แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2567

ธรรม (นำความสุขความเจริญ) ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ ไม่นานเกิน อดทนไว้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ไปไหน แน่แท้เชื่อได้ กฎแห่งกรรม

 ธรรม
(นำความสุขความเจริญ)

ผู้รู้ชั่ว รู้จักแต่เรื่องชั่วๆ
ทำตัว เป็นพาล สันดานหยาบ
เป็นผู้เสื่อม จากความดี มีแต่บาป
มีอบายภูมิรองรับ อนันตกาล
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ
ไม่นานเกิน อดทนไว้
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ไปไหน
แน่แท้เชื่อได้ กฎแห่งกรรม
ผู้ชังธรรม เป็นผู้เสื่อม
ผู้เลื่อมใส เจริญ
ทางสายกลาง ทางบุญ ทางเดิน
ปุถุชนเมิน ทางบุญ
ผู้ทำสักการะ ย่อมได้รับสักการะ
แน่นักหนา กฎแห่งกรรม
ทำชั่วได้บาป ทำดีได้บุญค้ำ
เป็นธรรมดา ธรรมชาติ
ผู้เคารพ ย่อมมีผู้เคารพ
มีผู้น้อมนบ กราบไหว้
มีบุคคลิกลักษณะ แปลกไป
น่ากราบน่าไหว้ นี่หละบุญ
ผู้บูชา ย่อมได้รับบูชา
ได้ลักษณะสงบสง่า น่าเลื่อมใส
ด้วยบุญบันดาล ให้เป็นไป
ส่วนบาปตัวร้าย ทำลายคน
ผู้ไหว้ ย่อมได้รับไหว้ตอบ
เป็นระบอบ ระบบ ธรรมชาติ
เป็นไป โดยอัตโนมัติ
เป็นมารยาท ของมนุษย์

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สันโดษสมถะในตน (พ้นตัณหาสิง) ธรรม เหมือนห้วงน้ำไม่มีตม มีแต่สุขสม ไม่ระทมทุกข์ สุขยั่งยืน ไม่ใช่สนุก เป็นสันติสุข ใจหยุดใจนิ่ง

 สันโดษสมถะในตน
(พ้นตัณหาสิง)


ธรรม เหมือนห้วงน้ำไม่มีตม
มีแต่สุขสม ไม่ระทมทุกข์
สุขยั่งยืน ไม่ใช่สนุก
เป็นสันติสุข ใจหยุดใจนิ่ง

ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า
มีบุญบาป นำพา ลิขิต
สิ่งภายนอก และชีวิต
บุญบาปในอดีต นำไป
ธรรมแล เป็นธงชัยของพวกฤาษี
บำเพ็ญตะบะ เพื่อที่ เข้าถึงธรรม
ข่มตัณหา ที่ข่มได้ยากล้ำ
โลกธรรม ลาภยศสรรเสริญสุข
ธรรมของสัตบุรุษ รู้ได้ยาก
ต้องรู้จัก สันโดษสมถะ
ทำใจหยุดใจนิ่ง ในกายา
ปล่อยวางโลกา ความอยาก
ธรรมของสัตบุรุษ ไม่มีเก่า
ไม่มีเศร้า ไม่มีหมอง
มีแต่สดใส เรืองรอง
หนึ่งไม่มีสอง ส่องทางพ้นทุกข์
ธรรมของสัตบุรุษ อันสัตบุรุษรักษา
ปุถุชนธรรมดา รักษาไม่ได้
คนดีเท่านั้น ฝึกใจ
ปัญญาใส ศรัทธาในบุญ
ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำสุขมาให้
เกิดจากใจ หยุดนิ่ง
สันโดษสมถะ ในตน พ้นตัณหาสิง
สุขจริง มาพร้อมกับเมตตา

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

สำเร็จและชนะ (ถ้ารู้จักขันติ) ธรรม เป็นทาง ควรเดินตาม ส่วนอธรรม ควรระวัง ให้ห่างเหิน อธรรม นำไปนรก อย่ามัวเพลิน ธรรม คือทางเดิน ไปสวรรค์

