แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สติ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สติ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567

ผู้มีสติตื่น (ไม่ขมขื่นโศกเศร้า) ผู้นึกถึง พระนิพพาน ใจเบิกบาน ไม่ง่วงเหงา ไม่ประมาทซึมเศร้า ไม่มัวเมา ไม่หลงทะนงตัว

 ผู้มีสติตื่น
(ไม่ขมขื่นโศกเศร้า)

ผู้นึกถึง พระนิพพาน
ใจเบิกบาน ไม่ง่วงเหงา
ไม่ประมาทซึมเศร้า
ไม่มัวเมา ไม่หลงทะนงตัว

ผู้ไม่คำนึงถึง สิ่งที่ยังไม่มา
และไม่อาลัยหา สิ่งที่ล่วงไปแล้ว
มีสติอยู่กับตัว ใสแจํว
สุขสันติ์แล้ว ปลอดภัยในผัสสะ
ไม่พึง เพลิดเพลินของเก่า
และไม่เขลา ไปพึงพอใจของใหม่
เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป
ก็ไม่พึงอาลัย เพราะมันใช่ตัณหา
สัตว์โลก มีมฤตยู ความตาย
 ถูกล้อมว้ ด้วยชรา
ถูกลูกศรเสียบ คือตัณหา
 ถูกไฟอิจฉา ไหม้แล้วทุกเมื่อ
หมู่สัตว์ มีมานะทิฏฐิ ถือตัว
จึงเมามัว ด้วยมีเครื่องร้อยรัด
แข่งดี เพราะถูกทิฏฐิมานะมัด
 จึงมิอาจ ล่วงสงสารไปได้
ผู้หลง ย่อมไม่รู้อรรถ
ผู้หลง นั้นชัด ไม่เห็นธรรม
คนใดเมื่อใด ความหลงครอบงำ 
ความมืดมิดดำ ย่อมมีเมื่อนั้น
ผู้ใด ไม่มีกังวลว่า
นี้ของเราของข้า นี้ของผู้อื่น
ผู้นั้นเมื่อไม่ถือ ปล่อยว่าง สติตื่น
ย่อมชื่นมื่น ไม่ขมขื่นโศกเศร้า

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ยากหลาย (ที่คนทั่วไปจะได้สติ) เมื่อเกิดความเสื่อม ทุกอย่าง จะพังทลาย เหมือนบ้านเรือนอยู่ไม่ได้ เมื่อดินทรุด บ้านตั้งอยู่ริมตลิ่ง สวยงามสุด เมื่อดินทรุด ความใสสด หมดกัน

 ยากหลาย
(ที่คนทั่วไปจะได้สติ)




เมื่อเกิดความเสื่อม ทุกอย่าง จะพังทลาย
เหมือนบ้านเรือนอยู่ไม่ได้ เมื่อดินทรุด
บ้านตั้งอยู่ริมตลิ่ง สวยงามสุด
เมื่อดินทรุด ความใสสด หมดกัน

เสื่อมเพราะประมาท ขาดสติ
เพียงใจเรานี้ ออกไป วุ่นวายภายนอก
บาปก็ได้โอกาศ เข้ารุมกัด ขอบอก
กลายเป็นวอก พระบอกเท่าใด ก็ไม่เชื่อ

ยากหลายที่ใจเรา จะอยู่ในกาย
จึงขาดไม่ได้ กัลยาณมิตร
พระผู้มีบารมี ทำให้เรามีศรัทธา สุดจิต
และคณะหมู่มิตร ประคับประคอง

การเข้าวัดปฏิบัติธรรม จึงจำเป็น
จะต้องเน้น..หนัก ถ้าอยากพ้นภัย
ถ้าไม่เข้าวัด มิอาจพ้นอันตราย
หมู่มารร้าย มากหลาย คล้ายฝูงสุนักป่า

เหมือนเราเป็นไม้น้อย ในป่าใหญ่
ช่วยกันต้านภัย จากพายุ
อยู่ได้สบาย ในเรือใหญ่ ทะเลดุ
แต่คนทุกผู้ ขออยู่ในทะเล

แม้ว่ายน้ำอยู่กลางทะเล ก็เท่นัก
ตัณหานำชัก ให้เห็น เป็นอย่างนั้น

ตอนใกล้ตาย จึงค่อยได้สติกัน
แก้อะไรไม่ทัน เป็นเหยื่อมารอบายภูมิ


กิเลสกรรมวิบาก คล้ายนัก ทะเลร้าย
เหมือนปลาทั้งหลาย ชอบว่ายอยู่ในน้ำ
ดำผุดดำว่าย วันยังค่ำ
ทะเลกิเลสกรรมฯ ทำ ส่ำสัตว์ขาดสติ

