วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2564

รู้ทันชีวิต (จึงมีสิทธิ์อยู่เย็น) เราต้องทำทาน คุณยายจันทร์ ท่านว่าไว้ ทานนั้นไซร้ คือสะเบียง เลี้ยงชีวัน ศีลเป็นสะพาน ข้ามวัฏฏะ ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ภาวนานั้น.. เป็น เช่นกัน กับตะเกียงส่องทาง

รู้ทันชีวิต
(จึงมีสิทธิ์อยู่เย็น) 

เราต้องทำทาน คุณยายจันทร์ ท่านว่าไว้
ทานนั้นไซร้ คือสะเบียง เลี้ยงชีวัน
ศีลเป็นสะพาน ข้ามวัฏฏะ ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน 
ภาวนานั้น.. เป็น เช่นกัน กับตะเกียงส่องทาง

ทุกชีวี ต้องเวียนว่าย ในวัฏฏสงสาร
เวลาเป็นอนันต์ นับกาลไม่ได้
ต้องมีสะเบียง เลี้ยงชีวิต เดินทางไกล
เป็นมนุษย์เท่านั้นไซร้ หาได้ สะเบียง

ทานแล้วได้บุญ อันมีคุณวิเศษ
ติดตามเราไปทุกเขต ทั้งชาตินี้ชาติหน้า
เป็นแก้วสารพัดนึก เป็นอัตตา
ให้สุขสมปราถนา อนันตกาล

นอกจากบุญแล้ว ทุกอย่างเป็นแห้ว ผิดหวัง
เป็นอนัตตาน่าชัง ไม่มีแก่นสาร
แต่คนก็ยังหลงไหล อยากรวยใหญ่ทั้งนั้น
ชวนทำบุญทำทาน ฝันไปเถอะ

สมบัติภายนอก เป็นสะเบียงได้ เพียงในชาตินี้
 ยังมีประโยชน์เหลือที่ เปลี่ยนเป็นบุญ
มิฉนั้นสมบัติจะวิบัติ ทำให้ใจขุ่น
ทำชีวิตให้วุ่น มีปัญหาอุปสรรค

ต้องมีวาสนา กับกัลยาณมิตร
จึงจะมีสติ ตื่นขึ้นมา ศรัทธามี
ทุ่มชีวา สละเวลา สละชีวี
แสวงบุญสร้างบารมีเต็มที่ ชีวิตอุดมการณ์

ศีลเป็นสะพาน ข้ามวัฏฏะ ไปฝั่งพระนิพพาน
ด้วยศีลนั้น มีลักษณะ คล้ายกับแผ่นดิน
คุณธรรมทั้งหลาย เกิดได้ด้วยศีลทั้งสิ้น
ไม่มีศีล..รองรับ คล้ายกับนกไร้รัง

ศีลยังทำให้ ได้มนุษย์สมบัติ
เป็นธรรมชาติ ใช้สร้างบารมีได้
แสวงบุญสร้างบารมี เป็นหลักชัย
บารมีเต็มเมื่อใด ได้เข้าพระนิพพาน

ภาวนาได้ปัญญา เป็นเช่นตะเกียง รู้แจ้งชีวิต
จึงบำเพ็ญจิต..ภาวนา เพื่อจะพ้นวัฏฏสงสาร
รีบเร่งทำพระนิพพานให้แจ้ง เท่านั้น
จึงจะพ้นมัน กฏไตรลักษณ์ และกฎแห่งกรรม

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น