แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อัตตา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อัตตา แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2567

บุญกับบาป (กำกับชีวิค) มุนี ผู้วางการงานทางโลก ไร้ทุกข์โศก ตัดเยื่อใยในกาม ข้ามโอฆะกิเลสได้ เลิศล้ำ ประชาชนติดตาม บำรุง

 บุญกับบาป
(กำกับชีวิค)

มุนี ผู้วางการงานทางโลก
 ไร้ทุกข์โศก ตัดเยื่อใยในกาม
ข้ามโอฆะกิเลสได้ เลิศล้ำ
ประชาชนติดตาม บำรุง

พระผู้บริสุทธิ์ ดึงดูดศรัทธา
เป็นอานุภาพ บุญญา บารมี
พลังบริสุทธิ์ เป็นอัตตานี้
อจินไตยเหลือที่ นี้คือชีวิต
ชีวิต มีทางเลือกสอง
เป็นครรลอง ทางเดิน
ไม่ไปทางบุญ คุณก็ไปทางเพลิน
เดินทางบาป เข้ากับมาร
บุญกับบาป ธรรมกับอธรรม
ขาวกับดำ พระกับมาร
ทางธรรม กับทางตัณหาบาน
ทางโลกโลกีย์นั้น ทางบาป
คนเกือบทั้งสิ้น ไปทางบาป
เหมือนกับ น้ำไหลลงต่ำ
ง่ายๆสบายๆ ไม่ต้องพยายาม
ตามใจตน ปุถุชน กิเลสหนา
ไปทางบุญ ทางธรรม ความดี
ต้องขันติ มีความพยายาม
จึงยากนัก ผู้คนจะตาม
มีศรัทธาล้ำ จึงทำตามได้
โลกยุคมืด ยุคทมิฬ
คนเกือบทั้งสิ้น ปุถุชนกิเลสหนา
เหมาะสำหรับนักบุญ แสวงบุญญา
และสร้างบารมี เป็นที่สุด

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ผู้รักตน (คนรักบุญ) ความรัก เสมอด้วยตนไม่มี อันว่าตนนี้ ก็คือบุญ คอยอุปถัมภ์ ค้ำจุน ส่วนหนุน..ให้ทำชั่ว คือบาป

 ผู้รักตน
(คนรักบุญ)

ความรัก เสมอด้วยตนไม่มี
อันว่าตนนี้ ก็คือบุญ
 คอยอุปถัมภ์ ค้ำจุน
ส่วนหนุน..ให้ทำชั่ว คือบาป

บุญเป็นอัตตา ตัวตน
หลุดพ้น กฎไตรลักษณ์
เป็นเสบียง เลี้ยงชีพ ในวัฏฏจักร
สมบัติสาม สำคัญนัก ตามติด
รักของพ่อแม่ ให้รักแท้ด้วยบุญ
เคยค้ำจุน ผูกพันกันมา
บุพพการี กับกตัญญุตา
ยากหา ในคนธรรมดาทั่วไป
 แสวงบุญ สร้างบารมี
ต้องอย่างนี้ รักตนแท้
มิฉนั้น รักบาป ทุกข์แน่
คนโง่รักตนแท้ แต่ทำลายตน
บาป ยอดหวาน รากขม
คนจึงโดนต้ม โดนหลอก
บาปหวานนัก ยากจักออก
แม้รู้ว่าหลอก ก็เต็มใจ
บุญ ยาดีที่ขม ดมก็เหม็น
อดทนอดกลั้นเป็น จึงได้บุญ
บาป หอมหวาน คนคุ้น
ผู้มีบุญ..มีปัญญา จึงหายาก
โลก มีกระแส กิเลสกรรมวิบาก
ไหลเชี่ยวกราก พัดพาสรรพสัตว์
รักตนแท้ แน่วแน่ จึงอาจ
สามารถ พาตน พ้นอบายภูมิ

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

พระรัตนตรัยเป็นอัตตา (สุขสมปราถนาจึงมีได้) โภคะของใคร ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี เพียงคิดเอาเท่านี้ ย่อมมีไม่ได้ จะต้องมีบุญบารมี ที่ยิ่งใหญ่ เข้าถึงพระรัตนตรัย ที่เป็นอัตตา