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ผู้ประมาทขาดสติ (โศกเศร้ามี ไม่สุดสิ้น) ผู้ประมาท ย่อมโศกเศร้า ไม่สุดสิ้น มีชีวิน วนเวียน ในวัฏฏสงสาร ไม่หมด ไม่สุด ไม่สิ้น กาลนาน ดักดาน อยู่ในกระแส กิเลสกรรมวิบาก

 ผู้ประมาทขาดสติ
(โศกเศร้ามี ไม่สุดสิ้น)


ผู้ประมาท ย่อมโศกเศร้า ไม่สุดสิ้น
มีชีวิน วนเวียน ในวัฏฏสงสาร
ไม่หมด ไม่สุด ไม่สิ้น กาลนาน
ดักดาน ในกระแส กิเลสกรรมวิบาก

ผู้ปัญญาทราม มีแต่ความประมาท
ไม่สดุ้งภัย ในสังสารวัฏฏ์ คุกประหาร
ดูเบาในความตาย ไม่รู้จักบุญกัน
สรรพสัตว์ นับอนันต์ เป็นเช่นนี้

อย่ามัวประมาท แม้ขณะ
อย่าเลยละ ทางแห่งความดี
จงมีสัมปชัญญะ รักษาสติ
รักษาใจไว้ที่ ในตัว

ไม่ควรประมาท ขาดสติ
 ไม่ควรที่ จะคบกับคนพาล
สติไม่ดี คือตัวเรานี้ ตัวกลั่น
ใจเราเองเป็นพาล อันตรายยิ่ง

ความรู้เกิดแก่คนพาล เป็นอันฉิบหาย
รู้ นอกศูนย์กลางกาย ขาดเมตตา
ระเบิดปรมาณู ใช้เข่นฆ่า
ใช้ขู่เข็น บีฑา เพื่อตัณหาของตน

ไร้ปัญญา อยู่ร้อยปี หามีประโยชน์ไม่
มีปัญญา อยู่วันเดียวได้ ประเสริฐกว่า
มีศรัทธา มีสติสัมปชัญญะ
ไม่หลงกาละ ในเวลาเปลี่ยนภพ

ผู้ประมาทเมื่อได้สติ มิมีสาย
เป็นคล้าย พระจันทร์ ผ่านพ้นหมู่เมฆ
ย่อมสว่างไสว ในนภา เป็นอุเอก
เกินหมู่ดาว ใหญ่เล็ก ทั้งหลาย

การลืมตัว มัวเมาในกิจ ที่ไม่ควรทำ
บาปกรรม..ย่อมได้ช่อง ไม่ต้องร้องหา
กิเลสอาสวะ ขยะใจ ไหลเข้ามา
ขัดขวางชีวา ไม่ให้เจริญ

แม้รู้ธรรมะมาก แต่หาก ไม่ปฏิบัติ
เหมือนชัด กับคนเลี้ยงโค คอยนับโค
ไม่ได้อานิสงส์ ได้แต่โม้
มีลาภยศใหญ่โต พ่อใบลานเปล่า

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตสั้นนัก (รีบตักรีบตวง) :: ไม่อยากดัง ก็ดัง ในหนังเรียกพระเอกนางเอก ไม่ได้ปลุกเศก แต่เป็นเอก ด้วยความกล้าหาญ

ชีวิตสั้นนัก
(รีบตักรีบตวง)



ไม่อยากดัง ก็ดัง ในหนังเรียกพระเอกนางเอก
ไม่ได้ปลุกเศก แต่เป็นเอก ด้วยความกล้าหาญ
คือเสียสละ ละทิ้งสุขส่วนตน ช่วยคน ช่วยเพื่อนบ้าน
ช่วยราชการ ช่วยงานพระศาสนา


วิริยะคุณธรรม เลิศล้ำ กล้าหาญเสียสละ
ด้วยมีปัญญา กระตุ้น จิตอาสายิ่งใหญ่
ไม่ท้อแท้ ไม่มีข้อแม้ ไม่เบื่อหน่าย  
 เบิกบานใจ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ สุขสำเร็จ


วิริยะ กล้าหาญ เดิมพัน ด้วยชีวิต
ไม่กลัวสักนิด เจ็บ จน และตาย
เดินทางพระ ละ ทางชั่วร้าย
อุทิศกายใจ รักษาความดีไว้ สุดชีวิต


 คนพาลปัญญาน้อย ไม่เรียกว่ากล้า แต่บ้าบิ่น
กล้า ผิดศีล ผิดธรรม
ทำลายความดี ไม่กลัววิบากกรรม
ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง ในอบาย


 ฝึกสติ เกิดปัญญา จึงจะกล้าหาญ
สุขไม่มีประมาณ พร้อมกัน กับเมตตา
กตัญญู บูชาคุณ และศรัทธา
สังคหะ คุณธรรม ประจำตน


