ชีวิตไม่อาจดูเบา
อย่างน้ำไหลไฟดับ ถึงกับทิ้งดี
ยิ่งรวยก็ยิ่งอยากรวยใหญ่ ไม่สนใจศักดิ์ศรี
ไม่คำนึงถึงชีวี ว่าเรานี้ เกิดมาทำอะไร
เป็นบุญวาสนา ทะยอยไหล ส่งให้ผล
เป็นความดี ที่เราทำไว้ ในกาลโพ้น
ได้ส่งผล เมื่อถึงขีดถึงคราว
เป็นทรัพย์อัปปรี ที่ยิ่งกว่าเชื้อโรคร้าย
ตกนรกหมกไหม้ ทุกข์หลาย ยิ่งกว่าตาย
เมื่อกรรมเบาบางลงไป เกิดใหม่เป็นเปรต
ช่างยากเข็ญ ข้นแค้น แสนสมเพท
อดมื้อกินมื้อ มือถือกะลา จงสังเกต
เป็นกรรมกิเลส ตระหนี่ส่งผล ดลบันดาล
ด้วยบุญวาสนาส่งให้ ของใครของท่าน
ส่วนการกระทำใดๆ ในปัจจุบัน
ขี้เกียจหรือขยัน ผลนั้นยังไม่ออก
ดีหรือร้าย คนทั้งหลายสับสน
ทำดีไดัดี ทำชั่วได้ชั่ว จริงหรือ ชักกังวล
ความตระหนี่ ทำให้จน จริงหรือ
สุดอำมหิต เบียดเบียนล้างผลาญ
เป็นมิจฉาทิฏฐิ อวดดี ดื้อรั้น
น่าสงสาร น่าเวทนา สรรพสัตว์
อย่างแจ่มชัด ว่าไม่เห็นโทษอื่นใดเท่า
ต้นเหตุใหญ่ คือผัสสะ กับสิ่งภายนอกกายเรา
ด้วยอินทรีย์ห้า ตัวเก่า ของเราเอง
พูดให้ชัด มีสติสัมปชัญญะ อยู่ในกาย
แล้ว วิตกวิจาร หรือ ตรึกตรอง ประคองใจไว้
จำเป็นหลาย ถ้าใครอยากได้ สุขสมปราถนา
ไม่ใช่ดัง กินเหล้าเมามัน นั้น มันสนุก
เหมือนเกาตุ่มคัน มันดี คลายทุกข์
เป็นความสนุก ปนตัณหา พาฉิบหาย
สุขทางเนื้อหนัง น้อยนิด ปานหิงห้อย
สุขทางใจ ทรัพย์ไหลมา ไม่ถอย
ไม่ใช่สุขลอยๆ ลมๆแล้งๆ
เปี่ยมเมตตากรุณา แผ่ได้ ไปทั่วทิศ
เราก็สุข เขาก็สุข ทุกชีวิต
สามัคคี ร่วมจิต เป็นปึกแผ่น
พอใจ ในสิ่งที่ ตนมีตนเป็น ตนควร
มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ดีล้วนๆ
อันเป็นขบวน ธรรม นำชัยชนะและสำเร็จ
แต่ไม่เคยได้ เหมือนไล่ ตามเงา
ได้มาแล้วคิดว่าใช่ แต่ได้ใหม่ ลืมเก่า
นี้คือเรา เหล่าคน กิเลสหนา
ชีวิตจะสูญ..เปล่า น่าเศร้าใจ
ชีวิตมีแต่ทุกข์ เวียนว่ายไป
ไม่มีต้นปลาย น้ำตาไหล อนัตกาล
;;;;;;;;;;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น