 พระรัตนตรัยเป็นอัตตา
(สุขสมปราถนาจึงมีได้)


โภคะของใคร ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี
 เพียงคิดเอาเท่านี้ ย่อมมีไม่ได้
จะต้องมีบุญบารมี ที่ยิ่งใหญ่
เข้าถึงพระรัตนตรัย ที่เป็นอัตตา

คนทั้งหลาย ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์
เป็นกฎหลัก ของชีวิต
มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ลิขิต
มีชีวิต เหมือนเล่นละคร

อนัตตา คือว่า มันไม่เป็นไปตามจิต
จะคิดอย่างไร มันไม่เป็นตามใจเรา
มันเป็นของมันเอง แล้วแต่กรรมเก่า
ที่เราทำไว้ ในอดีต

กรรมวิบาก ไหลมาจากอดีต
ควบคุม ความคิด คำพูด การกระทำ
เป็นเหมือนบทละคร ที่เราท่องจำ
แล้วก็ร้องรำ ไปตามบท

สิ่งที่มีที่ได้ที่เป็น ที่เห็น มันไม่จริง
แปลกอย่างยิ่ง ทุกสิ่งหายสูญ หลังตาย
เหลือแต่บุญกับบาป ลองคิดดูให้เข้าใจ
เหมือนเล่นละคร เสร็จใหม่ๆ กลายเป็นคนเดิม

พระพุทธศาสนา รู้เช่นเห็นชาติ
จึงออกประกาศ พระศาสนา
สรรพสัตว์ มีอันตราย จากมารา
ใช้กิเลสตัณหา พาไปอบายภูมิ

หลอกให้เล่นละครได้ อย่างไม่รู้สึก
เมื่อนึกได้ ตอนตาย ก็สายแล้ว
ไม่ได้แสวงบุญสร้างบารมี อันเป็นแก้ว
เป็นอัตตา พาคลาดแคล้ว บ่วงมาร

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ผู้เลิศล้ำ (มีธรรมเป็นที่พึ่ง) :: พระเจ้าจักรพรรดิ์ ราชา มวลมนุษย์ ธรรมเลิศสุด ราชา ของจักรพรรดิ์ พระพุทธองค์ ทรงตรัส ส่ำสัตว์ มีธรรม เป็นราชา


ผู้เลิศล้ำ
(มีธรรมเป็นที่พึ่ง)

พระเจ้าจักรพรรดิ์ ราชา ของมวลมนุษย์
ธรรมเลิศสุด ราชา ของจักรพรรดิ์
 พระพุทธองค์ ทรงตรัส
 ส่ำสัตว์ มีธรรม เป็นราชา
  

พระพุทธองค์ ก็ทรงเคารพธรรม
ธรรมสูงส่ง ดำรงเหนือ ทุกผู้
เคารพธรรม ประพฤติธรรม นำสุขสู่
คนทุกผู้ ที่ฉลาด จึงปฏิบัติธรรม

เกิดมา ประพฤติธรรม
จงนำ ธรรมดำรง คงอยู่คู่ชีวิต 
จะสมปราถนา ได้ดังจิต
ชีวิตไม่ยาก หากเคารพธรรม

ธรรม คือความบริสุทธิ์
กิเลสหลุด บริสุทธิ์เกิด
ทานศีลภาวนา ล้ำเลิศ
เกิดธรรม คือบุญ ค้ำจุนชีวิต

ธรรม เป็นอัตตา ตัวตน
ตนพึ่งตน คนพึ่งธรรม
ธรรมะ ชนะ อธรรม
ผู้เลิศล้ำ มีธรรม เป็นที่พึ่ง

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

บุญเท่านั้น (เป็นอัตตา มีตัวเป็นตน) บุญเท่านั้น เป็นอัตตา มีตัวเป็นตน และที่สำคัญ คือพ้น กฎไตรลักษณ์ หมายถึง ไม่สูญไม่เสื่อม เป็นอมตะ ติดตามชีวา ให้สุขสมปราถนา ทุกภพชาติ

 บุญเท่านั้น
(เป็นอัตตา มีตัวเป็นตน)