คนกล้าหาญ ไม่วุ่นวาย ใจสงบ
มารยาทงามจบ สงบเสงี่ยม เจียมตน
เคารพ นบนอบ อดทน
อานุภาพล้น มหาชน ได้พึ่งพา


วิริยะ ทั้งกล้า และขยัน
ปรารภความเพียร ไม่ยั่น ไม่หยุด
ไม่ได้ ตายเหอะ อุตลุด
เวลามนุษย์ สั้นนัก รีบตักรีบตวง

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

การศึกษา (คือการพัฒนาสติสัมปชัญญะ) การศึกษา คือการพัฒนาตนเอง ให้เป็นคนเก่ง มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เพื่อมุ่งการฝึกฝนตน เกิดเป็นคน ไม่สูญ มีนิสัยใฝ่รู้ อย่างบริบูรณ์ ในความจริง ของสิ่งต่างๆ

การศึกษา
(คือการพัฒนาสติสัมปชัญญะ)

การศึกษา คือการพัฒนาตนเอง
ให้เป็นคนเก่ง มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
เพื่อมุ่งการฝึกฝนตน เกิดเป็นคน ไม่สูญ
มีนิสัยใฝ่รู้ อย่างบริบูรณ์ ในความจริง ของสิ่งต่างๆ

แล้วนำความรู้ทั่ว ทุกสิ่งอัน นั้นมาใช้
ขัดเกลา กายวาจาใจ ให้เว้นชั่วทุกชนิด
รักทำแต่ความดี สุดชีวิต
และรักสุดจิต การกลั่นใจให้ผ่องใส เพื่อไปสุดธรรม

สติ เป็นธรรมกำกับใจ ไม่ให้เที่ยวไปนอกตัว
ให้คิดแต่ดีดี ไม่มีชั่ว ไม่เมามัวลืมตน
เป็นเหมือนหางเสือเรือ คัดท้ายเรือ ไม่ให้ชน
ฝ่าคลื่นลมฝน จนไปถึงที่หมาย

สัมปชัญญะ เป็นธรรมะ ให้ช่างสังเกต
เห็นเหตุ รู้ความจริง ในสิ่งที่กำลังทำ
ทั้งด้านร้ายและดี แล้วเว้นสิ่งร้าย จดจำ
เลือกทำ แต่สิ่งที่ดีงาม ตามความเหมาะสม

ผู้คนทั้งหลาย ไม่ว่าใคร อยากเป็นคนดี
แต่มีเพียงไม่กี่คน ที่ เป็นคนดีได้
เพราะการเป็นคนดี อยู่ที่ความตั้งใจ
อดทนได้ จนกลายเป็นนิสัยติดตัว

ท่านผู้รู้จำกัดความ คำว่ากรรมดี
คือกรรมที่ เมื่อทำแล้วให้ผล ไม่เดือดร้อน
มีความอิ่มเอมใจ ในภายหลัง อย่างแน่นอน
ไม่นำความเดือดร้อน..มาให้ ในภายหลัง

แสดงว่าความดี นี้เป็นผล ของกรรมดี
ความชั่ว ชี้ นี้เป็นผล ของกรรมชั่ว
ความดีหรือไม่ดี เป็นกรรมของตัว
ความดีความชั่ว ตัวเราทำเอง

การทำความดี มีอาการดังนี้
หนึ่ง นั้นมี ความตั้งใจ
สอง มีความพยายาม กระทั่งทำสำเร็จจนได้
สาม มีใจผ่องใส..เบิกบาน ไม่จำกัดกาลเวลา

และสี่ ไม่ก่อความเดือดร้อนใดๆ ให้กับตนและคนอื่นอย่าเด็ดขาด
แต่ก็อาจ ต้องเหนื่อยกับอุปสรรค เป็นธรรมดา
ต้องอดทน อดกลั้น แล้วก็จะชนะ
มันเป็นธรรมดา ไม่ถือว่า..เป็นความเดือดร้อน

ชาวไร่ชาวนา ปวดหัว ตัวร้อน เป็นธรรมดา
ไม่ถือว่า เดือดร้อน
หรือแม้กระทั่ง ในการบริจาคทาน ย่อมแน่นอน
ไม่ถือว่ามีความเดือดร้อน แม้มีอุปสรรค

;;;;;;;;;;

 

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

เมตตาตน (เป็นคนมีสติ) จงเมตตาตน อย่าปล่อยให้ตนใจตก ไม่ตลก เราจะใจตก..ไม่ได้ นรกจะถามหา อกุศลนาๆ จะมากันใหญ่ ชีวิตอยู่ในช่วงอันตราย รู้ไว้ด้วย

 เมตตาตน
(เป็นคนมีสติ)

