วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ให้พยามยามตรึกธรรมะ (คำสอนยายฯ) อย่าหลงเพลิน..ไปตามกิเลส เดี๋ยวก็เสร็จ เป็นเหยื่อกิเลสเปล่าๆ พยายาม ตรึกธรรมะของเรา เมื่อมีปัญหาเข้า ปัญญาของเราช่วยได้

 ให้พยามยามตรึกธรรมะ
(คำสอนยายฯ)

อย่าหลงเพลิน..ไปตามกิเลส
เดี๋ยวก็เสร็จ เป็นเหยื่อกิเลสเปล่าๆ
พยายาม ตรึกธรรมะของเรา
เมื่อมีปัญหาเข้า ปัญญาของเราช่วยได้

เป็นคำของยายฯ
ให้ขวนขวาย ตรึกธรรมะตลอดเวลา
ปล่อยไม่ได้ แม้ขณะ
โลกตัณหา อันตรายมาก
มิฉนัน ได้ชื่อว่าประมาท
เปิดโอกาศ..ให้กิเลส
เราก็ไม่ต่างกับเปรต
แสนทุเรศ แพ้ตัณหา
ตรึกธรรมะ ในทุกอริยาบถ
ใจใสสด น่ารักน่าเคารพ
บุญหลั่งไหล ใจสูง คนน้อมนบ
ชีวิตประสพ แต่ความสุขความเจริญ
บนเส้นทางธรรม บุญอุปถัมภ์ค้ำจุน
ใจอบอุ่น ประสพแต่ความโชคดี
สุขทั้งตน และประชาชี
อันคนดี เหมือนเป็น เช่นตะวัน
อัตตสุทธิ บัณฑิตแท้ ดูได้ที่บริสุทธิ
คือคนดี จะดีคนเดียวไม่ได้
บุญมีอานุภาพ แผ่กระจาย
ขจัดบาปให้ กับคนใกล้ตัวก่อน
ดังนั้น คนดีไม่ดี ดูที่คนใกล้
และสุดท้าย สำคัญหลาย ดูที่สังคหะ
คือมีจิตสงเคราะห์ ชาวพารา
มีกรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

กิจวัตรสำคัญสุด (ทำใจหยุดใจนิ่ง) กิจวัตร คืองานที่แท้จริง งานทำใจหยุดใจนิ่ง สำคัญสุด ต้องเป็นกิจวัตรให้ได้ ไม่มีหยุด ทำอุตลุด เป็นประจำ

 กิจวัตรสำคัญสุด
(ทำใจหยุดใจนิ่ง)

กิจวัตร คืองานที่แท้จริง
งานทำใจหยุดใจนิ่ง สำคัญสุด
ต้องเป็นกิจวัตรให้ได้ ไม่มีหยุด
ทำอุตลุด เป็นประจำ

งานรักษาใจ ให้อยู่ทางบุญทางธรรม
ทางสายกลาง ค้ำ ชีวิต
จัดสรรเวลา กรณียกิจ
มีชีวิต ทำพระนิพพาน ให้แจ้ง
แสวงบุญ สร้างบารมี
เต็มที่..เข้าวัด ปฏิบัติธรรม
บุญเหมือนมารดา เลิศล้ำ
คอยอุปถัมภ์ ค้ำชู ไม่ห่าง
ใจนิ่ง เกิดปัญญารักษาตน
มีความอดทน ขันติ
มีสัจจะ กิจวัตรเสมอดี
ทานศีลภาวนา เต็มที่ เข้าวัด
รักความสะอาด มารยาทพร้อม
เคารพนอบน้อม ผู้คน
มีเมตตา กรุณา มหาชน
พาหลุดพ้น ตัณหาอุปาทาน
ไม่ข้องแวะอบายมุข สุดชั่ว
ที่คนพาลไม่กลัว แต่ชอบ
คบบัณฑิต ผู้รู้รอบ
พาไปที่ชอบ สุขสมปราถนา
ปุถุชน จมปลักตัณหา
เหมือนไก่กา เมามัวหากิน
ไหลตามน้ำ ตามสังคม คือชีวิน
จบสิ้น เวียนว่าย อบายภูมิ

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เกิดมาทำประโยชน์สักอย่างหนึ่ง (คำสอนยายฯ) เกิดมาควรทำประโยชน์ สักอย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็พึง ทำเพื่อตนเอง และยังทำเพื่อคนอื่นได้อีก ยิ่งเก่ง อย่างนี้เอง เกิดมาคุ้มแล้ว

 เกิดมาทำประโยชน์สักอย่างหนึ่ง
 (คำสอนยายฯ)

เกิดมา ทำประโยชน์ สักอย่างหนึ่ง
อย่างน้อยก็พึง ทำเพื่อตนเอง
และยังทำเพื่อคนอื่นได้อีก ยิ่งเก่ง
อย่างนี้เอง เกิดมาคุ้มแล้ว