บุญเท่านั้น เป็นอัตตา มีตัวเป็นตน
และที่สำคัญ คือพ้น กฎไตรลักษณ์
หมายถึง ไม่สูญไม่เสื่อม เป็นอมตะ
ติดตามชีวา ให้สุขสมปราถนา ทุกภพชาติ

ส่วนบาป เป็นอนัตตา เป็นศัตรู
ตามชิงสุข ก่อทุกข์ ให้ชีวิต
กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักร อำมหิต
ตามล่าตามล้างชีวิต ลิขิตมาร

ทุกสิ่งอัน บนโลกโลกีย์ ที่จับต้องได้
เหมือนฝันไป ไม่มีตัว ไม่เป็นตน
ตื่นขึ้นมา ยังโหยหา อย่างน่าฉงน
นี่หละคือกล ของกิเลสมาร ตัณหา

เมื่อเราตาย สมบัติทั้งหลาย ไม่ไปด้วย
เหมือนมีภรรยา ยังสา
ยังสวย ตอนแก่
เมื่อเราตาย ไม่อาลัยเราแน่
คนแก่..สุดช้ำ ระกำทรวง

เศรษฐีใจร้าย ตอนใกล้ตาย ค่อยรู้สึกตัว
ความกลัว เข้าจับใจ กลัวหลาย อบายภูมิ
เห็นนิมิตรร้าย ทุรนทุราย ร้อนรุ่ม
ไฟนรกสุม ร้อนรุ่ม ตอนใกล้ตาย

คนทั้งหลาย น้อยนัก ที่รู้จักแสวงบุญ
และเร่งลุ้น สร้างบารมี
ดังนั้นคนทั้งหลาย เกือบทั้งสิ้นนี้
ไม่อาจหนี คุกประหาร สังสารวัตร

พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า
น้อยนักหนา เท่ากับว่า สองเขาโค
ไปสู่สวรรค์ บรมสุขโข
นอกนั้น เท่าขนโคมากมาย ไปอบายภูมิ 

คนเข้าวัดได้ รู้ไหม มหัศจรรย์
เป็นคนประหลาด จะว่าอย่างนั้น ก็ใช่
เหมือนเทวดา ลงมาสู่ดิน น่ากราบไหว้
คนต่างกันได้ ด้วยบุญญาบารมี

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2565

บุญเพื่อนแท้ (อนันตกาล) บุญนั้นหรือ คือเพื่อนแท้ อนันตกาล ส่วนบาปนั้น เป็นมาร ล้างผลาญชีวิต ส่วนเราคือใจ หรือจิต มีสติ ถึงจะรู้จักคิด พิจารณา

 บุญเพื่อนแท้
(อนันตกาล)


บุญนั้นหรือ  คือเพื่อนแท้ อนันตกาล
ส่วนบาปนั้น เป็นมาร ล้างผลาญชีวิต
ส่วนเราคือใจ หรือจิต
มีสติ ถึงจะรู้จักคิด พิจารณา

บุญมี จึงได้สติ ตื่น
ชื่นมื่น เหมือนตื่นจากหลับลึก และฝัน
เหมือนจริง เหมือนจังทุกสิ่งอัน
คนทั้งหลาย ก็เหมือนกัน ยังฝันอยู่

อยู่ในกระแสกรรมวิบาก ยังกะฝัน
ทุกสิ่งอัน เป็นภาพลวงตา
เป็นจอหนัง หรือโรงละคร เท่านั้นหละ
ดังนั้น ยากนักหนา จะได้สติตื่น

บุญเป็นอัตตา เป็นตน ไม่ใช่ศัตรู
ส่วนบาป คือศัตรู เป็นอนัตตา
เข้ามาทำลายล้าง ยึดครอง เข่นฆ่า
หลงโลกียะ เหมือนว่า ปลาหลงเหยื่อ 

คนทั้งหลาย คลั่งใคล้โลกีย์
เหมือนปลาที่ คุ้นกับน้ำ
ยากนักหนา เข้าวัดปฏิบัติธรรม
อวิชชามนต์ดำ ช่างล้ำลึก

บุญเป็นอัตตา คือว่า เป็นอิสระเสรี
มีสภาวะที่ พ้นภัย ในวัฏฏสงสาร
พ้นจากวิบากกรรม วิบากมาร
ให้สุขสมปราถนา ทุกประการ แน่แท้