จงเมตตาตน อย่าปล่อยให้ตนใจตก
ไม่ตลก เราจะใจตก..ไม่ได้
นรกจะถามหา อกุศลนาๆ จะมากันใหญ่
ชีวิตอยู่ในช่วงอันตราย รู้ไว้ด้วย

จงรักตน ดูแลตน ให้ดี
คำว่าตนนี้ ก็คือใจ สำคัญหลาย
ขาดสติสัมปชัญญะ นั่นหละ ใจตกง่ายๆ
ดังนั้น จงตั้งสติให้ได้ เอาใจไว้ในตัว

หลับตาลงเบาๆ เฝ้าดูใจตน
  แม้สับสน ทนดูไปเรื่อยๆ สบายๆ
ลมหายใจจะนิ่งนาน ใจบาน เอิบอิ่มใจ
เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ รู้ได้ ว่าใช่เลย

ความท้อแท้ท้อถอย ลอยหนีหายสิ้น
ใจถวิลแต่ดี มีกำลังใจ
มีความสุข มีเมตตา มาพร้อมกันได้
เกิดปัญญาแก้ไข ปัญหาอุปสรรค

คนทั้งหลายไม่รู้ วิ่งไปสู่อบายมุข
ใช้ความสนุก ที่ถูกใจ หวังคลายเครียด
ขาดปัญญา ไม่รู้ว่า เป็นเสนียด
ความเครียด เหมือนมอดไหม้ แต่ไม่ทันไร ใหญ่กว่าเดิม

นั่นหละ กิเลสตัณหา พาเพลิน
ยากเหลือเกิน จะรู้สึกรู้สา ด้วยปัญญาหยาบ
เมื่อได้พบกัลยาณมิตร จึงจะมีสิทธิ์ กลับ
เหมือนตื่นจากหลับ นอนฝันร้าย

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565

หยุดเป็นตัวสำเร็จ (เสร็จกิจสมถะ) สติ สบาย สม่ำเสมอ และสังเกต หยุดเป็นตัวสำเร็จ เสร็จกิจ สมถะ ใจจะหยุดได้ เริ่มต้นที่มีสติ นั่นหละ สติจะดีได้นั่นหนา จะต้องบำเพ็ญทาน

หยุดเป็นตัวสำเร็จ
(เสร็จกิจสมถะ)

สติ สบาย สม่ำเสมอ และสังเกต
หยุดเป็นตัวสำเร็จ เสร็จกิจ สมถะ
ใจจะหยุดได้ เริ่มต้นที่มีสติ นั่นหละ
สติจะดีได้นั่นหนา จะต้องบำเพ็ญทาน

บำเพ็ญทาน บริหารใจให้กว้าง
ปีติใจจัง สติสตัง ตั้งขึ้นในตน
สุขจากทาน สามารถต้าน ความจน
กลายเป็นคน..ใจดี หนีอบายมุขได้

ทาน เปรียบปาน ประตูสวรรค์
เป็นเครื่องหมาย สำคัญ สัมมาทิฏฐิ
มีมากน้อย ไม่เป็นปัญหา ถ้าศรัทธามี
ใจยิ่งปีติ ได้ทานบารมี ที่วิเศษ

เมื่อใจคุ้นกับทาน ใจนั้น จึงไม่ไปไหน
ยิ้มละมุน อุ่นละไม อยู่ในตน
รับผิดชอบ ประกอบกิจ ดีเลิศล้น
เป็นสาธุชน บุคคลตัวอย่าง


สติต้องคู่กับสบาย ใจจึงไม่ร้อนรน
ไม่เป็นคน..ขี้โกรธ โทษคนอื่น
 ใจใส ใส่ใจ มารยาท เป็นพื้น
ใจราบรื่น ไม่เป็นคลื่นทะเล

ความสะอาด มีระเบียบ เนียบมารยาท จึงมา
ก็คือศีลนั่นหละ ใจจะใส ไม่ร้อนรน
ศีล ทำใจให้สูง ไม่ยุ่ง ไม่สับสน
เปี่ยมล้น คุณธรรม คุณงามความดี

 ต่อไป ก็ให้ สม่ำเสมอ เป็นกิจวัตร
ค่อยๆฝึกหัด ธรรมปฏิบัติ เจริญภาวนา
ต้องใส่ใจ ฝึกไป ไม่มีทางอื่นเลยหนา
นี่หละ..ชีวิตา เราลิขิต ชีวิตเราเอง
ความสม่ำเสมอดีหลาย แต่ต้องใส่ใจ สังเกต
เห็นเหตุ เห็นผล ต้นสาย
อย่าหลับหูหลับตา ให้หมั่นสังเกตสังกา ต้นปลาย
ถ้าดีแล้ว ก็จดจำไว้ จะได้ทำอย่างเดิม

;;;;;;;;;;