วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564

อดเปลี้ยว ไว้กินหวาน (คำโบราณ ท่านว่า) ชีวิตต้องดิ้นรน กระเสือกกระสน ไปหาสิ่งที่พอใจ จะดีหรือร้าย คนส่วนใหญ่ ไม่ใคร่คำนึง เป็นปุถุชน คนกิเลสหนา ขาดปัญญา ขาดที่พึ่ง นึกไม่ถึง ที่พึ่ง คือพระรัตนตรัยในตัว

อดเปลี้ยว ไว้กินหวาน
(คำโบราณ ท่านว่า)

ชีวิตต้องดิ้นรน กระเสือกกระสน ไปหาสิ่งที่พอใจ
จะดีหรือร้าย คนส่วนใหญ่ ไม่ใคร่คำนึง
เป็นปุถุชน คนกิเลสหนา ขาดปัญญา ขาดที่พึ่ง
นึกไม่ถึง ที่พึ่ง คือพระรัตนตรัยในตัว


คนเกือบทั้งหมด ใจจรดอยู่ที่โลกธรรม
หน้าตาหมองคล้ำ วิบากกรรม นำชัก
กรรมเก่ายังไม่ใช้ กรรมใหม่ ยังจัก
เป็นคนจมปลัก หนักแผ่นดิน

วนเวียนไป ในวัฏฏสงสาร
อยู่ในอบายทั้งนั้น ยากหลาย จะได้ไปสวรรค์
ตกนรกหมกไหม้ นับกัป นับกัลป์
ไม่มีเวลาคิด ไม่มีเวลาฝัน คืนวันมีแต่ทุกข์

โลกธรรม เป็นเหมือนเหยื่อล่อ ตะขอเบ็ด
หมู่ปลาไม่เคยเข็ด ไม่กลัวเบ็ด ประมาทแท้
 มนุษย์ปุถุชน คนกิเลสหนา ทะนงตัวว่าข้านี่แน่
พระโพธิสัตว์สงสารแท้ ล้วนแต่ญาติของเรา

คนสัตว์สิ่งของภายนอก ล้วนหลอกตา
เป็นเหมือนว่า โรงละครโรงใหญ่
ทุกคนมีบทบาท แสดงได้เด็ดขาด ถึงใจ
แสดงอยู่ได้ ไล่อย่างไร ก็ไม่เลิก

สิ่งที่น่าพอใจแท้ มีแต่ในตัว
ไม่ใช่มั่ว ภายในตัว คือทางสายกลาง
มีศูนย์กลางกาย เป็นเครื่องหมาย สมหวัง
สติตั้ง ปล่อยวางทุกสิ่ง นิ่งอยู่ไนตัว

ต้องเลิกอยาก จึงจัก เข้าสู่เส้นทางเส้นนี้
เส้นทางสุขี มีสุขสมปราถนา
ยิ่งไปยิ่งสุข ยิ่งสว่าง เจิดจ้า
เป็นแสงแห่งปัญญา เกิดเมตตาปราถนาดี

ทางสายนี้ต้องอดทน เปี่ยมล้นเสียสละ
เป็นทางพระ ทางอริยะ ทางสมบัติสาม
เป็นทางหลุดพ้น คนเทวดา ผู้เลิศล้ำ
พ้นวิบากกรรม วิบากมาร อันตราย

ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ นี่หละใช่ กุญแจไขชีวิต
ไม่อาจทุจริต ผิดศีลธรรม สร้ามกรรมเพลิน
จงอดเปลี้ยวไว้กินหวาน ไม่นานเกิน
ความสุขความเจริญ มาถึง จะตลึงเหลือเชื่อทีเดียว

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น