วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ปัญญาเลิศล้ำ (แต่ต้องนำด้วยขันติ) :: ปัญญายอดเยี่ยม เสงี่ยมงาม แต่อย่างไรก็ตาม ขันตินำหน้า ในโอวาทปาฏิโมกข์ พระพุทธองค์ ทรงยกขึ้นมา ขันตีปะระมังตะโปตีติกขา นำหน้าในโอวาส

ปัญญาเลิศล้ำ
(แต่ต้องนำด้วยขันติ)

ปัญญายอดเยี่ยม เสงี่ยมงาม
แต่อย่างไรก็ตาม ขันตินำหน้า
ในโอวาทปาฏิโมกข์ พระพุทธองค์ ทรงยกขึ้นมา
ขันตีปะระมังตะโปตีติกขา นำหน้าในโอวาท
พระพุทธองค์ ทรงยกย่องปัญญา เลิศค่าคุณธรรม
แต่ก็ยังใช้ขันตินำหน้า ในโอวาทปาฏิโมกข์
น่าแปลกใจ เป็นเหตุใด น่าตลก
และโอวาทปาติโมกข์ เป็นหัวใจคำสอน
เปรียบดังพญาไม้ ในป่าใหญ่
มีกิ่งก้านใบ สำคัญหลายคือเปลือกหนา
ห่อหุ้มแก่นไม้ อันมีค่า
เปลือกหนานั้น เปรียบปานว่า คือขันติ
แก่นไม้ เปรียบได้เป็นปัญญา แม้มีค่ามาก 
แต่หาก ยังต้องหุ้มด้วยเปลือก
แม้เปลือกมีค่าน้อย ใครไม่เลือก
ลอกเอาเปลือกออก สนใจ ใช้แต่เพียงแก่น
หรือยางรถยนต์ วิ่งบดถนนได้ดี
จะต้องมี ที่จำเป็น คือยางนอก
ส่วนยางใน แม้สำคัญหลาย อยู่ภายในเท่านั้นดอก
ยางนอก เปรียบดังขันติ ยางในนี้คือปัญญา
และที่สุด คือกายมนุษย์ เปรียบเหมือนขันติ
ทนทานเหลือที่ ต้องมีกายนี้ สู้มาร
 ธรรมกายแทนปัญญา ซ้อนกับกายามนุษย์ สุดอัศจรรย์
บ่มิยั่น สู้มาร สุดธรรม

ปัญญาเป็นยอด ด้วยสามารถถอด อวิชชา
 ต้นที่มา ของกิเลสะ ทั้งหลาย
 บำเพ็ญภาวนา ปัญญา เกิดได้
บัณฑิตทั้งหลาย จึงใส่ใจ ในภาวนา
 
ขันติเป็นที่สอง รองจาก ปัญญา
ขันติเป็นเหมือนม้า พาปัญญาเหิน
 นำหน้าด้วยขันติ สร้างบารมีเพลิน
หมู่มารเมิน หลีกลี้ หนีไป
ปัญญา เป็นเช่นว่า มีดโกนกรีด 
โค่นไม้ใหญ่น้อย ใช้มีดพร้า
ขันติ มีดพร้าใบหนา ฟันดะ 
 ขันติบวกกับปัญญา เป็นมีดดาบหนา คม
ปัญญามี สัมมาทิฏฐิ จึงมา
 พาชีวา มา ถูกทาง
มรรคมีองค์๘ ทาง สายกลาง
ทางสว่าง ผ่านศูนย์กลาง กาย
 สติกับปัญญา มาคู่กัน
เจริญสตินั้น เรียกกัน ภาวนา
มหาสติ  ไฟฉายดี ส่องหล้า
ทะลุทางมืด กิเลสหนา ได้
ขันติ คอยปิดปกป้อง ผองภัย ให้จิต
ปัญญามากฤทธิ์ ฟันฟาด ตัดขาด
กิเลสไม่รอหน้า ปัญญา แสนองอาจ
ขันติค้ำยันยืนหยัด ให้ปัญญาขจัด ศัตรู

;;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น