แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มนุษย์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มนุษย์ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วิสาขบูชา (วันมหากรุณาพระนิพพาน):: วิสาขบูชา วันมหา กุศล วันมงคล ของสรรพสัตว์

วิสาขบูชา
(วันมหากรุณาพระนิพพาน)

วิสาขบูชา วันมหากุศล
วันมหามงคล ของสรรพสัตว์
พระพุทธเจ้า ของเรา อุบัติ
ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน
แปลกดี ที่กาลทั้งสาม
ไม่เหลื่อมล้ำ ประจำ อยู่ในวัน
 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 นั้น
โลก และสวรรค์ เหมือนกัน แสวงบุญ
ชาวสวรรค์ บูชา มหาจุฬามณี
พระเจดีย์ พระบรมสารี ริกธาตุ
องค์อินทร์ แสดงวาทะ ไม่ประมาท
เทวดาทั่วชั้นฟ้า ไม่ขาด แสวงบุญ
เหล่าเทวดา อิจฉา พวกมนุษย์
โอกาสดีสุดสุด มนุษย์ แสวงบุญได้ง่ายๆ
แต่น่าเวทนา มัวเมาหากิน กันอยู่ได้
คนทั้งหลาย บ้าหาทรัพย์ กับดักมาร
ปรโลก รอรับโชค ในวันนี้ 
ทั่วทุกที่ ยินดี ปรีดา ตั้งตาคอย
หมู่มนุษย์ เหมือนไก่ ได้พลอย
เขี่ยทิ้งจ้อย โง่หลาย ไม่รู้จักบุญ
วิสาขบูชา วันมหากรุณา พระนิพพาน 
 แผ่บุญญาใหญ่ ไพศาล กู้ธาตุธรรม
ส่ำสัตว์ ไร้ศรัทธา น่าสงสารล้ำ
  เดินตามกัน สู่คุกประหาร ไม่รู้เรื่อง

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2565

ปุถุชน (เป็นเพียงคน ไม่ใช่มนุษย์) เพราะอยู่ด้วยกัน นานเกินไป เห็นไส้ เห็นความร้าย ของกันและกัน เกิดเบื่อหน่าย ไม่อาจอดกลั้น นี้เป็นปุถุชนคนสามัญ ต่างกัน กับมนุษย์

 ปุถุชน
(เป็นเพียงคน ไม่ใช่มนุษย์)


เพราะอยู่ด้วยกัน นานเกินไป
เห็นไส้ เห็นความร้าย ของกันและกัน
 เกิดเบื่อหน่าย ไม่อาจอดกลั้น
นี้เป็นปุถุชนคนสามัญ ต่างกัน กับมนุษย์

ปุถุชนคนสามัญ ไม่ต่างกัน กับกาไก่
กิน นอน สืบพันธุ์ ถ่าย ไปวันวัน
คุ้ยเขี่ยหากิน เท่านั้น
มีสัญชาติญาณ ของสัตว์ ที่ขาดเมตตา

ปุถุชนคนทั่วไป ไร้ศรัทธา
ขาดธรรมะ หนทางชีวิต
ทำอะไรตามแต่..ใจคิด
ใจมืดมิด ถูกผิด ไม่สนใจ

ไม่รู้จัก บำเพ็ญทาน การกุศล
ความตระหนี่ ท่วมท้น ปุถุชนคนธรรมดา
ไหลตามกันไปทางต่ำ เหมือน
น้ำนั่นหละ
ใกล้ตายจึงได้สติ แต่ว่า ก็สายแล้ว

สมบัติทั้งหลาย ถ้าไม่บำเพ็ญทาน
จะแปลผัน กลายเป็นวิบัติ
เหมือนสนิมเหล็ก กัดเหล็กได้ ประหลาด
สุดคาด สมบัติ มีไว้ทาน

คนพาล นั้น คือคนอ่อนแอ
ส่วนเมตตา แปลว่า อ่อนโยน
เป็นคนกล้า สามารถเสียสละ ไม่บ่น
ส่วนปุถุชนคนพาล ขี้บ่น คนตระหนี่

