แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความไม่ประมาท แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความไม่ประมาท แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ความไม่ประมาท (เป็นทางไม่ตาย) ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย บุญเป็นสาย ไหลมา ทางบุญ ทางสุขสมปราถนา ชาตเนี้ ชาติหน้า หรือชาติไหนๆ

 ความไม่ประมาท
(เป็นทางไม่ตาย)

ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย
บุญเป็นสาย ไหลมา
ทางบุญ ทางสุขสมปราถนา
ชาตินี้ ชาติหน้า ไม่ว่าชาติไหนๆ
ปราชญ์ รักษาความไม่ประมาทไว้
เหมือนได้ ทรัพย์ประเสริฐสุด
มีกรณียกิจ ทำใจนิ่งใจหยุด
เป็นที่สุด ของกิจกรณีย์
 
บัณฑิต สรรเสริญความไม่ประมาท
สติไม่ขาด จากใจ
ทำใจนิ่งใจหยุด อยู่ภายใน
ณ ศูนย์กลางกาย ของตน
บัณฑิต บันเทิงในความไม่ประมาท
สุขสมมาด สมปราถนา
ในทุกภพชาติ ที่เกิดมา
สุขอุรา เหลือล้น คนบัณฑิต
 
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย
มีบุญเป็นสาย ไหลมา
สุขสมปราถนา ชาตินี้ หรือชาติหน้า
ผู้มีปัญญา จะไม่ ขาดสติ
ผู้ไม่ประมาท พินิจอยู่
ย่อมถึงสุข อันไพบูลย์
ทำใจนิ่งใจหยุด ที่จุดศูนย์ฯ
หมดอาดูลย์ เพิ่มพูนสุข
บัณฑิต ผู้ไม่ประมาท
ย่อมไม่ขาด ประโยชน์ทั้งสอง
ทั้งโลกนี้โลกหน้า รับรอง
ภัยทั้งผอง ไม่กลายกล้ำ

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ความไม่ประมาท (ทำบุญไม่ขาด เป็นสาย) ความไม่ประมาท ทางไม่ตาย อดทนได้ เมื่อมีปัญหา ทำใจนิ่งๆ รักษาสติปัญญา ไม่สู้ไม่หนีปัญหา ทำดีเรื่อยไป

 ความไม่ประมาท
(ทำบุญไม่ขาด เป็นสาย)

ความไม่ประมาท ทางไม่ตาย
อดทนได้ เมื่อมีปัญหา
ทำใจนิ่งๆ รักษาสติปัญญา
ไม่สู้ไม่หนีปัญหา ทำดีเรื่อยไป

 มีสติ จึงมีความอดทน
แม้มีทุกข์ ก็ไม่หม่น..ไม่หมอง
รักษาตน ประคับประคอง
อยู่ในครรลอง ของปัญญา
เรื่องร้าย กลายเป็นดี
คนพาล เกิดมิตรไมตรี ร่วมสร้าง
อานุภาพบารมี สุดหยั่ง
สุขสมหวัง ทั้งธรรมชาติ สดใส
พุทธศานา ทางวาสนาบารมี
ส่วนทางโลกโลกีย์ ทางมาร
ทางกิเลสกรรมวิบาก คุกประหาร
ทางตัณหาอุปาทาน ติดโลก
พระกับมาร คนละขั้ว
มารนั้นชั่ว แต่พระนั้นดี
ทางมารมืดมัว ทางพระ สดสี
ทางพระให้สุขี ให้ทุกข์มี ทางมาร
บัณฑิต ฝึกตน พัฒนาสติ
ได้มหาสติ ใจหยุดนิ่งในตน
พ้นกิเลสตัณหา ใจสุขล้น
เป็นตัวตน เป็นอัตตา พาสุขสม
บัณฑิตฝึกตน คนไม่ประมาท
จึงไม่ขาด ไม่ตายจากบุญ
ทำเป็นสาย เป็นวาสนาหนุน
เมตตาการุณย์ ชนอบอุ่นด้วยท่าน

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566

ผู้มีปัญญา (ภาวนาเป็นชีวิต) จงเป็นผู้ยินดี ใน ไม่ประมาท ดังเช่นราช..สีห์ รักษาหาง หลับและตื่น ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง คนดี มีสติตั้ง..มั่น อยู่ในตน

 ผู้มีปัญญา
(ภาวนาเป็นชีวิต)



 จงเป็นผู้ยินดี ใน ไม่ประมาท
ดังเช่นราช..สีห์ รักษาหาง
หลับและตื่น ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง
คนดี มีสติตั้ง..มั่น อยู่ในตน

ภิกษุเห็นภัย ใน ประมาท
ไม่ขาด เผาสังโยชน์น้อยใหญ่
เหมือนไฟไหม้เชื้อ ไม่เหลือไว้
ทั้งน้อยทั้งใหญ่ ไหม้หมดสิ้น