สำเร็จและชนะ
(ถ้ารู้จักขันติ)


ธรรม เป็นทาง ควรเดินตาม
ส่วนอธรรม ควรระวัง ให้ห่างเหิน
อธรรม นำไปนรก อย่ามัวเพลิน
ธรรม คือทางเดิน ไปสวรรค์
ทางธรรม ทางดีงาม หรือทางบุญ
คนทั้งหลายไม่คุ้น เหมือนแมลงวัน
ชอบบินลงต่ำ อย่างนั้น
ต่างกัน..กับ แมลงภู่ บินสู่สูง

ทางธรรม ทางบุญ ทางสละ
ต้องศรัทธา จึงจะกล้าหาญ
สละทรัพย์ อวัยวะ แม้ชีวัน
คนดีเท่านั้น ธัมมัญญุตา

ธัมมัญญุตา รู้ว่า โลกและชีวิต
มีบุญบาป ตามติด กำกับ
ตามกฎแห่งกรรม กฎไตรลักษณ์
ซึ่งยากนัก จักเชื่อตอนยังมีชีวิต
โลกนี้ พระท่านชี้ ว่าคือโรงละคร
เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ตอนจบ
เมื่อจะตาย จึงได้สติ อย่างนี้ทุกภพ
จึงเวียนว่ายไม่รู้จบ วัฏฏสงสาร

การเผยแผ่ธรรม นำพาสาธุชน
หลีกพ้น กลมาร โลกโลกีย์
ประคองศรัทธา พาแสวงบุญสร้างบารมี
ส่งเสริมกิจกรณีย์ ทำพระนิพพานให้แจ้ง

ธรรมะชนะอธรรม ด้วยขันติ
ศรัทธามี ขันติจึงมีได้
กัลยาณมิตร ต้องอุทิศตน อย่างใหญ่
ชนะมารได้ ต้องใช้ ขันติบารมี

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2566

ธรรม (นำสุข) ผู้ปีติในธรรม อยู่เป็นสุข ห่างไกลจากทุกข์ ด้วยใจปีติ ธรรม คือบุญ คุณความดี อุปถัมภ์ชีวี มีสุขสมปราถนา

ธรรม
(นำสุข) 


ผู้ปีติในธรรม อยู่เย็นเป็นสุข
ห่างไกลจากทุกข์ ด้วยใจปีติ
ธรรม คือบุญ คุณความดี
อุปถัมภ์ชีวี มีสุขสมปราถนา
ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข
เดินทางถูก ทางบุญ
ทานศีลภาวนา มีเมตตาการุณย์
ทางอบอุ่น ทั้งตนและคนอื่น

ธรรมแล ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
มีบุญค้ำ ไม่ตกต่ำ เป็นสุข
มีเทวดาลงรักษา หมดทุกข์
เดินทางถูก ทางธรรม ทางบุญ

ผู้ประพฤติธรรม ไม่ไปสู่ทุคติ
เป็นคนดี ฝึกสติ เป็นกิจวัตร
แสวงบุญสร้างบารมี สุดสามารถ
ไม่ไปอบายเด็ดขาด เป็นธรรมดา
เกียรติ ย่อมไม่ละผู้อยู่ในธรรม
กลิ่นศีล กลิ่นธรรม หอมล้ำยิ่งนัก
ขจรขจาย ถึงชั้นฟ้า เทวดารัก
มหาชนปกปัก เทวดาลงรักษา
ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่ทำบาป
ด้วยมีสติกำกับ อยู่เสมอ
ไม่ประมาท ขยาดนรก ไม่อยากเจอ
เหมือนแมลงภู่ บินสูงเสมอ สู่ยอดไม้
สภาวธรรมทั้งปวง ไม่ควรถือมั่น
สิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่นั้น มันอนัตตา
มีก็สักแต่มี ได้ก็สักแต่ได้ ให้จาคะ
มีเพื่อสละ เพื่อประโยชน์สูง คือบุญ