คนพาล กล้าระราน ทำร้าย
มีสมบัติ ก็ไม่ให้ ช่างไร้เมตตา

กลายเป็นวิบัติ ทำลายสติปัญญา
ไม่ใช่มนุษย์มะนา ที่เกิดมาแสวงบุญ

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เป็นมนุษย์ (สุดที่ฝึกตนทนกิเลส) ให้รอบคอบ ประกอบกิจทุกอย่าง อย่าปล่อยวาง ทุกอย่าง อย่างง่ายๆ ใช้ปัญญาตรวจตรา อย่าวางใจ มิฉนั้น เดือดร้อนใหญ่ อาจตามมา

 เป็นมนุษย์
(สุดที่ฝึกตนทนกิเลส)


ให้รอบคอบ ประกอบกิจทุกอย่าง
อย่าปล่อยวาง ทุกอย่าง อย่างง่ายๆ
ใช้ปัญญาตรวจตรา อย่าวางใจ
มิฉนั้น เดือดร้อนใหญ่ อาจตามมา

เหมือนตักอาหาร จานร้อนใส่ปาก
ต้องระวังยิ่งนัก ค่อยๆใส่
มีสติตั้ง ไม่วางใจ
ทำใจใสใส ใจเย็นๆ

อย่าดูเบาในงาน ในการทั้งใหญ่น้อย
สติไม่ลอย หนีไป
ขึ้นชื่อว่าบุญ ต้องตั้งใจ
ศรัทธาหลาย ได้บุญใหญ่นัก

เหมือนปลวกก่อจอมปลวก ไม่ลวกๆเล่นๆ
ดูเหมือนยากเข็ญ แต่กลายเป็นสุข
ทำงานละเอียด ใจละเมียด หมดทุกข์
ใจเป็นสุข ด้วยใจหยุดนิ่ง

การทำงานทุกอย่าง ไม่ห่างการฝึกตน
มีฉันทะฝึกฝน จนถึงวิมังสา
ใจหยุดใจนิ่ง แล้วเกิดปัญญา
ให้สุขสมปราถนา อย่างน่าอัศจรรย์

การทำงานเพื่อเงิน เพลินกินเหยื่อ
สติไม่เหลือ มัวเมา
ไม่มีความสุข มีแต่สนุก ถูกใจเจ้า
แล้วดูเบาในความดี มิได้ฝึกตน

เป็นมนุษย์ สุดที่ฝึกฝน ทนกิเลส
ดับตัณหา ต้นเหตุ อุปทาน
ยึดติดโลกโลกีย์ มิจฉาทิฏฐิ มั่น
หลงกลมาร ทุกข์อนันต์ ปรภพ

;;;;;;;;;; 

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ทางสายกลาง (ทางชีวิตของมนุษย์) คนทั้งหลาย หลังตาย ย่อมไปที่ชอบ เป็นคำตอบ ที่ธรรมดา ได้ยินมานาน เป็นคำตอบที่พอใจ ไม่สงสัยกัน ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น มันธรรมดา

ทางสายกลาง
(ทางชีวิตของมนุษย์) 


คนทั้งหลาย หลังตาย ย่อมไปที่ชอบ
เป็นคำตอบ ที่ธรรมดา ได้ยินมานาน
เป็นคำตอบที่พอใจ ไม่สงสัยกัน
ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น มันธรรมดา

เหมือนดังนิสัย ของแมลงภู่ เมื่อจับมาคู่กับแมลงวัน
แล้วปล่อยพร้อมกัน ดูซิว่ามันจะไปไหน
แมลงภู่ จะวิ่งสู่ ยอดไม้
ส่วนแมลงวัน แน่นอนได้ ไปที่ส้วม

สรรพสัตว์มีนิสัย นำพาไป ใครๆควรรู้
เราเองก็รู้ได้ รู้นิสัยของตนเอง
จะไปสวรรค์หรืออบาย จะไปดีหรือเสงเครง
ดูได้เอง จะไปไหน ไม่ต้องถามใครแล้ว

