แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมำ่เสมอ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สมำ่เสมอ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565

หยุดเป็นตัวสำเร็จ (เสร็จกิจสมถะ) สติ สบาย สม่ำเสมอ และสังเกต หยุดเป็นตัวสำเร็จ เสร็จกิจ สมถะ ใจจะหยุดได้ เริ่มต้นที่มีสติ นั่นหละ สติจะดีได้นั่นหนา จะต้องบำเพ็ญทาน

หยุดเป็นตัวสำเร็จ
(เสร็จกิจสมถะ)

สติ สบาย สม่ำเสมอ และสังเกต
หยุดเป็นตัวสำเร็จ เสร็จกิจ สมถะ
ใจจะหยุดได้ เริ่มต้นที่มีสติ นั่นหละ
สติจะดีได้นั่นหนา จะต้องบำเพ็ญทาน

บำเพ็ญทาน บริหารใจให้กว้าง
ปีติใจจัง สติสตัง ตั้งขึ้นในตน
สุขจากทาน สามารถต้าน ความจน
กลายเป็นคน..ใจดี หนีอบายมุขได้

ทาน เปรียบปาน ประตูสวรรค์
เป็นเครื่องหมาย สำคัญ สัมมาทิฏฐิ
มีมากน้อย ไม่เป็นปัญหา ถ้าศรัทธามี
ใจยิ่งปีติ ได้ทานบารมี ที่วิเศษ

เมื่อใจคุ้นกับทาน ใจนั้น จึงไม่ไปไหน
ยิ้มละมุน อุ่นละไม อยู่ในตน
รับผิดชอบ ประกอบกิจ ดีเลิศล้น
เป็นสาธุชน บุคคลตัวอย่าง


สติต้องคู่กับสบาย ใจจึงไม่ร้อนรน
ไม่เป็นคน..ขี้โกรธ โทษคนอื่น
 ใจใส ใส่ใจ มารยาท เป็นพื้น
ใจราบรื่น ไม่เป็นคลื่นทะเล

ความสะอาด มีระเบียบ เนียบมารยาท จึงมา
ก็คือศีลนั่นหละ ใจจะใส ไม่ร้อนรน
ศีล ทำใจให้สูง ไม่ยุ่ง ไม่สับสน
เปี่ยมล้น คุณธรรม คุณงามความดี

 ต่อไป ก็ให้ สม่ำเสมอ เป็นกิจวัตร
ค่อยๆฝึกหัด ธรรมปฏิบัติ เจริญภาวนา
ต้องใส่ใจ ฝึกไป ไม่มีทางอื่นเลยหนา
นี่หละ..ชีวิตา เราลิขิต ชีวิตเราเอง
ความสม่ำเสมอดีหลาย แต่ต้องใส่ใจ สังเกต
เห็นเหตุ เห็นผล ต้นสาย
อย่าหลับหูหลับตา ให้หมั่นสังเกตสังกา ต้นปลาย
ถ้าดีแล้ว ก็จดจำไว้ จะได้ทำอย่างเดิม

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สุขสมปราถนา (แสวงหาสติสบายสม่ำเสมอสังเกต):: สติมาคู่กับสบาย สติขาดไม่ได้ ยิ่งกว่าตายนัก ดังนั้นจงพิทักษ์ รักษาสติ ยิ่งกว่าชีวีตน

สุขสมปราถนา
(แสวงหาสติสบายสม่ำเสมอสังเกต)
สติมาคู่กับสบาย
สติขาดไม่ได้ ยิ่งกว่าตายนัก
ดังนั้นจงพิทักษ์
รักษาสติ ยิ่งกว่าชีวีตน
สติดี เหมือนผู้ที่ รักครอบครัว
ไม่มัวเมาลุ่มหลงภายนอก
ไม่เป็นคนนอกคอก
ลวงหลอกผู้คน
ด้วยใจ ทนไม่ได้ อยู่นิ่งๆ
ต้องวิ่ง หาสิ่งพอใจตน
หนีความเบื่อหน่ายซึมเซ็งให้พ้น
จึงดิ้นรนออกไป
เป็นอาการสติขาด
ความฉลาด หดหาย
มีความกระวนกระวาย
ติดใจในรส กามคุณ
ดังนั้นการมีสติดี
จึงมีคุณสุดประมาณ
รักษาใจ มิให้พลุ่งพล่าน
ไม่ร้อนร่าน ให้อยู่นิ่งๆในตัว
การมีสติ คือตรึกและแตะ
ตรึกนั่นแหละ คือนึกเบาๆ
แตะพอเลาๆ
พอใจเอา เป็นใช้ได้
ตรึกแตะที่อารมณ์
ที่เข้ามาข่ม มาขู่ใจ
จะมืดหรือสว่างอย่างไร
ให้ ตรึกและแตะ
เช่นอารมณ์โกรธเกลียดน้อยใจ
หรืออารมณ์ใคร่ โลภหลง
เอาความรู้สึก ตรึกแตะลง
ใจของเราจะโปร่ง โล่งเบา
ใจจะนิ่งแน่น ปีติ
อันเป็นสัญญาณที่ ถูกต้อง
ต่อไป เพียงประคับประคอง
ให้ใจไม่เป็นสอง แต่เป็นหนึ่ง
ใจจะพัฒนาไปเรื่อย ถ้าสติดี
แต่ยากเหลือที่ จะดีตลอด
ด้วยสติ ยังไม่ดีปลอด
มีความอยากสอด เข้ามาวุ่น
ความสบาย หดหายด้วยอยาก
ใจเริ่มกระอักกระอ่วน
ตึงเครียด ไม่ม่วน
ใจเรรวน ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
สมาธิต้องกลับ มานับหนึ่งใหม่
เข้าออกเข้าออก นับครั้งไม่ได้
สม่ำเสมอเข้าไว้
อย่าทิ้งไปก็แล้วกัน
ความสม่ำเสมอ นี้สำคัญ
มิฉนั้น มันจะยืดยาวออกไป
เหมือนกับสีไฟ
ไฟจะลุกไหม้ได้ ต้องไม่ขาดตอน
สุดสำคัญอีกอันที่ขาดไม่ได้
มิฉนั้น มันไปไม่รอด
นั่นคือรู้จักสังเกต หาเหตุไปตลอด
เหตุให้อารมณ์ปลอด สงบสบาย
อย่าดันทุรัง ซังกะตาย
อย่าเสียดาย ให้เริ่มต้นใหม่
หาอารมณ์สบาย ไม่มีสาย
เอาสบายเป็นหลัก ประสพการณ์เป็นรอง
มีอารมณ์สบายง่ายๆ
ถ้าใจเรา รัก เคารพ บูชา
ดังนั้นไม่อาจทิ้งทานศีลภาวนา
และใช้ชีวา สามน้อยหนึ่งมาก

;;;;;;;;;;