วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อย่าเป็นหนี้ (พระท่านชี้ มีโทษมาก) การเป็นหนี้ พระท่านชี้ ว่าเป็นทุกข์ในโลก เป็นบ่อเกิดทุกข์โศก ในโลกทั้งผอง เพราะการเป็นหนี้นั้น ใจมันขุ่นข้อง ใจมันหมอง นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

อย่าเป็นหนี้
(พระท่านชี้ มีโทษมาก)


 การเป็นหนี้ พระท่านชี้ ว่าเป็นทุกข์ในโลก
เป็นบ่อเกิดทุกข์โศก ในโลกทั้งผอง
เพราะการเป็นหนี้นั้น ใจมันขุ่นข้อง
ใจมันหมอง นอนไม่หลับ กระสับกระส่า
เหตุของการเป็นหนี้ ท่านชี้ไปที่ การไม่สันโดษ
ไม่รู้จักอด ไม่รู้จักออม ยอมความอยาก
มีน้อยใช้น้อย ค่อยบรรจง ปลงให้มาก
จงรู้จัก ประหยัดสุด ประโยชน์สูง

สันโดษสมถะ เป็นธรรมะ สำคัญของชีวิต
ใจไม่ยึดติด ใจเป็นสุข สบ๊ายสบาย
ประกอบกิจการงาน ทุกสิ่งอัน รื่นไหล
ไม่เจ็บป่วยไข้ กายใจสมบูรณ์

ตัดวงจรกิเลสกรรมวิบาก ที่ซ้ำซากจำเจ
ปัญหาอุปสรรคจบเห่ ไม่มาใกล้
บุญวาสนา ได้โอกาศ หลั่งไหล
อะไรๆก็ดีขึ้นใหญ่ เหมือนตื่นจากหลับ

การเป็นหนี้ จึงเป็นเครื่องชี้ ของชีวีตกต่ำ
ชีวิตมืดดำ เหมือนผงเข้าตา
ถ้ารู้จักชีวิต เพียงแค่สะกิด ก็สว่างจ้า
นั่นคือเจริญภาวนา ดึงสติกลับมา ไว้ในตน

เมื่อทำได้ที่ จะมีปีติสุขเกิดขึ้น 
ชีวิตจะฟื้น เหมือนตื่นขึ้นจากหลับ
คนทั่วไปคิดไม่ถึง จึงไม่อาจรับ
ชีวิตมืดดับ..ต่อไป ด้วยใจไร้ศรัทธา

ใจปีติสุข ต่างจากสนุก คนละเรื่องกัน
ใจที่ปีติสุขนั้น จะสันโดษมักน้อย
ชอบสงเคราะห์อนุเคราะห์ ไม่อยู่ลอยๆ
ส่วนตนมักน้อย ส่วนรวมเลิศลอยเลยทีเดียว

ปีติสุขนี้แปลกนัก หยุดตัณหาทยานอยากได้
แต่มีฉันทะสุดใจ ในหน้าที่ ไม่มีท้อ
มีความรับผิดชอบ ต่องาน ต่อบุคคล ไม่รั้งรอ
อีกทั้งต่อสังคม ต่อหน้าที่ ที่มีต่อส่วนรวม

สติสัมปชัญญะ มาพร้อมกับ ปีติสุข
ดังนั้น ทางที่ถูก คือปลูกฝังการฝึกสติ
ถ้าไม่แล้ว ได้ชื่อว่าประมาท คนไม่ดี
การฝึกสมาธิ จึงเป็นกิจกรณีย์ของชีวิต

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น