ผู้มีสติตื่น
(ไม่ขมขื่นโศกเศร้า)
;;;;;;;;;;
ผู้มีสติตื่น
(ไม่ขมขื่นโศกเศร้า)
;;;;;;;;;;
ยากหลาย
(ที่คนทั่วไปจะได้สติ)
เสื่อมเพราะประมาท ขาดสติ
เพียงใจเรานี้ ออกไป วุ่นวายภายนอก
บาปก็ได้โอกาศ เข้ารุมกัด ขอบอก
กลายเป็นวอก พระบอกเท่าใด ก็ไม่เชื่อ
ยากหลายที่ใจเรา จะอยู่ในกาย
จึงขาดไม่ได้ กัลยาณมิตร
พระผู้มีบารมี ทำให้เรามีศรัทธา สุดจิต
และคณะหมู่มิตร ประคับประคอง
การเข้าวัดปฏิบัติธรรม จึงจำเป็น
จะต้องเน้น..หนัก ถ้าอยากพ้นภัย
ถ้าไม่เข้าวัด มิอาจพ้นอันตราย
หมู่มารร้าย มากหลาย คล้ายฝูงสุนักป่า
เหมือนเราเป็นไม้น้อย ในป่าใหญ่
ช่วยกันต้านภัย จากพายุ
อยู่ได้สบาย ในเรือใหญ่ ทะเลดุ
แต่คนทุกผู้ ขออยู่ในทะเล
แม้ว่ายน้ำอยู่กลางทะเล ก็เท่นัก
ตัณหานำชัก ให้เห็น เป็นอย่างนั้น
ตอนใกล้ตาย จึงค่อยได้สติกัน
แก้อะไรไม่ทัน เป็นเหยื่อมารอบายภูมิ
;;;;;;;;;;
ผู้ประมาทขาดสติ
(โศกเศร้ามี ไม่สุดสิ้น)
;;;;;;;;;;
การศึกษา
(คือการพัฒนาสติสัมปชัญญะ)
;;;;;;;;;;
เมตตาตน
(เป็นคนมีสติ)
;;;;;;;;;;
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
(เสร็จกิจสมถะ)
บำเพ็ญทาน บริหารใจให้กว้าง
ปีติใจจัง สติสตัง ตั้งขึ้นในตน
สุขจากทาน สามารถต้าน ความจน
กลายเป็นคน..ใจดี หนีอบายมุขได้
ทาน เปรียบปาน ประตูสวรรค์
เป็นเครื่องหมาย สำคัญ สัมมาทิฏฐิ
มีมากน้อย ไม่เป็นปัญหา ถ้าศรัทธามี
ใจยิ่งปีติ ได้ทานบารมี ที่วิเศษ
เมื่อใจคุ้นกับทาน ใจนั้น จึงไม่ไปไหน
ยิ้มละมุน อุ่นละไม อยู่ในตน
รับผิดชอบ ประกอบกิจ ดีเลิศล้น
เป็นสาธุชน บุคคลตัวอย่าง
ความสะอาด มีระเบียบ เนียบมารยาท จึงมา
ก็คือศีลนั่นหละ ใจจะใส ไม่ร้อนรน
ศีล ทำใจให้สูง ไม่ยุ่ง ไม่สับสน
เปี่ยมล้น คุณธรรม คุณงามความดี
;;;;;;;;;;