วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มีสติระลึกรู้ (คือผู้เจริญ) ท่านทั้งหลาย จงยินดี ในความไม่ประมาท คือมีสติ ไม่ขาด ออกจากตน ระลึกรู้อยู่ภายใน ใจหายหม่น มีปีติเอ่อล้น ท่วมท้นใจ

 มีสติระลึกรู้
(คือผู้เจริญ)


ท่านทั้งหลาย จงยินดี ในความไม่ประมาท
คือมีสติ ไม่ขาด ออกจากตน
ระลึกรู้อยู่ภายใน ใจหายหม่น
มีปีติเอ่อล้น ท่วมท้นใจ

การมีสติ มิใช่ เพียงขับรถได้
แต่ขับด้วยใจปีติ มิมีคึกคนอง
ส่วนคนขาดสติ มีใจลอยล่อง
ใจหม่นหมอง คึกคนอง ประมาท

การทำงานอย่างมีสติ จะมีฉันทะ
ต่างกันมากน๊ะ กับการทำงานหาเงิน
การทำงานหาทรัพย์ เหมือนกับปลาหลงเพลิน
 หรือเหมือนไก่ หลงเดิน ตามเหยื่อล่อ

เมื่อได้ทรัพย์ ก็หลงติดกับ เหยื่อล่อ
เดินตามต่อ เท่าใดก็ไม่พอสักที
ยิ่งมีมาก ก็อยากได้มากมี
เป็นคนตระหนี่ มั่วโลกียสุข

ส่วนมีฉันทะทำงาน ใจมันมีสติ
ไม่ล่องลอยหนี ไปไหน
ละเอียดรอบคอบ ประกอบกิจ อย่างตั้งใจ
ใจสันโดษสดใส เวลาหมดไวเหลือเกิน

ผลงานที่ออกมา คนจะตลึง
คิดไม่ถึง จะทำได้ขนาดนี้
ทำด้วยวิมังสา นี่หละผลของมีสติ
แม้ตนเองนี้ ก็ภูมิใจเป็นที่สุด

ปราชญ์ย่อมรักษา ความไม่ประมาท
 ด้วยชีวาต เหมือนทรัพย์ ประเสริฐ
ตั้งมโนปณิธาน ฝึกสติ สุดอะเลิท
บูชาคุณผู้ประเสริฐ พระพุทธองค์

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น