วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

รู้จักหน้าที่อันยิ่งของตน (คือคนอภิชาติ) สติสัมปชัญญะ มีอุปการะอย่างยิ่ง และก็เป็นความจริง ที่บุพพการี มีอุปการะมาก บิดามารดา มีอุปการะ เราประจักษ์ แต่ก็เพียงมีอุปการะมาก ยังไม่นักเท่าอุปการะยิ่ง

รู้จักหน้าที่อันยิ่งของตน
(คือคนอภิชาติ)

สติสัมปชัญญะ มีอุปการะมาก
และมีอุปการะนัก ประดุจบุพพการี
คืออุปการะก่อน เข้าอุ้มเข้าช้อน ด้วยชีวี
ทุกเวลานาที ไม่มีหน่าย
การได้เกิดเป็นมนุษย์ สำคัญสุดๆ
ผู้มีชีวิตอุทิศให้บุตร นั่นหรือ คือมารดาบิดา
เหตุการณ์ต่างๆ กรรมวิบากอยู่เบื้องหลัง อย่างว่า
การมีมารดาบิดาอุปการะ 
บุญบาปนำพา ให้เป็นไป

ชีวิตสรรพสัตว์ เซซังซัด ไปตามวิบากกรรม
บุญบารมีอุปถัมภ์ ค้ำจุนชีวิต
บาปกิเลส เป็นอาเพศ ทำลายล้างอย่างอำมหิต
ก่อเหตุวิปริต สรรพสัตว์ทุกข์หนัก น้ำตานอง

การเกิดเป็นมนุษย์ สุดยากยิ่ง
ต้องมีบุญบารมีมากจริงๆ จึงเกิดได้
เปรียบกับเขาโคสองเขา เมื่อเอามาเทียบกับ ขนโคมากมาย
ล้วนไปสู่อบาย ยากหลายจะได้กลับมา

ฝุ่นในเล็บมือน้อยนัก หากเปรียบกับ ฝุ่นในแผ่นดิน
สรรพสัตว์แทบทั้งสิ้น เท่าฝุ่นในแผ่นดิน ไปสู่อบาย
น้อยแสนน้อย เท่าฝุ่นในเล็บมือ 
เกิดเป็นมุษย์ได้
เกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น โชคดีหลาย ได้สร้างบารมี

ผู้มีบุญบารมีมาก รู้จักแยกแยะ และเตือนตน
พ่อแม่ไม่ต่องบ่น นี้คือคนอภิชาติ
เกิดมาเพื่อเลี้ยงดูมารดาบิดา และสงเคราะห์ญาติ
สงเคราะห์ สังคมประเทศชาติ มหาชน


การสร้างบารมี ต้องเต็มที่ หน้าที่มนุษย์
หลังตายรู้ดีสุด แต่เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ ลืมหมด
ด้วยว่า นิวรณ์ห้า ปิดบังปัญญา เหมือนเมฆบังบด
ขจัดนิวรณ์ห้าไม่ละลด  คือผู้มีสติสัมปชัญญะ

การรักษาสติไว้ในตน คือคนมีสติสัมปชัญญะ
นี้เป็นกิจกรณียะ อย่างยิ่งของทุกคน
สุขสมปราถนา จะมีมา อย่างเหลือล้น
 รู้จักหน้าที่อันยิ่งของตน คือคนอภิชาติ

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น