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ปลาหลงเหยื่อ (ไม่เชื่อเต่า) ทำแต่งาน หาแต่เงิน ไม่เข้าวัด เหมือนกันชัด กับ ปลาหลงเหยื่อ เต่าชวนขึ้นบก จนเบื่อ คนซกมกไม่เชื่อ ว่านรกมี

 ปลาหลงเหยื่อ
(ไม่เชื่อเต่า)


ทำแต่งาน หาแต่เงิน เพลินไม่เข้าวัด
เหมือนกันชัด กับ ปลาหลงเหยื่อ
เต่าชวนขึ้นบก จนเบื่อ 
คนซกมกไม่เชื่อ ว่านรกมี

ทำงานได้เงิน เพลินกินเหยื่อ
ช่างยากเหลือ จะได้สติตื่น
เหมือนหลับลึก ไม่รู้สึก ตลอดคืน
สติตื่น ยากหลาย ถ้าไม่ได้กัลยาณมิตร

กิเลสตัณหา เอาอวิชชา มาปิดบัง
เหมือนกันจัง กับดูหนัง สามมิติ
ใช้อารมณ์ร่วม สวมใส่ เต็มที่
โลกโลกีย์ นี้คือโรงหนังหรือโรงละคร

ทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องจริงเรื่องจัง
คือหลังตาย ทุกอย่าง สูญหายหมด
เหมือนเลิกดูหนัง ความจริง ปรากฎ
ใจสลด เมื่อคิดได้ ก็สายแล้ว

หลังตาย ต้องการบุญหลาย ไม่ใช่เงิน
โลกเท่านั้น มีความเพลิน ใช้เงินซื้อ
เพลินหาเงิน เมินบุญ คนดื้อ
เหมือนกระบือ หรือไก่กา มัวหากิน

พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ธรรม
คือรู้เห็นความ..จริง ของชีวิต
รู้เห็นบุญ ธรรมธาตุศักดิ์สิทธิ์
หนึ่งเดียวของชีวิต ตามติดอุปถัมภ์

ชีวิตสรรพสัตว์ และสรรพสิ่ง ที่ปรากฎ
ทั้งหมด เป็นบทบาท ของบุญกับบาป
ชีวิต สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ยุบยับ
สำหรับ พระพุทธองค์เท่านั้น รู้ทันความจริง

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ผู้เลิศล้ำ (มีธรรมเป็นที่พึ่ง) :: พระเจ้าจักรพรรดิ์ ราชา มวลมนุษย์ ธรรมเลิศสุด ราชา ของจักรพรรดิ์ พระพุทธองค์ ทรงตรัส ส่ำสัตว์ มีธรรม เป็นราชา


ผู้เลิศล้ำ
(มีธรรมเป็นที่พึ่ง)

พระเจ้าจักรพรรดิ์ ราชา ของมวลมนุษย์
ธรรมเลิศสุด ราชา ของจักรพรรดิ์
 พระพุทธองค์ ทรงตรัส
 ส่ำสัตว์ มีธรรม เป็นราชา
  

พระพุทธองค์ ก็ทรงเคารพธรรม
ธรรมสูงส่ง ดำรงเหนือ ทุกผู้
เคารพธรรม ประพฤติธรรม นำสุขสู่
คนทุกผู้ ที่ฉลาด จึงปฏิบัติธรรม

เกิดมา ประพฤติธรรม
จงนำ ธรรมดำรง คงอยู่คู่ชีวิต 
จะสมปราถนา ได้ดังจิต
ชีวิตไม่ยาก หากเคารพธรรม

ธรรม คือความบริสุทธิ์
กิเลสหลุด บริสุทธิ์เกิด
ทานศีลภาวนา ล้ำเลิศ
เกิดธรรม คือบุญ ค้ำจุนชีวิต