คนขี้เหนียว ไม่เคยแลเหลียวใครอื่น
มีแต่ยื่นมือ..จะเอา เจ้าไม่เคยให้
พระสงฆ์องค์เณร แม้เห็น ก็ไม่ใส่ใจ
คนจะเป็นจะตาย ก็ดูดาย ไม่มอง

คนใจคับแคบ เป็นคนแสบ ไม่ใช่มนุษย์
แน่นอนสุด ลงต่ำ ดำว่าย
เหมือนหมู่หนอน ชอนไช
กินนอนสะบาย อยู่ในส้วม

นิสัยมนุษย์ แรกสุด ไม่ขี้เหนียว
ชอบแลเหลียว แลเห็น เป็นต้องช่วย
ผู้ขาดแคลน หรือผู้เจ็บป่วย
เป็นต้องช่วย ด้วยกรุณา

มนุษย์มีใจใส ไม่ขี้โกรธ
มีใจสูง ไม่พิโรธ ให้อภัย
มีผิวพรรณวรรณะ ผ่องใส
น่ากราบน่าไหว้ คล้ายเทวดา

มนุษย์ คือคนดี มีสติสัมปชัญญะ
เดินตามทางพระ คือทางสายกลาง
มีศรัทธา รักบุญกลัวบาป จัง
ชีวิตจึงสมหวัง สุขสมปราถนาทุกประการ

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564

คนอาชาไนย (ฝักใฝ่ปฏิบัติธรรม) เราแบกกายา ทนุถนอมรักษา มาตลอด ไม่เคยปลดปลง ไม่เคยถอด กอดไว้ เวรกรรม เหมือนเต่ามีกระดอง กระด้ง คว่ำ เดินงุ่มง่าม ทำเป็นเท่ เป๋ปัดป่าย

คนอาชาไนย
(ฝักใฝ่ปฏิบัติธรรม)

 เราแบกกายา ทนุถนอมรักษา มาตลอด
 ไม่เคยปลดปลง ไม่เคยถอด กอดไว้ เวรกรรม
เหมือนเต่ามีกระดอง กระด้งคว่ำ
เดินงุ่มง่าม ทำเป็นเท่ เป๋ปัดป่าย
หลงโลก หลงตัวตน คนธรรมดา
กิเลสหนา เหมือนปลา ในน้ำ
ดำผุด มุดว่าย วันยังค่ำ
ไม่สนใจคำ ชวนขึ้นบก ของนกกา
กายมนุษย์ สุดดี เป็นที่อิจฉาของชาวสวรรค์
โลกมนุษย์สามารถหาบุญกัน ชาวสวรรค์ ทำไม่ได้
อบายภูมิสี่ มิต้องพูดถึง ยิ่งไม่ได้ใหญ่
กายมนุษย์ จึงวิเศษหลาย หาบุญได้กายเดียว
ชีวิต ถูกลิขิต ด้วยบุญบาป
เป็นเหมือนกับ เรานับถือเงินเป็นพระเจ้า
ในวัฏฏะสงสาร ใช้บุญเท่านั้น เป็นเหมือนเงา
ติดตามเรา..ไม่ห่าง คอยถางทางชีวิต 
ภูมิเกิดของสรรพสัตว์ สามารถแบ่งเป็นสอง 
 หนึ่ง โลกมนุษย์ กับสอง ปรโลก ภูมิอัปโชค เสวยกรรมวิบาก
 แสวงบุญได้ ในโลกมนุษย์นี้เท่านั้น ประหลาดนัก
 แต่ปุถุชนไม่รู้จัก ด้วยจมปรักกามคุณ 
มนุษย์ทุกคน ล้วนเคยทำบุญกุศลไว้ ในอดีต
สั่งสมทีละน้อยทีละนิด กลายเป็นบุญวาสนา
สงบนิ่งอยู่ในดวงธรรม รอคอยถ้า
อัศจรรย์นักหนา รอคอยถ้า บุญปัจจุบัน 
  การทำความดี ใจเรานี้ จะมานิ่งอยู่ในตน
เชื่อมต่อกับบุญกุศล ในอดีต หรือบุญวาสนา
รับกุศลวิบาก จากการกระทำไว้แต่นานมา
ดังนั้นผู้มีปัญญา จึง ทานศีลภาวนา เป็นประจำ
แต่คนทั้งหลาย ไม่ได้ทำความดี ใจนี้ จึงอยู่นอกกาย 
ไม่รู้อะไร กินและเล่นไป คล้ายปลาคุ้นน้ำ
เสพกามคุณ วุ่นอยู่กับโลกธรรม
รับอกุศลกรรม..วิบาก จึงทุกข์หนัก น้ำตานอง
เป็นมนุษย์ มีใจสูง ไม่ยุ่งโลกธรรม
ใจไม่ขุ่นดำ แต่สดใส ได้ด้วยศีล๕
 พัฒนาตน และพาคนทั้งหลายทำดี ตลอดเวลา
 กายนี้ มีไว้แสวงบุญญา และสร้างบารมี 
มนุษย์ มีน้อยนัก สักเท่า เขาวัว
 ไม่เมามัว ครองตัว มีศีล ๕
 คนเท่าขนวัว เมามัว กามา
 ใจต่ำช้า มีหน้า คล้ายมนุษย์ 
การเข้าวัด ปฏิบัติธรรม นั้นจำเป็น
 ศีล๕นำ ต้องเน้น จึงปฏิบัติธรรมได้
ตัดบ่วงกามคุณ ห่วงหา อาลัย
 เป็นคนอาชาไนย ชาญชัย กล้าหาญ  

