วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2565

หยุดใจนิ่ง (จึงทิ้งสังขารได้) สังขาร นั้น มันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง คือใจไม่นิ่ง เหมือนลิง ต้นเหตุแห่งทุกข์ จิตกระสับกระส่าย ทุรนทุาย อยากสนุก จึงปลดทุกข์ ด้วยอบายมุข นั่นเอง

 หยุดใจนิ่ง
(จึงทิ้งสังขารได้)

สังขาร นั้น มันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
คือใจไม่นิ่ง เหมือนลิง ต้นเหตุแห่งทุกข์
จิตกระสับกระส่าย ทุรนทุราย อยากสนุก
จึงปลดทุกข์ ด้วยอบายมุข นั่นเอง

ใจมีกิเลสตัณหา เนื่องจากว่า ขาดสติ
อุปาทานทยานอยาก จึงมี ตระหนี่หลาย
พอไม่เป็น ยิ่งมียิ่งอยากได้
ยิ่งมีอำนาจบาทใหญ่ ยิ่งได้ใจ กลายเป็นภัยสังคม

เมื่อจิตดับ สังขารลับ จึงตกศูนย์
มีความสุขเพิ่มพูน บุญทวี
ความสว่างไสว คล้ายแสงตะวัน จึงเกิดมี
อจินไตยเหลือที่ เกิดมี ดวงปฐมมรรค

ทุกข์ด้วยสังขาร ความคิดปรุงแต่ง
ต่างกับทางโลกอย่างแรง ที่ชอบแสดงความคิด
รู้เห็นด้วยปัญญา นั่นหละ จึงต้องดับจิต
ดับความคิด แล้วจึงรู้แจ้ง เห็นแจ้งด้วยปัญญา

สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย ได้ชื่อว่าสังขาร
มีเครื่องหมายสำคัญ คืออยู่ภายใต้ กฎไตรลักษณ์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ประจัก
น่าเวทนาสรรพสัตว์ยิ่งนัก จมปลัก แต่ไม่รู้ตัว

มัวเมาลืมตน ลืมตาย
ประมาทหลาย ไม่เตรียมไว้ แสวงบุญ
เข้าสู่คุกประหาร อนันตกาล แสนทารุณ
เมื่อมีโอกาศเกิดใหม่ ก็ยังไม่แสวงบุญ อย่างเดิม

เข้าสู่เส้นทางสายกลางเท่านั้น หยุดมันได้
กัลยาณมิตร จึงยิ่งใหญ่ สะกิดใจเรา
ชีวิตพลิกผัน กลับหลังหัน สู่เส้นทางสีขาว
เป็นเส้นทางสายเก่า ของพระอริยเจ้า อริยะมรรค

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น