฉ่ำ ที่นั้นๆ ย่อมดื่มด่ำ น่ารื่นรมย์

 จิตชื่นฉ่ำ
(ย่อมนำความสุขสม)

พระอรหันต์ทั้งหลาย อยู่ในที่ใด
ที่บ้านที่ป่า ที่ลุ่มที่ดอน ที่ไหนก็ตาม
ด้วยจิตของท่าน ชื่นฉ่ำ
ที่นั้นๆ ย่อมดื่มด่ำ น่ารื่นรมย์
คนเหล่าใด รู้ความตาย อยู่ใกล้
ยังอาลัย ประมาทอยู่
ย่อมมี ทุคติ ไปสู่
ย่อมเป็นผู้ เศร้าโศกสิ้นกาลนาน

โจรผู้ชั่วช้า ถูกจับได้
เดือดร้อนใหญ่ เพราะกรรม ของตน
 คนผู้ละไปแล้ว เดือดร้อน คือปุถุชน
เพราะวิบากกรรมของตน ในโลกหน้า

ผู้หยิ่ง เพราะชาติทรัพย์สกุล
ใจขุ่น ย่อมดูหมิ่นญาติของตน
ขาดบำเพ็ญบุญ การกุศล
หนีไม่พ้น ความเสื่อม 


เราเรียก ผู้ไม่เยื่อใยในกาม
ใครก็ตาม เป็นท่าน ผู้สงบ
เครื่องร้อยรัดของเขา ถูกลบ
 ตัณหาถูกกลบ จึงไม่ว้าวุ่น

ถึงเป็นคนมีเดช มีปัญญามาก
 มีคน สักการะ บูชา

แต่อยู่ในอำนาจของสตรี จึงเสียท่า
เหมือนจันทรา 
ถูกราหูบังฉะนั้น

สัตบุรุษ ปรากฏได้ ในที่ไกล
 เหมือนภูเขาใหญ่ หิมพานต์

ส่วนอสัตบุรุษ
ไม่ปรากฏ แม้ใกล้กัน 
เป็นลูกศรก็ปาน ที่ยิงไป ในกลางคืน

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2567

เมื่อคนดีปรากฎ (หมู่ชนใสสดรื่นเริง) กลิ่นสัตบุรุษ หอมหวน ทวนลมได้ ฟุ้งกระจาย ยิ่งกว่าไม้ดอก หมู่ชน สุขใจนัก ยากบอก ทุกตรอก ซอกซอย รื่นเริง

 เมื่อคนดีปรากฎ
(หมู่ชนใสสดรื่นเริง)


กลิ่นสัตบุรุษ หอมหวน ทวนลมได้
 ฟุ้งกระจาย ยิ่งกว่าไม้ดอก
หมู่ชน สุขใจนัก ยากบอก
ทุกตรอก ซอกซอย รื่นเริง

สาธุชน หลุดพ้นได้
 ด้วยไม่ ถือมั่น
มีศรัทธา ในบุญ เป็นสำคัญ
จึงอดทนอดกลั้น ขันติ
คนโง่ รู้สึกว่าตนโง่
ก็ยังเป็นโล้ เป็นพายได้บ้าง
แต่คนโง่ อวดโต นี้โง่จัง
รู้ไว้บ้าง โง่จริงโง่จัง เหมือนอย่างโค

คนโง่ ใหญ่โต มีตำแหน่ง
ใจแล้ง ไร้น้ำใจ
ไม่สำเร็จประโยชน์ ใดใด
คนโง่ ไม่ควรได้ เป็นผู้นำ
คนโง่ มีความเพ่งโทษเป็นกำลัง
ชอบจัง ชอบจับผิด
แม้เขามี น้อยนิด
คอยคิด คอยเขี่ย หาเรื่องราว
อสัตบุรุษ แม้อยู่ใกล้
ไม่มีคนสนใจ คล้ายถูกกลืน
เหมือนลูกศร ยิงไปในกลางคืน
แม้คนเป็นหมื่นๆ ก็หาไม่เจอ

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2567

สัตบุรุษคนดี (ฝึกสติเป็นกรณียกิจ) สัตบุรุษ ไม่ปราศรัย ด้วยใคร่ ในกาม ไม่เหมือนปุถุชน ปัญญาทราม ประมาทล้ำ ในกามตัณหา

