วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อยากมีสุข (ละเหตุแห่งทุกข์ให้ได้) ละเหตุทุกข์ได้ เป็นสุขในที่ทั้งปวง ใจมีห่วง ผูกมัด ไม่อิสระ นั่นก็คือ กิเลสตัณหา หรือโลกียะ โลกภายนอก

 อยากมีสุข
(ละเหตุแห่งทุกข์ให้ได้)

ละเหตุทุกข์ได้ เป็นสุขในที่ทั้งปวง
ใจมีห่วง ผูกมัด ไม่อิสระ
นั่นก็คือ กิเลสตัณหา
หรือโลกียะ โลกภายนอก
ความไม่เบียดเบียน เป็นสุขในโลก
ใจไม่ตก มีเมตตากรุณา
เป็นใจ ของมารดา
คนไม่รู้สา ด้วยตัณหาพาเป็น

ความสงบระงับแห่งสังขาร เป็นสุข
ใจมีทุกข์ เพราะไม่หยุดไม่นิ่ง
การเจริญสติ จึงสำคัญจริงๆ
เกิดปัญญายิ่ง คนเหนือโลก

ความสุข ยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี
ใจเรานี้ หยุดนิ่งได้
สันโดษสมถะ ฝึกใจ
สติสัมปชัญญะ ก็ใช่ ฝึกใจให้สงบ

นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง
ใจหยุดใจนิ่ง ด้วยพ้นกิเลสตัณหา
พ้นกฎแห่งกรรม ของมารา
มีชีวาอมตะ พระนิพพาน
ความเกิดขึ้น แห่งผู้รู้ทั้งหลาย
ความรู้ ที่ทำใจให้หยุดให้นิ่ง
 นำสุขมาให้ จริงๆ
สุขอย่างยิ่ง ใจนิ่งใจหยุด
การแสดงสัทธรรม นำสุขมาให้
ได้ฟังแล้วชื่นใจ ใจใสสด
ธรรมทาน ยิ่งกว่าทานทั้งหมด
พระสุคต สรรเสริญ
ย่อมมี ความสุขเสมอ
ถ้าไม่พบเจอ คนพาล
ตัวเราเอง เป็นพาลสำคัญ
ขจัดมันให้ได้ พาลในตน
การประพฤติ แม้มีประโยชน์
กับคน ไม่อดกลั้น ไม่อดทน
แม้เป็นเรื่องดี เป็นบุญกุศล
 บุญหกหล่น กุศลไม่ได้

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น