แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มลทิน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มลทิน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566

หญิงเปรียบได้ (คล้ายผ้าขาว) ประพฤติชั่ว มลทินของหญิง เป็นเรื่องจริง หญิงกับชาย หญิงประพฤติชั่ว เสียหาย ชาย ต่างกันหลาย กับหญิง

 หญิงเปรียบได้
(คล้ายผ้าขาว)

ประพฤติชั่ว มลทินของหญิง
เป็นเรื่องจริง หญิงกับชาย
หญิงประพฤติชั่ว เสียหาย
ชาย ต่างกันหลาย กับหญิง
 เกิดเป็นชาย มีบุญนัก
เป็นการยาก จักเกิดได้
ไม่ผิดศีลกาเม บุญใหญ่
ได้ร่างกาย ที่สมบูรณ์เพศ
หญิงเปรียบได้ คล้ายผ้าขาว
ชายนั้นเล่า ผ้ามีสี
สามารถบุกฝ่าป่าดง พงพี
แต่หญิง ทำอย่างนี้ไม่ได้
หญิง บวชไม่ได้
จะเป็นอันตราย ต่อศาสนา
จึงเป็นเพศที่ต่ำ ทางกายา
แต่ก็สามารถบรรลุ ธรรมาภิสมัย
มลทิน คือกิเลส
อันเป็นเหตุ ให้ใจมืด
หญิงมีจิตอ่อนไหว ไม่อึด
ใจมืดได้ง่าย ไม่อดทนนั่นเอง
หญิงร่างกายอ้อนแอ้น อ่อนแอ
เป็นธรรมชาติที่แย่ ไม่แกร่ง
หญิงจึงเป็นผู้นำไม่ได้ ไม่เข้มแข็ง
เพียงคอยเป็นแรง สนับสนุน
หญิงประพฤติชั่ว หายาก
จิตใจสะอาด จึงเข้าวัดได้ง่าย
อุบาสิกาที่วัด มีมากมาย
แต่อุบาสกผู้ชาย หายาก

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566

คนศักดิ์สิทธิ์ (มีฤทธิ์ด้วยสวดมนต์ภาวนา) มนต์ ไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน สูญสิ้น ความศักดิ์สิทธิ์ พระที่แขวนคอ ก็หมดฤทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นกับจิตของตน

 คนศักดิ์สิทธิ์
(มีฤทธิ์ด้วยสวดมนต์ภาวนา)

มนต์ ไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน
สูญสิ้น ความศักดิ์สิทธิ์
พระที่แขวนคอ ก็หมดฤทธิ์
ความศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นกับจิตของตน

พระ ย่อมรักษาคนดี
คนที่ ฝึกตน อดทนขันติ
มีสัจจะ สม่ำเสมอ กิจกรณีย์
แสวงบุญสร้างบารมี เป็นสำคัญ

การท่องมนต์ ล้นปีติ
ด้วยจรดใจ ใว้ที่ ในตัว
ใจเป็นหนึ่ง สว่างไสว รู้ทั่ว
เกิดปัญญา หายเมามัว ตัณหา

ทางธรรม ทางบุญ ทางศักดิ์สิทธิ์
ท่องมนต์ มีฤทธิ์ ด้วยธรรม
มี ทานศีลภาวนา อุปถัมภ์
สัจจะค้ำ อุปถัมภ์มนต์

มนต์มาร มนต์ดำ
จิตต่ำ จิตดำ อยู่นอกตัว
มีฤทธิ์ ขาดเมตตา คนชั่ว
ลืมตัวหลงตน คนมาร

คนชั่วศักดิ์สิทธิ์ ด้วยฤทธิ์มาร
คนพาล ล้างผลาญชีวิต
สั่งสมตัณหา อย่างสุดขีด
บุญค้ำหมดฤทธิ์ ชีวิตก็หมด

สวดมนต์ภาวนา กิจมนุษย์
ทำจิตให้บริสุทธิ์ สดใส
เดินทางธรรม อันอำไพ
สุขกายใจ สมปราถนาทุกประการ