 สัตบุรุษคนดี
(ฝึกสติเป็นกรณียกิจ)

สัตบุรุษ ไม่ปราศรัย
ด้วยใคร่ ในกาม
ไม่เหมือนปุถุชน ปัญญาทราม
ประมาทล้ำ ในกามตัณหา
ผู้ใด ไม่พูดเป็นธรรม
พูดไม่ดีไม่งาม ไม่ใช่สัตบุรุษ
เป็นคนพาล ขาดเมตตา ไม่บริสุทธิ์
ขาดสติพูด ไปตามอารม์
สัตบุรุษ ยินดีเกื้อกูลสัตว์
ไม่ประหลาด ด้วยมีปัญญา
มีสุข และเมตตา
จึงสงเคราะห์ ชาวประชา ให้อยู่เย็น
สัตบุรุษ ย่อมปรากฏในที่ไกล
 เหมือนภูเขาใหญ่ หิมพานต์
มีชื่อเสียงระบือ ลือลั่น
ด้วยคุณธรรมของท่าน นั่นเอง
สัตบุรุษ มีสวรรค์เป็นที่ไป
ด้วยหมดอาลัย ในตัณหา อุปาทาน
อยู่ในกระแสธรรม สุขสันติ์
อันชาวสวรรค์ แซ่ซร้อง
สัตบุรุษ ชื่อเสียงขจรไปทั่วทุกทิศ
ด้วยบารมีประสิทธิ์ ปานตะวัน
สดใสสว่างจ้า เฉิดฉัน
ดังลงจากสวรรค์ อยู่บนดิน
 
ผู้สงบระงับ ย่อมอยู่เป็นสุข
ส่วนผู้รักสนุก กระสับกระส่าย
อยู่ไม่เป็น เมื่ออยู่เดียวดาย
ด้วยไม่ฝึกใจ ฝึกสติ

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2567

สัตบุรุษ (มนุษย์เหนือมนุษย์) ผู้ใด ใช้ทรัพย์จำนวนมาก ประกอบพิธีบูชาไม่ขาด ทุกวัน สม่ำเสมอตลอดร้อยปี สุดขยัน การบูชานั้น จะมีค่าอะไร

 สัตบุรุษ
(มนุษย์เหนือมนุษย์)

ผู้ใด ใช้ทรัพย์จำนวนมาก
ประกอบพิธีบูชาไม่ขาด ทุกวัน
สม่ำเสมอตลอดร้อยปี สุดขยัน
การบูชานั้น จะมีค่าอะไร

การยกย่อง บูชา
บุคคลที่ฝึกตนมา แล้วหนึ่งคน
แม้เพียงครู่เดียว ก็เหลือล้น 
ประเสริฐกว่าบูชาคน ไม่ฝึกฝนใจ
 คนเลวไม่ใช่ ชาติกำเนิด 
 คนประเสริฐ ด้วยการเกิด ก็หาไม่
 ความประพฤติไม่ดี ก็จัญไร
คนประเสริฐได้ ด้วยประพฤติ
สัตบุรุษ คนประเสริฐ
เกิดมา เพื่อชุมชน
มนุสสเทโว คนเหนือคน
 ชุมชุน..นั้นได้ชื่อว่าสภา
สัตบุรุษ ไม่ปราศัยเพราะอยาก
คนฟังชื่นใจนัก รักสงบ
สังคมอยู่เย็น ด้วยรักเคารพ
ไม่ใช่อยู่ด้วยประจบ ประแจง
ผู้พูดไม่เป็นธรรม ไม่ใช่สัตบุรุษ
คนดีสุด สัตบุรุษนั่นเอง
เป็นที่น่ารักน่าเคารพ น่ายำเกรง
เป็นคนเก่ง นำพามหาชนได้
สัตบุรุษ มีปัญญา
ศรัทธา ในบุญเต็มที่
 แสวงบุญสร้างบารมี สุดชีวี
 และ ทำพระนิพพานให้แจ้ง

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สัตบุรุษ (ผู้ประเสริฐ) สัตบุรุษ ไม่มีในชุมชนใด ชุมชนนั้น ไม่..เรียกว่าสภา เป็นเพียงกลุ่ม เฮฮา หรือกลุ่ม คนป่า ล่าสัตว์

