วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2565

ตายไปหมดสิทธิ์ (มีชีวิตจึงสั่งสมบุญได้) บุญต้องสั่งสมไว้ ตอนมีชีวิต เมื่อหมดชีวิต ก็หมดสิทธิ์ สั่งสมบุญ ยากหลาย จะมาเกิดใหม่ ต้องมีบารมีหนุน แสวงบุญ สร้างบารมี ให้คุ้น หนุนชีวิต

 ตายไปหมดสิทธิ์
(มีชีวิตจึงสั่งสมบุญได้)

บุญต้องสั่งสมไว้ ในตอนมีชีวิต
เมื่อหมดชีวิต ก็หมดสิทธิ์ สั่งสมบุญ
ยากหลาย จะมาเกิดใหม่ ต้องมีบารมีหนุน
แสวงบุญ สร้างบารมี ให้คุ้น หนุนชีวิต

การทำมาหากิน ก็ทำได้
แต่จงจำไว้ ต้องแสวงบุญ
เชื่อมต่อวาสนา ให้ไหลมาหนุน
บุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ

สิ่งที่เรามีเราได้ เราเป็นไป ในปัจจุบัน
นั้น ไม่ใช่มัน หนึ่งสมอง สองมือ
มันนั่นหรือ 
คือ กรรมวิบาก อันซ้ำซากจำเจ

ล้วนเป็นภาพเก่าๆ ของเราทั้งนั้น
คล้ายกัน กับหนัง ม้วนเดิม
ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีเพิ่ม
ล้วนแต่ ของเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา

ธรรมชาติของชีวิต เกินความคิด ของปุถุชน
ใครไม่สน จะเป็นเหมือนคน ตาบอด
เดินคลำช้าง แล้วยังอวดอ้างรู้ตลอด
ชีวิตวายวอด ทุกข์หลาย ในอบายภูมิ

บุญเป็นอัตตา ของแท้นักหนา มีตัวเป็นตน
ส่วนใจ คล้ายลูกแกะซุกซน หนีเที่ยว
บุญคล้ายมารดา ป้องภัยนาๆ ให้ลูกทีเดียว
คอยขับเคี่ยว ภัยร้าย ให้ลูกน้อย

บุญกับบาป ซึมซับ อยู่ในดวงธรรม
บญเหมือนมารดาล้ำ รักษาบ้าน คือกาย
และคอยกำกับ ดูแลลูกน้อย คือใจ
ส่วนบาป ตัวร้าย คอยทำลาย ทั้งบ้านและบุตร

บุญบาป ขับเคี่ยว ครอบครอง
ทั้งบ้านช่อง และบุตร สุดแปลกดี
เมื่อบุญชนะ ใจเรานั้น จะปีติ
ถ้าบาปชนะ ใจเรานี้ จะเหี่ยวแห้ง

กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จะลงแดง
ชีวิตแห้งแล้ง จะตาย จึงไปหาอบายมุข
เพลิดเพลินตัณหา ลืมทุกข์
รักสนุก ทุกข์ถนัด ในอบายภูมิ

เข้าสู่วัฏฏจักร กิเลสกรรมวิบาก ของบาป 
สังสารวัฏฏ์ หรือคุกประหาร นั่นเอง
ดังนั้น เราต้องแสวงบุญ เก่งๆ
บาปตัวเป้ง จะได้แพ้ แก่บุญวาสนา

;;;;;;;;;; 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น