ธรรม เป็นอัตตา ตัวตน
ตนพึ่งตน คนพึ่งธรรม
ธรรมะ ชนะ อธรรม
ผู้เลิศล้ำ มีธรรม เป็นที่พึ่ง

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน (คนแสวงบุญสร้างบารมี):: ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือคนเก่ง แต่ไม่ใช่พวกนักเลง ขี้เบ่ง อวดดี ไม่ใช่พวกเศรษฐีขี้เหนียว เอาเปรียบประชาชี ไม่ใช่ พวกที่ เอาดีแต่พวกตน

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
(คนแสวงบุญสร้างบารมี)
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือคนเก่ง
แต่ไม่ใช่พวกนักเลง ขี้เบ่ง อวดดี
ไม่ใช่พวกเศรษฐีขี้เหนียว เอาเปรียบประชาชี
ไม่ใช่ พวกที่ เอาดีแต่พวกตน
อัตตัญญุตา รู้จักตน คือคนเก่งทีเดียว
แม้จะเชี่ยว..ทางโลกแค่ไหน ยากหลายจะรู้จักตน
กาย เวทนา จิต ธรรม ชีวิตของคน 
 อยู่ในกายตน คนไม่รู้
กายเหมือนบ้าน หรือเหมือนกัน กับเสื้อผ้า
หนึ่งสมองสองมือนั่นหนา ก็คือกาย
เหมือนโง่ ไม่รู้เหนือใต้
จะยกมือยกไม้ มีข้างในสั่ง
เวทนา พระผู้รู้บอกว่า เป็นดวง
มีหน้าที่ใหญ่หลวง รับข้อมูล ซ้อนอยู่ในกาย
จิตก็เป็นดวง ซ้อนอยู่ในเวทนา มีหน้าที่คิดได้
ธรรม อาจขุ่นหรือใส เป็นดวงซ้อนใน หน้าที่ใหญ่ คลังข้อมูล
สติปัฏฐานสี่ กับ คอมพิวเตอร์ นี้ ดูคล้าย
ฮาร์ดแวร์ คือกาย ซีพียูคือใจ ที่เก็บข้อมูลนั้นใช่ ดวงธรรม
ซอฟแวร์หรือโปรแกรม คือผู้สร้างวิบากกรรม
บุญบาปนั้น คล้ายกันล้ำ กับ โปรแกรม
ส่วนบารมีกับกิเลส คือโปรแกรมสำเร็จ
กิเลส ร้ายนักพาก่อเหตุร้าย นิสัยเสีย
พาก่อกรรม มีวิบากลามเลีย
 ตรงข้ามกับนิสัยเสีย นิสัยดี คือบารมีนั่นเอง
จิต คือเครื่องฉาย ให้วิบากกรรมไปปรากฏ
ให้เห็นสดๆ ปรากฎ เป็นเหตุการณ์
ดังนั้นโลก คือจอหนัง หรือโรงละคร อย่ายึดมั่น
เหมือนจริงทั้งนั้น แต่มันเป็น เช่นละคร
เราเป็นทั้งคนเล่น และคนดู
จงรู้รักษาสติ อย่ามีอารมณ์ร่วม
 ขันติตั้ง ใครรักชัง ช่าง สำรวม
ปล่อยให้บุญท่วม เข้าจัดการ ปัญหา
เมื่อบารมีคุ้มครองใจ เหตุการณ์ไฉไล ถูกใจเรา
ก็จงตั้งสติตัวเก่า อย่าเป็นแมงเม่า หลงแสงสี
ตั้งจิตตั้งใจ แสวงบุญสร้างบารมี ให้ดี
ไม่ประมาทในชีวี ตลอดไป
บารมีก็คือนิสัยดี ที่อบรมบ่มมานาน
เหมือนหินย้อย ที่สั่งสมตะกรัน นานนักหนา
สวยสด งดงาม อร่ามตา
ผู้มีบารมี เป็นคนเหนือฟ้า มนุษย์เทวดากราบไหว้

;;;;;;;;;;