ภิกษุเห็นภัย ใน ประมาท
แน่ชัด อยู่ใกล้พระนิพพาน
มีกำลังใจ ตั้งมั่น ปณิธาน
เป็นไงเป็นกัน เข้าให้ถึง 

ภิกษุผู้มีธรรม มิประมาท อยู่ 
เป็นผู้รู้ ละความถือมั่น แล้วเที่ยวไป
 ละชาติชรา และทุกข์ทั้งหลายได้
บารมีของไท้ ทำให้โลกอยู่เย็น

ผู้มีปัญญา สร้างเกาะ หนีน้ำ
 ขยันล้ำ 
ข่มใจ ไม่ประมาท
กิเลสตัณหา ท่วมโลกา น่าอนาถ
เหล่าผู้ประมาท ไม่รู้สา ปลาหลงเหยื่อ

ผู้ประมาท หลงรสชาติ กาม
เหมือนหนอนล้ำ สนุกสนาน
มีอาหารมากมาย รับประทาน
เฮฮาสนุกสนาน รื่นเริง

ผู้มีปัญญา ไม่หลงกามา กิเลส
ไม่หลงอาเพท ตื่นอยู่ ผู้อื่นหลับ
เป็นม้าดี หนีไปไกล ลิบลับ
การเจริญสติ นี้คู่กับ ผู้มีปัญญา

;;;;;;;;;; 

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ให้รักษาสติ (ถ้าอยากมีความเจริญ) ประมาท ไม่อาจพ้น ความเสื่อม จิตไม่เลื่อม ไม่ใส ใจเร่าร้อน บาปได้โอกาศ เข้ามาสวมซ้อน เข้ามาสอน มาสั่ง ให้คิดพูดทำผิด

 ให้รักษาสติ
(ถ้าอยากมีความเจริญ)

ประมาท ไม่อาจพ้น ความเสื่อม
จิตไม่เลื่อม ไม่ใส ใจเร่าร้อน
บาปได้โอกาศ เข้ามาสวมซ้อน
เข้ามาสอน มาสั่ง ให้คิดพูดทำผิด

ความประมาท คือไม่ระมัดระวังสติ
ปล่อยให้
ใจเรานี้ หนีห่าง จากกาย
หายปีติ เกิดมีความร้อนใจ
กระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุข

เรียกว่าใจตก โศกเศร้าซึมเซ็ง
เป็นเช่นนี้เอง คนทั้งหลาย
หนีไม่พ้น พาตนไปสู่อบาย
เหมือนน้ำไหล ตามกันไป ทางต่ำ

ส่วนบัณฑิตมีปัญญา รู้รักษาตน
คือเป็นคน เจริญสติ เป็นประจำ
ใส่ใจในสติ มิให้ตกต่ำ
จึงมีใจดีงาม ตามด้วยมารยาท

คนทั้งหลายประมาท ด้วยขาดศรัทธา
ไม่รู้ว่า..ชีวิต ลิขิตด้วยบาปกับบุญ
ธัมมัญญุตา บุญบาปนั้นหนา เข้ามาวุ่น
จึงเร่งลุ้น แสวงบุญ สร้างบารมี

ทำพระนิพพานให้แจ้งเต็มที่ หนีวัฏฏะ
หนีกิเลสตัณหา กฎแห่งกรรม
หนีคุกประหาร สุดอันตรายล้ำ
หนีทุกข์ซ้ำๆ..ซากๆ ในอบายภูมิ

ผู้ไม่ประมาท มีสติ มีความอดทน
รักษาตน ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ไม่ว่าร้าย เป็นคนยอมคน ทนเขาได้
ทำอย่างยายฯ ยอมคน ทนสู้

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มีสติระลึกรู้ (คือผู้เจริญ) ท่านทั้งหลาย จงยินดี ในความไม่ประมาท คือมีสติ ไม่ขาด ออกจากตน ระลึกรู้อยู่ภายใน ใจหายหม่น มีปีติเอ่อล้น ท่วมท้นใจ

 มีสติระลึกรู้
(คือผู้เจริญ)


ท่านทั้งหลาย จงยินดี ในความไม่ประมาท
คือมีสติ ไม่ขาด ออกจากตน
ระลึกรู้อยู่ภายใน ใจหายหม่น
มีปีติเอ่อล้น ท่วมท้นใจ

การมีสติ มิใช่ เพียงขับรถได้
แต่ขับด้วยใจปีติ มิมีคึกคนอง
ส่วนคนขาดสติ มีใจลอยล่อง
ใจหม่นหมอง คึกคนอง ประมาท

การทำงานอย่างมีสติ จะมีฉันทะ
ต่างกันมากน๊ะ กับการทำงานหาเงิน
การทำงานหาทรัพย์ เหมือนกับปลาหลงเพลิน
 หรือเหมือนไก่ หลงเดิน ตามเหยื่อล่อ