 ;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

ยามหนุ่มสาว (พวกเจ้าเอาแต่เล่น):: กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ ไทยสุภาษิต ปราชญ์สะกิด คนที่ติด สนุกสนาน

ยามหนุ่มสาว
(พวกเจ้าเอาแต่เล่น)

กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ ไทยสุภาษิต
ปราชญ์สะกิด คนที่ติด สนุกสนาน
ยามหนุ่มสาว พวกเจ้า เอาแต่เล่น ไม่เป็นการ
ทำลายสังขาร เมามัน ทางโลก
หลวงพ่อครูไม่ใหญ่ ให้ อธิษฐานว่า
เมื่อเกิดมา ให้ระลึกชาติได้ แต่วัยยาว์
เห็นทุกข์ในอดีต ไม่ขาดสติ หลงลืมกรรมเก่า
ให้เรา..ได้สติ มีนิพพิทา เบื่อหน่ายโลก
สติสัมปชัญญะ เป็นดั่งว่า บิดามารดร
คอยอุปถัมภ์ค้ำจุน ดับร้อน ให้ผ่อนคลาย
เพียงจรดใจ ระลึกไว้ ภายในกาย
ออกจากกรรมวิบากได้ บุญไหลมา
สติสัมปชัญญะ มีได้ในกายมนุษย์
เลิศสุด กายมนุษย์ แสวงบุญ สร้างบารมีได้
เกิดเป็นมนุษย์ ยากสุดๆ ยิ่งกว่าเต่าตาบอดโผล่หายใจ
หัวสอดเข้าบ่วงน้อยได้ ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร

ทุกร้อยปี เต่าตัวนี้ โผล่ขึ้นมาทีหนึ่ง
พลวดพลาดทะลึ่ง หัวสอดเข้าบ่วงน้อยพอดี
เป็นอจินไตย เป็นไปไม่ได้ ก็ใช่ แต่ว่านี้
คือยากเหลือที่ ได้กายมนุษย์นี้มา
ศีลห้า ได้ชื่อว่าคุณธรรม สำหรับเกิดกายมนุษย์
โดยเฉพาะ ข้อที่ห้าสำคัญสุด ประดุจนิ้วโป้ง
การดื่มสุรายาเมา เผาสติสัมปชัญญะโดยตรง
  คนพาล คนโกง อัปมงคลอย่างยิ่ง

