พระภิกษุผู้ประเสริฐ
(เลิศด้วยทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน)
เจ้าชายสิทธัตถะ บังเอิญว่า ได้เห็น เกิดแก่เจ็บตาย
สลดใจหลาย จึงตัดสินใจออกบวช
หมดอาลัยในสมบัติจักรพรรดิ์ ออกผนวช
ด้วยทรงเห็นนักบวช เป็นเพศที่สงบ
สลดใจหลาย ที่สรรพสัตว์ ไม่อาจหลีกหนี
มันน่าจะมี ทางออกอยู่
มีผิดก็มีถูก มีสุขก็มีทุกข์ มีขาวก็มีดำ เป็นคู่
มันต้องมีอยู่ เป็นคู่ อยู่เดี่ยวไม่มี
พระองค์ จึงทรงตัดสินใจ ไปจากวัง
ทั้งๆที่พระชายา เพิ่งจะคลอด
ในยามดึก คนหลับไหล ในยามปลอด
ไปกับนายฉันนะ และยอดม้า กัณฑกะ
ในคนธรรมดา จะเห็นว่า พระองค์ทำไม่ถูก
ทิ้งลูกทิ้งชายา ทิ้งประชาชน
แม้แต่สัตว์ ก็ยังรักลูกของตน
นี่เราเป็นคน ควรดิ้นรน ดูแลครอบครัว
ปัญญาพระโพธิสัตว์ สามารถอุเบกขา
ยอมทิ้งชีวา เพื่อความสุขมหาชน
พระองค์ทรงมองเห็นทุกข์ของคน
เห็นปวงชน แหวกว่าย ในทะเลทุกข์
คนทั้งหลาย คล้ายคน ตกน้ำ
คนจะช่วยต้องเก่งล้ำ ว่ายน้ำเป็น
การช่วยคนออกจากวัฏฏะสงสาร ยิ่งยากเย็นแสนเข็น
ต้องหลีกเร้น บำเพ็ญตน หา พระโพธิญาณ
กระทั่งได้เป็นพระพุทธเจ้า โปรดเหล่าเวไนยสัตว์
มีผู้คนออกบวชตามบาท เป็นอันมาก
ดังนั้น การออกบวช สืบทอดพระศาสน์ ประเสริฐนัก
ด้วยประจัก ทางพ้นทุกข์ มีสุขแท้จริง
“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”
ธรรมทาน คือยอดแห่งการให้
ช่วยคนทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ด้วยธรรมทาน
คนในครอบครัวเรานั้น ก็เช่นกัน
คนไม่ออกบวชนั้น เหมือนกอดคอกันจมน้ำ
ชีวิตที่แท้จริง หรือบ้านอย่างยิ่ง คือหลังตาย
อย่ามัวอาลัย ในปัจจุบัน
ทุกอย่างที่เห็น เหมือนจอหนังเท่านั้น
วิบากกรรมตามทัน ฉาย ให้เห็น
อะไรที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ให้อดกลั้นอดทน
ปรับปรุงตนใหม่ ยอมตายไม่ทำบาป
เดินตามหลังพระ ละกรรมหยาบๆ
เข้าวัด ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
การออกบวชสืบต่อพระศาสน์ ขาดไม่ได้
เป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่ ของชายทุกๆคน
เหมือนทหารหาญ จะออกศึก ต้องฝึกฝน
ได้ทำทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ถึงพร้อมที่สุด
;;;;;;;;;;
(เลิศด้วยทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน)
เจ้าชายสิทธัตถะ บังเอิญว่า ได้เห็น เกิดแก่เจ็บตาย
สลดใจหลาย จึงตัดสินใจออกบวช
หมดอาลัยในสมบัติจักรพรรดิ์ ออกผนวช
ด้วยทรงเห็นนักบวช เป็นเพศที่สงบ
สลดใจหลาย ที่สรรพสัตว์ ไม่อาจหลีกหนี
มันน่าจะมี ทางออกอยู่
มีผิดก็มีถูก มีสุขก็มีทุกข์ มีขาวก็มีดำ เป็นคู่
มันต้องมีอยู่ เป็นคู่ อยู่เดี่ยวไม่มี
พระองค์ จึงทรงตัดสินใจ ไปจากวัง
ทั้งๆที่พระชายา เพิ่งจะคลอด
ในยามดึก คนหลับไหล ในยามปลอด
ไปกับนายฉันนะ และยอดม้า กัณฑกะ
ในคนธรรมดา จะเห็นว่า พระองค์ทำไม่ถูก
ทิ้งลูกทิ้งชายา ทิ้งประชาชน
แม้แต่สัตว์ ก็ยังรักลูกของตน
นี่เราเป็นคน ควรดิ้นรน ดูแลครอบครัว
ปัญญาพระโพธิสัตว์ สามารถอุเบกขา
ยอมทิ้งชีวา เพื่อความสุขมหาชน
พระองค์ทรงมองเห็นทุกข์ของคน
เห็นปวงชน แหวกว่าย ในทะเลทุกข์
คนทั้งหลาย คล้ายคน ตกน้ำ
คนจะช่วยต้องเก่งล้ำ ว่ายน้ำเป็น
การช่วยคนออกจากวัฏฏะสงสาร ยิ่งยากเย็นแสนเข็น
ต้องหลีกเร้น บำเพ็ญตน หา พระโพธิญาณ
กระทั่งได้เป็นพระพุทธเจ้า โปรดเหล่าเวไนยสัตว์
มีผู้คนออกบวชตามบาท เป็นอันมาก
ดังนั้น การออกบวช สืบทอดพระศาสน์ ประเสริฐนัก
ด้วยประจัก ทางพ้นทุกข์ มีสุขแท้จริง
“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”
ธรรมทาน คือยอดแห่งการให้
ช่วยคนทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ด้วยธรรมทาน
คนในครอบครัวเรานั้น ก็เช่นกัน
คนไม่ออกบวชนั้น เหมือนกอดคอกันจมน้ำ
ชีวิตที่แท้จริง หรือบ้านอย่างยิ่ง คือหลังตาย
อย่ามัวอาลัย ในปัจจุบัน
ทุกอย่างที่เห็น เหมือนจอหนังเท่านั้น
วิบากกรรมตามทัน ฉาย ให้เห็น
อะไรที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ให้อดกลั้นอดทน
ปรับปรุงตนใหม่ ยอมตายไม่ทำบาป
เดินตามหลังพระ ละกรรมหยาบๆ
เข้าวัด ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
การออกบวชสืบต่อพระศาสน์ ขาดไม่ได้
เป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่ ของชายทุกๆคน
เหมือนทหารหาญ จะออกศึก ต้องฝึกฝน
ได้ทำทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ถึงพร้อมที่สุด
;;;;;;;;;;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น