 
นี้เป็นคำของยายฯ
ท่านอยากให้เราขวนขวาย ทำความดี
อย่าอยู่ไปวันๆ ฟรีๆ
เสียดายที่ ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นมนุษย์ โชคดีสุด ทำความดีได้
สั่งสมบุญใส ให้ชีวิต
เป็นมนุษย์ จึงโชคดีสุดขีด
เวลาแม้นิด เพียงคิดดีก็ได้บุญ
ยังพูดดี ทำดี ได้อีก
ทำบุญเพียงซีก กลายเป็นวิบากใหญ่
ให้สุขแท้จริง อจินไตย
ทุกภพชาติ หลังตาย จะเห็นผล
การแสวงบุญ ทำได้ง่ายๆ
เพียงทำได้ ในโลกนี้
เป็นวิบากใหญ่ หลังตายได้ทันที
ทุกขณะเวลามี จึงควรที่แสวงบุญ
บุญให้สุขทั้งตน และคนอื่น
อีกทั้งธรรมชาติ ก็ราบรื่น สวยงาม
การแสวงบุญฯ จึงเลิศล้ำ
ศรัทธาจึงเป็นคุณธรรม นำหน้า
เกิดมาไม่หาบุญ แล้วคุณจะทำอะไร
ชีวิตนั้น ตายแล้วยังไม่ตาย ยังไปต่อ
บุญนั้นเหมือนแม่ เหมือนพ่อ
พะเน้าพะนอ ตามติด อุปถัมภ์

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ยกใจไม่ปล่อยให้ตก (หายโศก สุขสมปราถนา) สิ่งที่มี ที่เป็น ที่ได้ กรรมวิบากจัดให้ ทั้งนั้น จากอดีต อย่างน่าอัศจรรย์ ผลของกรรมปัจจุบัน ไม่ใช่

 ยกใจไม่ปล่อยให้ตก
(หายโศก สุขสมปราถนา)

สิ่งที่มี ที่เป็น ที่ได้
กรรมวิบากจัดให้ ทั้งนั้น
 จากอดีต อย่างน่าอัศจรรย์
 ผลของกรรมปัจจุบัน ไม่ใช่
กรรมวิบาก กำกับ คิดพูดทำ
เหมือนล้ำ กับการเล่นละคร
พระท่านจึงว่า โลกนี้กะล่อน
เป็นเพียงโรงละคร เท่านั้น

ปุถุชนไม่รู้ ถือเป็นจริงเป็นจัง
ไม่ยอมปล่อยวาง ไม่เลิกเล่น
ทางธรรม ทางชีวิตจริง ไม่เห็น
จึงเป็นเช่นแมงเม่า บินเข้าไฟ
ทางชีวิต มีชั้นระดับ นับไม่ถ้วน
เป็นกระบวน..ของใจ ที่ใสหรือหมอง
กฎแห่งกรรม นำวิบาก มาสนอง
บุญบาป จึงเกี่ยวข้อง โดยตรง
ชั้นระดับของใจ ใช่ ภูมิหรือมิติ
ชั้นวัฏฏะ แบ่งไว้หยาบๆ มี ๓๑ภูมิ
ตามหมองใส ของใจ เป็นกลุ่ม
แต่จริงๆแล้ว ใจลุ่ม..ลึก ละเอียด
 ชั้นของใจ จะไม่คงที่
ขึ้นกับบุญบาป ที่มีในปัจจุบัน
สุขทุกข์ มีวิบาก เป็นรางวัล
บัณฑิตผู้รู้ทัน จึงแสวงบุญ
รักษาใจ ให้ผ่องใส
ยกใจ..ไว้เสมอ ไม่ปล่อยให้ตก
หนีจากตัณหา โลกีย์โลก
หายโศก หายเศร้า สุขสมปราถนา

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เกิดบ่อยๆ (ก็ทุกข์บ่อยๆ) เกิดบ่อยๆ ก็ทุกข์บ่อยๆ ดับเกิดได้ จึงค่อย ดับทุกข์ นิพพาน จึงเป็นอุดมการณ์ที่ถูก ศรัทธา จึงควรปลูก อย่างยิ่ง

 เกิดบ่อยๆ
(ก็ทุกข์บ่อยๆ)