เกิดมาเป็นมนุษย์ สุดประเสริฐ ทำความดี
แต่มนุษย์ปล่อยทิ้งเสียนี่ โอกาสดี ปฐมวัย
หลงลาภยศสรรเสริญ 
เพลินอบาย
พอคิดได้ ก็หมดไป อีกชาติหนึ่ง
สติสัมปชัญญะช้า กว่า จะมาถึง
กิเลสรุก สัมปชัญญะ ตะลึง จึงละล้าละลัง
 ได้กัลยาณมิตร คอยสะกิด สติจึงตั้ง
เข้าวัดฟัง..ธรรม จึงจำเป็น
 
พระบรมโพธิสัตว์ จึงอุบัติ เกิด
เล่นเอาเถิด กับหมู่มาร ที่หาญผยอง
ทุ่มชีวี สร้างบารมี สุดคะนอง
เพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้งผอง มีสติครอง ป้องภัยวัฏฏะ


 ;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

รู้จักหน้าที่อันยิ่งของตน (คือคนอภิชาติ) สติสัมปชัญญะ มีอุปการะอย่างยิ่ง และก็เป็นความจริง ที่บุพพการี มีอุปการะมาก บิดามารดา มีอุปการะ เราประจักษ์ แต่ก็เพียงมีอุปการะมาก ยังไม่นักเท่าอุปการะยิ่ง

รู้จักหน้าที่อันยิ่งของตน
(คือคนอภิชาติ)

สติสัมปชัญญะ มีอุปการะมาก
และมีอุปการะนัก ประดุจบุพพการี
คืออุปการะก่อน เข้าอุ้มเข้าช้อน ด้วยชีวี
ทุกเวลานาที ไม่มีหน่าย
การได้เกิดเป็นมนุษย์ สำคัญสุดๆ
ผู้มีชีวิตอุทิศให้บุตร นั่นหรือ คือมารดาบิดา
เหตุการณ์ต่างๆ กรรมวิบากอยู่เบื้องหลัง อย่างว่า
การมีมารดาบิดาอุปการะ 
บุญบาปนำพา ให้เป็นไป

ชีวิตสรรพสัตว์ เซซังซัด ไปตามวิบากกรรม
บุญบารมีอุปถัมภ์ ค้ำจุนชีวิต
บาปกิเลส เป็นอาเพศ ทำลายล้างอย่างอำมหิต
ก่อเหตุวิปริต สรรพสัตว์ทุกข์หนัก น้ำตานอง

การเกิดเป็นมนุษย์ สุดยากยิ่ง
ต้องมีบุญบารมีมากจริงๆ จึงเกิดได้
เปรียบกับเขาโคสองเขา เมื่อเอามาเทียบกับ ขนโคมากมาย
ล้วนไปสู่อบาย ยากหลายจะได้กลับมา

ฝุ่นในเล็บมือน้อยนัก หากเปรียบกับ ฝุ่นในแผ่นดิน
สรรพสัตว์แทบทั้งสิ้น เท่าฝุ่นในแผ่นดิน ไปสู่อบาย
น้อยแสนน้อย เท่าฝุ่นในเล็บมือ 
เกิดเป็นมุษย์ได้
เกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น โชคดีหลาย ได้สร้างบารมี

ผู้มีบุญบารมีมาก รู้จักแยกแยะ และเตือนตน
พ่อแม่ไม่ต่องบ่น นี้คือคนอภิชาติ
เกิดมาเพื่อเลี้ยงดูมารดาบิดา และสงเคราะห์ญาติ
สงเคราะห์ สังคมประเทศชาติ มหาชน


การสร้างบารมี ต้องเต็มที่ หน้าที่มนุษย์
หลังตายรู้ดีสุด แต่เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ ลืมหมด
ด้วยว่า นิวรณ์ห้า ปิดบังปัญญา เหมือนเมฆบังบด
ขจัดนิวรณ์ห้าไม่ละลด  คือผู้มีสติสัมปชัญญะ

การรักษาสติไว้ในตน คือคนมีสติสัมปชัญญะ
นี้เป็นกิจกรณียะ อย่างยิ่งของทุกคน
สุขสมปราถนา จะมีมา อย่างเหลือล้น
 รู้จักหน้าที่อันยิ่งของตน คือคนอภิชาติ

;;;;;;;;;;