 สัตบุรุษ
(ผู้ประเสริฐ)

สัตบุรุษ ไม่มีในชุมชนใด
ชุมชนนั้น ไม่..เรียกว่าสภา
เป็นเพียงกลุ่ม เฮฮา
หรือกลุ่ม คนป่า ล่าสัตว์
สัตบุรุษคนดี มีปัญญา
มีศรัทธา ในบุญบารมี
ทำพระนิพพานให้แจ้ง เต็มที่
แสวงบุญ สร้างบารมี สุดชีวิต
สัตบุรุษ ผู้มีบารมี
มหาชน ประชาชี แซ่ซร้อง
ร่วมมือร่วมใจ ไม่ต้องขอร้อง
นำพาเหล่าพี่น้อง ประพฤติธรรม
ธัมมัญญุตา ลักษณะสัตบรุษ
รู้ดีสุด เรื่องโลกและชีวิต
ว่ามีกฎแห่งกรรม ตามติด
บุญบาปลิขิต ชีวิตให้เป็นไป
อัตถัญญุตา ซาบซึ้งธรรม
เลิศล้ำ คำสอน พระพุทธองค์
อัตตัญญุตา ทางโลกปลดปลง
ชีวิตสูงส่ง ปานคนละคน
มัตตัญญุตา รู้จักทางสายกลาง
ไม่บนไม่ล่าง อยู่กลางกายา
 ทุ่มชีวิต กาลัญญุตา
ทำพระ..นิพพาน ให้แจ้ง
ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน
นำพาทุกคน หลุดพ้นตัณหา
รู้จักบุคคล ปุคคลัญญุตา 
ทำให้เกิดศรัทธา ทุ่มชีวา ฝึกตน

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2566

สัตบุรุษ (ผู้รู้แจ้ง) ได้ฟังธรรมสัตบุรุษ นั้นยาก จะประจักแจ้ง ในคำสอน เกิดศรัทธา ปสาทะ แน่นอน ความทุกข์เดือดร้อน ผ่อนคลาย

 สัตบุรุษ
(ผู้รู้แจ้ง)


ได้ฟังธรรมสัตบุรุษ นั้นยาก
ซาบซึ้งนัก ประจักแจ้ง ในคำสอน
เกิดศรัทธา ปสาทะ แน่นอน
ความทุกข์เดือดร้อน ห่อนมี
สัตบุรุษ รู้แจ้ง โลกและชีวิต
ธัมมัญญุตา บุญบาปลิขิต อยู่เบื้องหลัง
ไม่ใช่พระเจ้า ผีสาง
ทุกข์หรือสุขสมหวัง อยู่ที่บุญบาป
อัตถัญญุตา รู้แจ้ง แทงตลอด
ไม่มืดบอด ด้นเดา
เห็นเหตุเห็นผล สุขหรือเศร้า
เห็นคนโง่เขลา ด้วยตัณหา
อัตตัญญุตา รู้แจ้ง แทงตลอดในตน
จะหลุดพ้นตัณหา ต้องพัฒนาสติ
ด้วย นำใจ มาไว้ในตัวเรานี้
แล้วจะมี ทางสายกลางภายใน
มัตตัญญุตา รู้แจ้ง ทางสายกลาง
ไม่อยู่บนล่าง แต่อยู่กลางตัว
เป็นทางสว่าง รู้เห็นทั่ว
มีพระรัตนตรัยในตัว พระธรรมกาย
กาลัญญุตา รู้แจ้งเวลา
อดีตอนาคต ไม่เป็นปัญหา รู้เห็น
เวลาที่เหมาะสม ที่ควรเป็น
จึงใจเย็นรอได้ ให้ถึงเวลา
ปริสัญญุตา รู้แจ้ง ชุมชน
นำพาหลุดพ้น มหาชนได้พึ่ง
มีศรัทธา ปฏิบัติภาวนา เข้าถึง
ได้ที่พึ่ง..ภายใน อจินไตยนัก
ปุคคลัญญุตา รู้แจ้ง บุคคล
ทำทุกคน ล้นศรัทธา มหาศาล
ชีวิตพลิกผัน อนันตกาล
สุขสราญ ปานเทพเทวดา

;;;;;;;;;;