ทำลายตน
คนพาลทำร้ายคน
เท่ากับทำลายตน นั่นเอง
บุญยังเก่ง
อุ้มกระเตง หอบไว้
บุญใหม่ไม่ทำ
กลับก่อกรรมใหม่
บุญหมดเมื่อใด ล้มทั้งยืน
มีดื่น ในนรก
คนทำบาป
เหมือนกับ ไก่หลงเหยื่อ
คนพาลไม่เชื่อ
รู้ว่าเป็นเหยื่อ ก็ยังอยาก
ติดบ่วง ยังยิ้มได้
ไม่ยอมจาก
เหมือนคนจมปลัก กามคุณ
จนคุ้นเคย
คนพาล ไม่กลัวบาป
จึงหยาบช้า
คิดว่า ตายแล้วสูญ
บุญคุณ ไม่มี
บาปนั้นทำง่าย
ลื่นไหลไป คิดว่าสุขี
สนุกเต็มที่ เหมือนแมงเม่า
บินเข้าไฟ
ทำบาป
แล้วได้ลาภ มีให้เห็น
จึงก่อกรรมทำเข็ญ
กลายเป็น มิจฉาทิฏฐิ
แม้ตกนรก
ลง อเวจี
ความคิดอย่างนี้
ก็ยังมี ไม่เปลี่ยนแปลง
บัณฑิตผู้ฉลาด
เมื่อขาดสุข จะอดทน
ไม่ปริปากบ่น
ว่าเป็นผล ของบาป
ความอดทน
เป็นไฟลน กิเลสดับ
เพื่อแลกกับ
อนาคต ที่สดใส
อดเปลี้ยวไว้กินหวาน
คำโบราณ ท่านสอน
ยับยั้งก่อน
อย่าร้อนรน ให้ทนเอา
เอาบุญเป็นที่ตั้ง
ไม่ทำชั่ว มัวเมา
แล้วสูเจ้า จะได้หวาน
ทุกประการ สมปราถนา
ระเบิดพลีชีพ รักพวกพ้อง
ปิดป้อง หมู่คณะ
ดูเป็นการเสียสละ ที่สูงส่ง
มีเจตจำนง ที่ดีงาม
แต่เป็นการหลงผิด
มิจฉาฯมีมารา ครอบงำ
ไม่ใช่ความดีงาม
แต่ได้ก่อกรรม อย่างใหญ่หลวง
ไม่ว่ากรณีไหนๆ
ทำลายใคร ไม่ได้
แม้งูพิษจะร้าย
ก็ไม่อาจตาย ด้วยมือเรา
กรรมพรากชีวิต
มากสุดขีด ยากบรรเทา
ติดตามเรา ถึงที่สุด
และทับทวีอุตลุดด้วย
;;;;;;;;;;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น