วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ให้รักษาสติ (ถ้าอยากมีความเจริญ) ประมาท ไม่อาจพ้น ความเสื่อม จิตไม่เลื่อม ไม่ใส ใจเร่าร้อน บาปได้โอกาศ เข้ามาสวมซ้อน เข้ามาสอน มาสั่ง ให้คิดพูดทำผิด

 ให้รักษาสติ
(ถ้าอยากมีความเจริญ)

ประมาท ไม่อาจพ้น ความเสื่อม
จิตไม่เลื่อม ไม่ใส ใจเร่าร้อน
บาปได้โอกาศ เข้ามาสวมซ้อน
เข้ามาสอน มาสั่ง ให้คิดพูดทำผิด

ความประมาท คือไม่ระมัดระวังสติ
ปล่อยให้
ใจเรานี้ หนีห่าง จากกาย
หายปีติ เกิดมีความร้อนใจ
กระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุข

เรียกว่าใจตก โศกเศร้าซึมเซ็ง
เป็นเช่นนี้เอง คนทั้งหลาย
หนีไม่พ้น พาตนไปสู่อบาย
เหมือนน้ำไหล ตามกันไป ทางต่ำ

ส่วนบัณฑิตมีปัญญา รู้รักษาตน
คือเป็นคน เจริญสติ เป็นประจำ
ใส่ใจในสติ มิให้ตกต่ำ
จึงมีใจดีงาม ตามด้วยมารยาท

คนทั้งหลายประมาท ด้วยขาดศรัทธา
ไม่รู้ว่า..ชีวิต ลิขิตด้วยบาปกับบุญ
ธัมมัญญุตา บุญบาปนั้นหนา เข้ามาวุ่น
จึงเร่งลุ้น แสวงบุญ สร้างบารมี

ทำพระนิพพานให้แจ้งเต็มที่ หนีวัฏฏะ
หนีกิเลสตัณหา กฎแห่งกรรม
หนีคุกประหาร สุดอันตรายล้ำ
หนีทุกข์ซ้ำๆ..ซากๆ ในอบายภูมิ

ผู้ไม่ประมาท มีสติ มีความอดทน
รักษาตน ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ไม่ว่าร้าย เป็นคนยอมคน ทนเขาได้
ทำอย่างยายฯ ยอมคน ทนสู้

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น