วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2564

โลกคือโรงละคร (สะท้อนกรรมวิบาก) คนธรรมดา เห็นโลกา สวยงามตระการ แต่ว่าผู้รู้เท่าทัน เห็นมัน ปานโรงละคร แต่ละคน สวมบทบาท เด็ดขาด ยอกย้อน เล่นละคร สมบทบาท เด็ดขาดจริงๆ

 โลกคือโรงละคร
(สะท้อนกรรมวิบาก)
คนธรรมดา เห็นโลกา สวยงามตระการ 
แต่ว่าผู้รู้เท่าทัน เห็นมัน ปานโรงละคร
แต่ละคน สวมบทบาท เด็ดขาด ยอกย้อน
เล่นละคร สมบทบาท เด็ดขาดจริงๆ
กิเลสกรรมวิบาก คือผู้กำกับ บังคับให้เป็นไป
คนทั้งหลาย เหมือนน้ำไหล ตามกัน
ไหลไปไหน ไปลงทะเล นรกโลกันต์
พระพุทธองค์ ทรงรู้ทัน จึงตั้งใจมั่น นำพาสรรพสัตว์
 มนุษย์ทั้งหลาย เป็นเช่น เล่นละคร

 เดี๋ยวก็จบ แล้วต้องจร จากไป
 ทุกคน ล้วนไปสู่ ภพภูมิใหม่
อยู่นานไม่ได้ ด้วยมันใช่ โรงละคร
 ใครคิดได้  เวทนาใน ชีวิต
กิเลสกรรมลิขิต ชีวิต ให้เป็นไป
หมู่มาร พากัน เอากิเลสใส่
ผู้ตั้งสติได้ จึงฝักใฝ่ ในบุญ
กลับมาเกิด เป็นมนุษย์ สุดลำบาก
 ยิ่งกว่านัก ยิ่งกว่าเต่าตาบอด สอดหัวเข้าได้
เข้าบ่วงน้อย ที่ลอยขึ้นมา หายใจ
อยู่ใต้ท้องทะเลลึกหลาย ๑๐๐ปีโผล่ขึ้นมาหายใจ ทีหนึ่ง
โลกคือโรงละคร จงสังวรไว้
 วนเวียนไป สู่โลกใหม่ เร็วๆนี้
จะทุกข์ หรือสุข สมบูรณ์ดี
ขึ้นอยู่ที่ ตั้งสติได้ ว่าโลกนี้ไซร้ คือโรงละคร
ผู้มีสติ เป็นผู้ที่ ไม่ประมาท
ต้องไม่พลาด รถด่วน ขบวนสุดท้าย
ตามติด หลวงพ่อ ครูไม่ใหญ่
สร้างบารมีสุดใจ ทำให้ได้ หยุดใจไว้ในตน

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น