วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

มีแต่ชัยไม่มีแพ้ (ได้แก่ขันติบารมี) ความอดทน เป็นตะบะอย่างยิ่ง แปลกจริงๆ แปลกอย่างยิ่ง ไม่คิดไม่แปลก กล่าวคือ พระพุทธองค์ ทรงยก ขึ้นเป็นเอก มีอานุภาพเป็นเอนก ในโอวาทปาฏิโมกข์

มีแต่ชัยไม่มีแพ้
(ได้แก่ขันติบารมี)

ความอดทน เป็นตะบะอย่างยิ่ง
แปลกจริงๆ แปลกอย่างยิ่ง ไม่คิดไม่แปลก
กล่าวคือ พระพุทธองค์ ทรงยก ขึ้นเป็นเอก
มีอานุภาพเป็นเอนก ในโอวาทปาฏิโมกข์
ความอดทน อานุภาพล้น เป็นตะบะ
เป็นไฟแก่กล้า เผากิเลสะ ภายใน
การเผยแผ่ศาสนา เป็นการสร้างบารมีใหญ่
มารตัวดี ขวางสุดใจ สุดกำลัง

 ใช้ความอดทน เผากิเลส ที่ก่อเภทภัย ภายนอก
 มารร้ายกลายเป็นกระจอก ด้วยขันติบารมี
เหตุการณ์ทั้งหลาย ภายนอก ที่เห็นอยู่นี้
เป็นกรรมวิบากก่อนกี้ มาปรากฎ
 ความอดทน เลิศล้น 
ความอดกลั้น
คือ ไม่สู้ ไม่ห้ำหั่น ไม่โรมรัน กับใครๆ
ทำใจดีสู้เสือ หยุดนิ่งใส ไม่หนีหาย
 สร้างบารมี เรื่อยไป ดีหลาย ทำใจเมตตา
สูตรสำเร็จ ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
 ของครูไม่ใหญ่ สู้มารได้ ไม่มีแพ้
 ปัญหาไม่เป็นปัญหา ชนะแน่
ปุถุชน แก้ปัญหา เหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป ก็คืออดทน 
 แม้ชีพป่น ก็ไม่ว่าร้ายทำร้าย สำรวมศีล
รู้จักประมาณ การกิน 
นั่งนอนในถิ่น ที่สงบ ในอู่ทะเลบุญ
ความอดทนที่แท้ 
ไม่มีข้อแม้ เงื่อนไข
ปรารภความเพียรให้ได้ ในอธิจิต
ถ้าสู้หรือไม่สู้ อยู่นิ่งๆ แพ้สนิท
ชนะแน่ๆ ไม่มีสิทธิ์..แพ้ มีแต่ทำดีเรื่อยไป
สุดยอดดี คือทำความเพียรในอธิจิต
นั่งสมาธิ ทุ่มชีวิต ทำจิตให้หยุด
หยุดเป็นตัวสำเร็จ บารมีผุด
ชีวิตพลิกผันสุดสุด หลุดพ้นมือมาร
 
 ;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น