เมื่อได้ทรัพย์ ก็หลงติดกับ เหยื่อล่อ
เดินตามต่อ เท่าใดก็ไม่พอสักที
ยิ่งมีมาก ก็อยากได้มากมี
เป็นคนตระหนี่ มั่วโลกียสุข

ส่วนมีฉันทะทำงาน ใจมันมีสติ
ไม่ล่องลอยหนี ไปไหน
ละเอียดรอบคอบ ประกอบกิจ อย่างตั้งใจ
ใจสันโดษสดใส เวลาหมดไวเหลือเกิน

ผลงานที่ออกมา คนจะตลึง
คิดไม่ถึง จะทำได้ขนาดนี้
ทำด้วยวิมังสา นี่หละผลของมีสติ
แม้ตนเองนี้ ก็ภูมิใจเป็นที่สุด

ปราชญ์ย่อมรักษา ความไม่ประมาท
 ด้วยชีวาต เหมือนทรัพย์ ประเสริฐ
ตั้งมโนปณิธาน ฝึกสติ สุดอะเลิท
บูชาคุณผู้ประเสริฐ พระพุทธองค์

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2565

ความไม่ประมาท (ไม่ขาดสติ) แม่น้ำทั้งหลาย ย่อมไหลลงสู่มหาสมุทร ฉันใด กุศลกรรมทั้งหลาย ย่อมมีความไม่ประมาท เป็นมูล ความไม่ประมาท คือสติ ไม่ขาดสูญ ความไม่ประมาท เกื้อกูล คุณความดี

ความไม่ประมาท
(ไม่ขาดสติ) 

แม่น้ำทั้งหลาย ย่อมไหลลงสู่มหาสมุทร ฉันใด
กุศลกรรมทั้งหลาย ย่อมมีความไม่ประมาท เป็นมูล
ความไม่ประมาท คือสติ ไม่ขาดสูญ
ความไม่ประมาท เกื้อกูล คุณความดี

ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย ไปจากความดี
แสวงบุญสร้างบารมี เต็มที่ สม่ำเสมอ
เข้าสู่สุคติภูมิ ส่วนทุคติภูมิ หรือคุกประหาร ไม่เจอ
มีสุขสมปราถนาเสมอ เทวดาเดินดิน

ท่านทั้งหลาย จงไคร่ในธรรมไม่ประมาท
พระพุทธองค์ ทรงประกาศ เกริกก้อง
เป็นบัณฑิตผู้ไม่ประมาท เป็นหนึ่งไม่มีสอง
มหาชนแซ่ซร้อง สรรเสริญ

บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมสามารถ ได้ประโยชน์ทั้งสอง
ชนทั้งผอง เกือบทั้งสิ้น ล้วนประมาท
เอาประโยชน์ในชาตินี้เท่านั้น เป็นพาลชาติ
ชาติต่อๆไป หลังตายย่อมขาด ไม่สมปราถนา

ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมเป็นผู้ มีสุขอันไพบูรณ์
เห็นคุณ ของความไม่ประมาท
เกิดปีติ จึงนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม ไม่ขาด
เป็นนรชาติ เดินดิน แต่บินสูง

ปราชญ์ย่อมรักษา ความไม่ประมาทไว้
คล้าย ทรัพย์ประเสริฐสุด
ตรึกอยู่ภายใน ใส่ใจในทุกอิริยาบถ ประดุจ
มารดา ดูแลบุตร..น้อย กลอยใจ

ผู้ไม่ประมาทปัญญาดี ย่อมมิหลับ
ในขณะที่คนโง่ผู้ประมาท ไม่ขยับ หลับเป็นตาย
ย่อมละทิ้งผู้ประมาท ไม่อาจตามทันได้
เหมือนม้าฝีเท้าดี วิ่งหนีไปไกล ไม่มีตก

ท่านทั้งหลาย จงอย่าได้ประมาทเถิด
จงเทิด..จิตของตนให้สูง มุ่งทางธรรม
จงถอนตนขึ้นจากหล่ม ตมดำ
จงกลับลำ ถอนตนได้ คล้ายช้างตกหล่ม

ผู้ไม่ประมาท เห็นภัย ในความประมาท
จึงขยาด ไม่อาจ ไม่ทำความดี
เผากิเลส เหตุแห่ง อัปปรี
รักษาตนให้บริสุทธิ์เต็มที่ หนีวัฏฏะ

ผู้เห็นภัยในความประมาท ย่อมปิดโอกาศ ทางเสื่อม
ย่อมอยู่ในเงื้อม.. เงา พระนิพพาน
ท่องเที่ยวไป อย่างอาจหาญ
ทิ้งความโศกศัลย์ ทางโลกโลกีย์

ยศย่อมเจริญ ในผู้ที่ไม่ประมาท ไม่ขาดสติ
สุขสมปราถนา ย่อมเกิดมี เป็นธรรมดา
ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติหน้า
การนั่งสมาธิ เจริญภาวนา จึงเป็นกิจกรณียะของชีวิต

;;;;;;;;;;