บุญกับบาป
(กำกับชีวิค)
;;;;;;;;;;
บุญกับบาป
(กำกับชีวิค)
;;;;;;;;;;
ผู้รักตน
(คนรักบุญ)
;;;;;;;;;;
พระรัตนตรัยเป็นอัตตา
(สุขสมปราถนาจึงมีได้)
คนทั้งหลาย ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์
เป็นกฎหลัก ของชีวิต
มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ลิขิต
มีชีวิต เหมือนเล่นละคร
อนัตตา คือว่า มันไม่เป็นไปตามจิต
จะคิดอย่างไร มันไม่เป็นตามใจเรา
มันเป็นของมันเอง แล้วแต่กรรมเก่า
ที่เราทำไว้ ในอดีต
กรรมวิบาก ไหลมาจากอดีต
ควบคุม ความคิด คำพูด การกระทำ
เป็นเหมือนบทละคร ที่เราท่องจำ
แล้วก็ร้องรำ ไปตามบท
สิ่งที่มีที่ได้ที่เป็น ที่เห็น มันไม่จริง
แปลกอย่างยิ่ง ทุกสิ่งหายสูญ หลังตาย
เหลือแต่บุญกับบาป ลองคิดดูให้เข้าใจ
เหมือนเล่นละคร เสร็จใหม่ๆ กลายเป็นคนเดิม
พระพุทธศาสนา รู้เช่นเห็นชาติ
จึงออกประกาศ พระศาสนา
สรรพสัตว์ มีอันตราย จากมารา
ใช้กิเลสตัณหา พาไปอบายภูมิ
หลอกให้เล่นละครได้ อย่างไม่รู้สึก
เมื่อนึกได้ ตอนตาย ก็สายแล้ว
ไม่ได้แสวงบุญสร้างบารมี อันเป็นแก้ว
เป็นอัตตา พาคลาดแคล้ว บ่วงมาร
;;;;;;;;;;
บุญเท่านั้น
(เป็นอัตตา มีตัวเป็นตน)
ส่วนบาป เป็นอนัตตา เป็นศัตรู
ตามชิงสุข ก่อทุกข์ ให้ชีวิต
กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักร อำมหิต
ตามล่าตามล้างชีวิต ลิขิตมาร
ทุกสิ่งอัน บนโลกโลกีย์ ที่จับต้องได้
เหมือนฝันไป ไม่มีตัว ไม่เป็นตน
ตื่นขึ้นมา ยังโหยหา อย่างน่าฉงน
นี่หละคือกล ของกิเลสมาร ตัณหา
เมื่อเราตาย สมบัติทั้งหลาย ไม่ไปด้วย
เหมือนมีภรรยา ยังสาวยังสวย ตอนแก่
เมื่อเราตาย ไม่อาลัยเราแน่
คนแก่..สุดช้ำ ระกำทรวง
เศรษฐีใจร้าย ตอนใกล้ตาย ค่อยรู้สึกตัว
ความกลัว เข้าจับใจ กลัวหลาย อบายภูมิ
เห็นนิมิตรร้าย ทุรนทุราย ร้อนรุ่ม
ไฟนรกสุม ร้อนรุ่ม ตอนใกล้ตาย
คนทั้งหลาย น้อยนัก ที่รู้จักแสวงบุญ
และเร่งลุ้น สร้างบารมี
ดังนั้นคนทั้งหลาย เกือบทั้งสิ้นนี้
ไม่อาจหนี คุกประหาร สังสารวัตร
พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า
น้อยนักหนา เท่ากับว่า สองเขาโค
ไปสู่สวรรค์ บรมสุขโข
นอกนั้น เท่าขนโคมากมาย ไปอบายภูมิ
คนเข้าวัดได้ รู้ไหม มหัศจรรย์
เป็นคนประหลาด จะว่าอย่างนั้น ก็ใช่
เหมือนเทวดา ลงมาสู่ดิน น่ากราบไหว้
คนต่างกันได้ ด้วยบุญญาบารมี
;;;;;;;;;;
บุญเพื่อนแท้
(อนันตกาล)
;;;;;;;;;;
ตายไปหมดสิทธิ์
(มีชีวิตจึงสั่งสมบุญได้)
;;;;;;;;;;