เกิดบ่อยๆ ก็ทุกข์บ่อยๆ
ดับเกิดได้ จึงค่อย ดับทุกข์
นิพพาน จึงเป็นอุดมการณ์ที่ถูก
 ศรัทธา จึงควรปลูก อย่างยิ่ง
ขาดศรัทธา จึงเวียนว่ายอบายภูมิสี่
มี เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก
ปุถุชนได้ฟังแล้ว เป็นตลก
ตอนใกล้ตาย จึงจะตระหนก ตกใจ
มีชีวิต เพื่อแสวงบุญสร้างบารมี
เป็นกิจกรณีย์ ของมนุษย์
ไม่ใช่มาหากิน มัวเมาสนุก
ชีวิตมนุษย์ มีกฎแห่งกรรม
ทานศีลภาวนา ทางสายกลาง
ทางธรรม ผ่านกายมนุษย์
มีศูนย์กลางกาย เป็นจุด
หยุดในหยุด ที่จุดนี้
มีดวงปฐมมรรค ปรากฎ
ใสสด ปานตะวันเที่ยง
เมื่อเข้าถึง จะได้ยินเสียง
เป็นสำเนียง มัชฌิมาปฏิปทา
ดวงปฐมมรรค ประตูพระนิพพาน
จึงสุดสำคัญ วิชชาธรรมกาย
ที่หลวงปู่ฯ ค้นคืนมาได้
ที่สูญหายไป หลังตรัสรู้ ๕๐๐ ปี
ปลูกศรัทธา ในวิชชาธรรมกาย
ยากหลาย ยากสุดสุด
ต้องสร้างบารมีอุตลุด
หมู่มารยื้อยุด ขวางกั้น

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ความอยาก (ละได้ยากในโลก) อยากได้อยากมี เพราะดำริ นี้ เป็นกามกิเลส ของคน ใคร่ได้ ใคร่มี เหลือล้น เป็นปุถุชน คนโง่เขลา

 ความอยาก
(ละได้ยากในโลก)

อยากได้อยากมี เพราะดำริ
นี้ เป็นกามกิเลส ของคน
ใคร่ได้ ใคร่มี เหลือล้น
เป็นปุถุชน คนโง่เขลา
สิ้งทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มี
ที่..เป็นอัตตา เที่ยงแท้ มีแต่บุญ
ติดตามค้ำชู เกื้อหนุน
ให้ความอบอุ่น ดุจมารดา
ความอิ่มด้วยกาม ไม่มี
เหมือนไฟที่ ไม่อิ่มเชื้อ
มีมากเท่าใด ก็ไม่เบื่อ
ช่างเหลือเชื่อ ยิ่งมีมากยิ่งหิวมาก
ความอิ่มในกาม ไม่มี
แม้ทรัพย์ที่มี มากล้น
มากนัก แม้ปานเม็ดฝน
ปุถุชน ก็ไม่อิ่ม
ทุกข์ ยิ่งกว่ากามไม่มี
ความใคร่นี้ เหมือนถูกไฟลน
สุขสงบ ไม่มีในปุถุชน
หนีไม่พ้น อบายภูมิ
แม่น้ำ เสมอด้วยตัณหา ไม่มี
พัดพาชีวี ไปอบาย
ปุถุชน ขัดขืนไม่ได้
ไหลตามกันไป อย่างสนุก
ความอยาก ละได้ยากในโลก
เหมือนปลา ถูกโยนบก ดิ้นรน
อยากกลับลงน้ำ เหลือล้น
แม้ตาย ก็ไม่สน ขอลงน่ำ

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

คำเมตตา (คำศักดิ์สิทธิ์) ควรทำตามคำ ของผู้ที่ มีเมตตา กลั่นออกมา จากปัญญาบริสุทธิ์ เป็นคำพระ ผู้ประเสริฐ เหนือมนุษย์ เป็นคำพูด ที่ศักดิ์สิทธิ์

 คำเมตตา
(คำศักดิ์สิทธิ์)


ควรทำตามคำ ของผู้ที่ มีเมตตา
กลั่นออกมา จากปัญญาบริสุทธิ์
เป็นคำพระ ผู้ประเสริฐ เหนือมนุษย์
เป็นคำพูด ที่ศักดิ์สิทธิ์

พึงทำกิจ แก่ผู้ช่วยทำกิจ
รักษามิตร ชีวิตปลอดภัย
ห่างไกลคนพาล เข้าไว้
ญาติทั้งหลาย คือมิตรสหายอย่างยิ่ง

ไม่พึงทำกิจ แก่ผู้มุ่งความพินาศ
คนพาลชาติ หนีให้พ้น
คบบัณฑิต มีปัญญา รักษาตน
เป็นวีรชน พาพ้นบาปกรรม
ประโยชน์ ย่อมเลยล่วง
คนทั้งปวง ที่ทอดทิ้งการงาน
ด้วยอ้างว่าหนาวนัก..ฯ เกียจคร้าน
คนอย่างนั้น งานมีอากูล
เมื่อคนโง่ มีปัญญาทราม
ทำกรรม..ชั่ว อยู่ก็ไม่รู้สึก
กรรมยังไม่ส่งผล คนพาลคึก
เขาจะเจ็บลึก ด้วยกรรมของตน
บุคคล หว่านพืชเช่นใด
ย่อมได้..ผล เช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี เช่นกัน
 ผู้ทำกรรมชั่วนั้น ย่อมได้ผลชั่วแน่แท้
ผู้ใด อันผู้อื่น เคยทำความดีให้
ทำประโยชน์ให้ไว้ ในกาลก่อน
แต่ไม่รู้สึก กรรมชั่วจะสะท้อน
แน่นอน ย่อมฉิบหาย

;;;;;;;;;;