วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2564

คุกประหาร (คือมัน กรรมวิบาก) กรรมวิบาก เหมือนกันนัก กับฝนตกหนัก ทั่วอนันตจักรวาล ไม่มีหยุด สม่ำเสมอ อนันตกาล สรรพสัตว์ รู้ไม่เท่าทัน ยอมรับมัน เป็นชีวิต

คุกประหาร
(คือมัน กรรมวิบาก)

กรรมวิบาก เหมือนกันนัก
กับฝนตกหนัก ทั่วอนันตจักรวาล
ไม่มีหยุด สม่ำเสมอ อนันตกาล 
สรรพสัตว์ รู้ไม่เท่าทัน ยอมรับมัน เป็นชีวิต

หารู้ไม่ว่า การคิดพูดทำนั้น มันมาจากกรรมวิบาก
เราเป็นเพียงหุ่นกระบอก ให้มารชัก เท่านั้น
นี้เป็นความจริง เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์
เป็นภัยมหันต์ ของชีวิต

แม้ทุกข์ท่วมท้น ก็ไม่ดิ้นรนหนีมัน
ไม่มีความอดทนอดกลั้น ดื้อรั้น ไม่ฟังพระ
ไม่ยอมทิ้งมัน โลภโกรธหลง น่าเวทนา
ทำตัวเป็นไก่กา ตื่นขึ้นมา ก็คุ้ยเขี่ยหากิน

พระพุทธองค์ ทรงตรัส ในโอวาทปาฏิโมกข์
ทรงยก ขันติ เป็นไฟอย่างยิ่ง จงอดทน
แม้มีกรรมวิบาก เกิดความทุกข์ยาก จะพ้น
ขอเพียงให้เป็นคน..ดี จะได้บารมี หนีกรรมวิบาก

ความอดทนนี้ มีหลักการ
ไม่ทำบาปทุกสิ่งอัน ให้รู้จักทำแต่ดี
 ให้ผ่องแผ้ว ทำใจเรานี้
มี ปลายทาง สุดดี พระนิพพานเมืองแก้ว

กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักร อำมหิต
คนไร้ศรัทธาหมดสิทธิ์ ออกจากสังสารวัฏฏ์
วนเวียนไป ใน๓๑ภูมิ เหมือนจมปลัก
เหมือนกันนัก กับปลักโคลนดูด ที่ยากสุดจะออก

วัฏฏสงสาร ก็คือคุกประหาร ดีดีนี่เอง
หลังตาย ไปแน่คนอวด
เก่ง อวดดี
ไม่เชื่อคำพระ ประมาทในชีวี
ไม่ตั้งใจแสวงบุญสร้างบารมี ไม่อาจหนี คุกประหาร

ทางหนีไป จากมหาภัยวัฏฏสงสาร นั้นมีอยู่
ไม่อุดอู้ แต่มีอยู่เป็นสาย คล้ายอุโมง
เป็นที่ปลอดภัย แสนสุขสบาย ปลอดโปร่ง
ทางไม่โค้ง เป็นทางตรง สว่างไสว ไปสู่พระนิพพาน

ทางนี้ยังมี สมบัตินาๆ มหาศาล
 ยังพ้นบ่วงมาร พ้นกฎไตรลักษณ์ พ้นกฎแห่งกรรม
ขอเพียงมีศรัทธา เท่านั้นหละ สุขล้ำ
ทุกเช้าค่ำ ปฏิบัติธรรม แสวงบุญสร้างบารมี

ขณะที่ยังเวียนว่าย เลือกได้ ไปดุสิตบุรี
มีสติดี มีศรัทธา เมื่อกลับลงมาเกิดใหม่
เข้าสู่เส้นทางสายกลาง ทานศีลภาวนา ได้ทันใด
สุขสวัสดีมีชัย คนเหนือคน

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น