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

มลทินแม้เล็กน้อย (อย่าปล่อยไว้) มนต์ มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน กิจวัตร ไม่ทำเป็นอาจิน เกียจคร้าน กิจวัตรที่ดี เจริญสติ ทุกวัน ความประมาท เรารู้กัน ว่ามันอันตราย

 มลทินแม้เล็กน้อย
(อย่าปล่อยไว้)

มนต์ มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน
กิจวัตร ไม่ทำเป็นอาจิน เกียจคร้าน
กิจวัตรที่ดี เจริญสติ ทุกวัน
ความประมาท เรารู้กัน ว่ามันอันตราย

คุกประหาร สังสารวัฏ รอผู้ประมาทอยู่
พระผู้รู้ เวทนา สรรพสัตว์
ติดกิเลสตัณหา อุปาทาน จึงประมาท
ไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าโลกนี้ เป็นเช่นโรงละคร

ทุกอย่างที่เห็น ที่เป็น แม้จับต้องได้
แต่มันไม่ใช่ ของจริง แต่เหมือนจริงๆ
เหมือนหลับลึก แล้วฝัน เหมือนกันยิ่ง
กรรมวิบาก จริงๆ ก็อย่างนั้น

ดังนั้น คนที่อยู่ในโลกโลกีย์ เหมือนกับ หลับอยู่
ตราบได ที่เป็นผู้ ลืมสติ
คือไม่ประคองใจ อยู่ในกาย ไว้ให้ดี
เพลิดเพลิน โลกโลกีย์ สนุกสนาน

เหย้าเรือน มีความไม่หมั่น เป็นมลทิน
ใจคนหมดสิ้น ความเป็นคน
กิเลสตัณหา เข้ามา
เปื้อนน 
ความเป็นคน..เหลือน้อย ความสุขถอยออกไป

ความเกียจคร้าน เป็นมลทิน แห่งผิวพรรณ
ใจที่เบิกบาน ผิวพรรณ จะงาม
คนเกียจคร้าน ใจหมอง ผิวจึงหมองคล้ำ
อยากผิวงามล้ำ จงขยันทำความสะอาด

ความประพฤติชั่ว เป็นมลทินของหญิง
งามมารยาท งามยิ่ง งามจับใจ
เป็นความสวย ภายใน
สวยภายใน สวยจับใจ อนันตกาล

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

คนไม่ตระหนี่ (จนหรือมี ต้องให้):: ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน เหมือนบินไปในอากาศ เหมือนกันชัด กับผู้มีศีลสัตย์ มีศรัทธา ย่อมรุ่งเรือง สว่างกว่า หมู่ดารา หรือหมู่ผู้ไม่กล้าสละ ความตระหนี่ ฉันนั้น

คนไม่ตระหนี่
(จนหรือมี ต้องให้)

ดวงจันทร์ที่ปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาศ
ย่อมสว่ากว่าหมู่ดาวทั้งปวงในโลก ด้วยรัศมี
ฉันใด บุคคลที่สมบูรณ์ด้วยศีล มีศรัทธา ก็ฉันนั้น
ย่อมไพโรจน์กว่าผู้ตระหนี่ทั้งปวงในโลก ด้วยจาคะ
...สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้สมบูรณ์ด้วยทัศนะ เป็นบัณฑิต ก็ฉันนั้น
ย่อมข่มผู้ตระหนี่ด้วยฐานะ ๕ ประการ
คือ อายุ วรรณะ สุขะ ยศ และเปี่ยมด้วยโภคะ
ย่อมบันเทิงใจในสวรรค์ ในปรโลก

ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน เหมือนบินไปในอากาศ
เหมือนกันชัด กับผู้มีศีลสัตย์ มีศรัทธา
ย่อมรุ่งเรือง สว่างกว่า หมู่ดารา
 หรือหมู่ผู้ไม่กล้าสละ ความตระหนี่ ฉันนั้น
สว่างด้วยรัศมีจาคะ สละความตระหนี่
แปลกดี จะมีสมบัติไหลมา
 คนยอมือไหว้ ยิ้มให้ แล้วคารวะ
ผู้มีจาคะ ชอบสละ แบ่งปัน
 พุทธสาวก ก็เช่นกัน อันสมบูรณ์ด้วยทัศนะ
 เป็นบัณฑิต ที่ได้ดวงตาเห็นธรรม นั้น
ย่อมข่มผู้ตระหนี่ ด้วยฐานะที่มี๕ประการ
 อายุ วรรณะ.. และบันเทิง ณ ในสวรรค์ ดังนี้
ความตระหนี่ นี้เป็นมลทินของผู้ให้
ทำให้แสงสิ้นไป ไม่เจริญรุ่งเรือง 
หม่นหมอง เมินหมาง ขัดเคือง
ไม่มีเรื่องก็เป็นเรื่อง ให้เคืองขุ่น
อายุ วรรณะ สุขะ ยศ และโภคะ
เป็นสิ่งมีค่า เป็นที่ปราถนา ของทุกคน
เป็นของคู่ชีวี ของผู้ที่มีบุญล้น
คนเหนือคน คนเทวดา
วิมุติญาณทัศนะ มีธรรมจักขุ
เห็นวิมุติของตน ว่าหลุดพ้นแล้ว
แจ่มแจ้ง แจ่มชัดแจ๋วแหวว
แน่แล้ว บรรลุธรรม
ดังนั้น สุดยอดของชีวัน นั้นคือการบรรลุธรรม
สุขล้ำ ดำดิ่ง ตามเส้นทางสายกลางในตัว 
เกิดปัญญา มีหิริโอตัปปะ ไม่ประพฤติชั่ว
มีสมบัติเลี้ยงตัว ครอบครัว และหมู่คณะ

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สองคนคู่ (กตัญญูกับบุพการี) :: ลูกหลานเกียจคร้าน พระท่าน ว่าเป็นมลทิน ทำตระกูล เศร้าหมองสิ้น มีแต่กิน แต่เที่ยว

สองคนคู่
(กตัญญูกับบุพการี)
 

ลูกหลานเกียจคร้าน
พระท่าน ว่าเป็นมลทิน
ทำตระกูล เศร้าหมองสิ้น
มีแต่กิน แต่เที่ยว

เล่นการพนัน คบคนพาล
การงาน ไม่เหลียว
จะสอนจะเคึ่ยว
ทำตาเขึยว ใส่พ่อแม่

นอนคลุมโปง
ตื่นสายโด่ง ตะวันเที่ยง
โต๊ะตั่งเตียง
ผ้าห่มที่นอน หมอนหนุน

ข้าวของ เครื่องใช้
กระจัดกระจาย วายวุ่น
ใจหมกมุ่น วุ่นแต่เล่น
เป็นที่เวทนา 

ปัญหาลูกหลาน
เพราะเราท่าน อกตัญญู
ไม่ได้บำรุงเชิดชู
บูชาท่าน นั่นเป็นเหตุใหญ่

ไม่ได้เลี้ยงดูบุตร
จึงเกิดเหตุสุดวิสัย
บุตรจัญไร จึงเกิดขึ้น
ไม่อาจฝืน ผลกรรม

คนกตัญญู คือผู้
ซาบซึ้ง ถึงบุญคุณ
ใจอบอุ่น ซาบซึ้ง
จึงกระทำ แต่ความดี

ทำตนให้บริสุทธิ์
ประดุจ สังข์ขัดสี
จึงเป็นบุตรที่ดี
มี ความกตัญญู

ความดีที่ว่า
นำไปหา บริสุทธิ
คืออดที่ จะแผ่ดี
ต่อไป ไม่ได้

จึงเข้าไปสอนสั่ง
อย่าง ตั้งใจ
ความดี จึงขยาย
ไปสู่ สังคม

การเลี้ยงดูบุตร สุดที่รัก
ให้มาก กตัญญู
นั่นคือผู้
ได้ชื่อว่า บุพการี

พาเข้าวัด
ปฏิบัติธรรม สร้างบารมี
บุพการี
มีบุตรกตัญญู เป็นคู่กัน

;;;;;;;;;;