บุญมีอานุภาพ ขจัดบาป
บุญเหมือนกับ..น้ำ บาปเหมือนกับเกลือ
อุปสรรคและปัญหา ไม่มีเหลือ
แม้เกลือยังมี ก็ไม่มีฤทธิ์

สมบัติทั้งหลาย ที่เรามีเราได้ อาศัยบุญ
หนึ่งสมองสองมือของคุณ ไม่ใช่
จากบุญอดีต ที่ทำไว้
เหมือนต้นผลไม้ ที่ให้ผล อย่างนั้น

สมบัติอยู่ในมือผู้ใด ที่ไร้ศรัทธา
กลับกลายมา เป็นวิบัติ ทำลายชีวิต
มีกิเลสตัณหา อุปาทาน เป็นมิตร
ร่วมคิดร่วมสร้าง ทางอบาย

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2565

ตายไปหมดสิทธิ์ (มีชีวิตจึงสั่งสมบุญได้) บุญต้องสั่งสมไว้ ตอนมีชีวิต เมื่อหมดชีวิต ก็หมดสิทธิ์ สั่งสมบุญ ยากหลาย จะมาเกิดใหม่ ต้องมีบารมีหนุน แสวงบุญ สร้างบารมี ให้คุ้น หนุนชีวิต

 ตายไปหมดสิทธิ์
(มีชีวิตจึงสั่งสมบุญได้)

บุญต้องสั่งสมไว้ ในตอนมีชีวิต
เมื่อหมดชีวิต ก็หมดสิทธิ์ สั่งสมบุญ
ยากหลาย จะมาเกิดใหม่ ต้องมีบารมีหนุน
แสวงบุญ สร้างบารมี ให้คุ้น หนุนชีวิต

การทำมาหากิน ก็ทำได้
แต่จงจำไว้ ต้องแสวงบุญ
เชื่อมต่อวาสนา ให้ไหลมาหนุน
บุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ

สิ่งที่เรามีเราได้ เราเป็นไป ในปัจจุบัน
นั้น ไม่ใช่มัน หนึ่งสมอง สองมือ
มันนั่นหรือ 
คือ กรรมวิบาก อันซ้ำซากจำเจ

ล้วนเป็นภาพเก่าๆ ของเราทั้งนั้น
คล้ายกัน กับหนัง ม้วนเดิม
ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีเพิ่ม
ล้วนแต่ ของเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา

ธรรมชาติของชีวิต เกินความคิด ของปุถุชน
ใครไม่สน จะเป็นเหมือนคน ตาบอด
เดินคลำช้าง แล้วยังอวดอ้างรู้ตลอด
ชีวิตวายวอด ทุกข์หลาย ในอบายภูมิ

บุญเป็นอัตตา ของแท้นักหนา มีตัวเป็นตน
ส่วนใจ คล้ายลูกแกะซุกซน หนีเที่ยว
บุญคล้ายมารดา ป้องภัยนาๆ ให้ลูกทีเดียว
คอยขับเคี่ยว ภัยร้าย ให้ลูกน้อย

บุญกับบาป ซึมซับ อยู่ในดวงธรรม
บญเหมือนมารดาล้ำ รักษาบ้าน คือกาย
และคอยกำกับ ดูแลลูกน้อย คือใจ
ส่วนบาป ตัวร้าย คอยทำลาย ทั้งบ้านและบุตร

บุญบาป ขับเคี่ยว ครอบครอง
ทั้งบ้านช่อง และบุตร สุดแปลกดี
เมื่อบุญชนะ ใจเรานั้น จะปีติ
ถ้าบาปชนะ ใจเรานี้ จะเหี่ยวแห้ง

กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จะลงแดง
ชีวิตแห้งแล้ง จะตาย จึงไปหาอบายมุข
เพลิดเพลินตัณหา ลืมทุกข์
รักสนุก ทุกข์ถนัด ในอบายภูมิ

เข้าสู่วัฏฏจักร กิเลสกรรมวิบาก ของบาป 
สังสารวัฏฏ์ หรือคุกประหาร นั่นเอง
ดังนั้น เราต้องแสวงบุญ เก่งๆ
บาปตัวเป้ง จะได้แพ้ แก่บุญวาสนา

;;;;;;;;;;