วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563

สติสัมปชัญญะ (รักษาใจไว้ในตัว) สติสัมปชัญญะ นี้หนา มีอุปการะมาก ทำให้ปราศจาก ทุกข์โศก ในโลกทั้งผอง ทุกข์หนักหนา ที่ผ่านมา น้ำตานอง เมื่อได้สติสัมปชัญญะ ใจนี้ฟูฟ่อง หัวเราะก้องทั้งน้ำตา

สติสัมปชัญญะ
(รักษาใจไว้ในตัว)

สติสัมปชัญญะ นี้หนา  มีอุปการะมาก
ทำให้ปราศจาก ทุกข์โศก ในโลกทั้งผอง
ทุกข์หนักหนา ที่ผ่านมา น้ำตานอง
เมื่อได้สติสัมปชัญญะ ใจนี้ฟูฟ่อง หัวเราะก้องทั้งน้ำตา

ได้สติสัมปชัญญะ ใจอุเบกขา คือใจหยุดนิ่ง
 วางทุกสิ่ง ได้ก็สักแต่ได้ เป็นก็สักแต่เป็น มีก็สักแต่มี
รับผิดชอบ ประกอบกิจ อย่างเต็มที่
มีกิจวัตรดี สวดมนต์นั่งสมาธิ บุญทับทวี ทุกวี่วัน

มีชีวิตอยู่ในโลก แต่อยู่เหนือโลกโลกีย์
เป็นชีวิตที่ สันโดษ สมถะ
อยู่อย่างพอเพียง เพียงเลี้ยงชีวิต เท่านั้นหละ
เพื่อว่า ทำงานสำคัญ คือการสร้างบารมี

สติสัมปชัญญะ ระลึกได้ว่า เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง
บุญแสวง และสร้างบารมี
ไม่เหมือนไก่กา เกิดมาหากิน นอนถ่ายสืบพันธุ์ เท่านี้
เราเป็นมนุษย์สุดดี มีสติฯ เตือนตนได้

สติสัมปชัญญะ ระลึกได้ว่า เวลาเป็นของน้อย
ไม่นั่งคอยนอนคอย บุญวาสนา
วัฏฏสงสารทุกข์หลาย จะต้องไปในไม่ช้า
เวลานานนักหนา กว่าจะกลับมาใหม่

สติสัมปชัญญะ ระลึกได้ว่า มนุษย์เท่านั้น หาบุญได้
หลังตาย รับวิบาก ไม่อาจจักแก้ไขได้อีกแล้ว
น้อยยิ่งกว่าน้อย ไปสวรรค์ ส่วนมากนั้น ไปอบาย เป็นแถว
คนตื่นบุญเท่านั้นแล้ว ไปสวรรค์ได้

สติสัมปชัญญะ คือการรักษาใจ ไว้ในตัว
หลุดจากกระแสโลก ไม่เมามัว ในโลกธรรม
ใช้ชีวิตสันโดษสมถะ นำประชาพ้นเวรกรรม
พาเข้าวัดฟังธรรม ทำหน้าที่ กัลยาณมิตร

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น