วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

ผู้มีวาจางาม (ไร้ความเดือดร้อน) พึงเปล่งวาจางาม เท่านั้น วาจาชั่ว ให้อดกลั้น อย่าเปล่งเลย วาจางาม ยังประโยชน์ พาสะเบย ไม่ควรเปล่งวาจาชั่วเลย เดือดร้อน

 ผู้มีวาจางาม
(ไร้ความเดือดร้อน)

 
พึงเปล่งวาจางาม เท่านั้น
วาจาชั่ว ให้อดกลั้น อย่าเปล่งเลย
 วาจางาม ยังประโยชน์ พาสะเบย
ไม่ควรเปล่งวาจาชั่วเลย เดือดร้อน
บุคคล พึงกล่าวแต่วาจา
ที่ไม่นำพา ตน ให้เดือดร้อน
และไม่ควรมีวาจา เสี้ยมสอน
จะเดือดร้อน ด้วยวาจา ทุภาษิต
ไม่ควรพูด จนเกินกาล
 ไม่ควรนิ่งนาน เกินไป
เมื่อถึงเวลา ก็ควรพูดได้
 พูดอย่างมีสติใส ไม่ฟั่นเฝือ
ควรกล่าววาจา ที่น่ารัก
ยังผู้ฟัง ชื่นใจนัก เท่านั้น
เพราะคนดีไม่ใส่ใจ คำพาล
 คำไพเราะเท่านั้น ที่คนฟัง
บางคน ที่เกิดมา
เหมือนว่า มีมีดไม้ อยู่ในปาก
 คนกล่าวคำไม่ดี โง่ยิ่งนัก
เหมือนว่า มีมีดไม้ในปาก ถากตัวเอง
บุคคลทำสิ่งใด ควรพูดสิ่งนั้น
 ไม่ควรกระสัน พูดวิจารณ์ งานคนอื่น
ไม่ทำ ได้แต่พูด มีปากยื่น
คำพูดไหลรื่น หลั่งไหล ใจพาล
คนใด ถูกอ้างเป็นพยาน
 ให้การเท็จ เพราะตนก็ดี
เพราะผู้อื่นก็ดี เพราะทรัพย์ก็ดี
 พึงรู้ว่าคนอย่างนี้ เป็นคนเลว

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น