ชีวิตจริงนั้นง่ายๆ
(คล้ายผงเข้าตา)
ชีวิตนั้นง่ายๆ คล้ายผงเข้าตา
ไม่ไช่ดิ้นรนหา สุดชีวา ดังที่เป็น
การใช้ชีวิต เป็นศิลปะ จึงจะอยู่เย็น
เอาแต่เข็น ใช้กำลัง สุขยิ่งห่างใกล
ไม่ไช่ดิ้นรนหา สุดชีวา ดังที่เป็น
การใช้ชีวิต เป็นศิลปะ จึงจะอยู่เย็น
เอาแต่เข็น ใช้กำลัง สุขยิ่งห่างใกล
หยุด เป็นตัวสำเร็จ
นี้เป็นเคล็ด เป็นศิลปะ
เอาใจไว้ในตน สติสัมปชัญญะ
นี่หละ ทางสายกลาง ทางหลุดพ้น
เอาใจไว้นอกตน นั้น
มัน ออกไปรับกรรมวิบาก
สิ่งต่างๆ ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์
จมปลัก กิเลสตัณหา
คนทั้งหลาย ไล่จับพยับแดด บนถนน
เหมือนมีตัวตน ที่จะจับ..ต้องได้
พอเข้าใกล้ ก็หาย ถอยห่างไป
คล้ายล่อให้ไล่ เกือบจะจับได้ทุกที
มัน ออกไปรับกรรมวิบาก
สิ่งต่างๆ ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์
จมปลัก กิเลสตัณหา
คนทั้งหลาย ไล่จับพยับแดด บนถนน
เหมือนมีตัวตน ที่จะจับ..ต้องได้
พอเข้าใกล้ ก็หาย ถอยห่างไป
คล้ายล่อให้ไล่ เกือบจะจับได้ทุกที
สุขทางโลกีย์ ในโลกนี้ ก็คล้ายกัน
เค็มๆมัน เหมือนกันกับเกาตุ่ม
ไม่เคยอิ่ม ชวนให้ลิ้ม เหมือนมีไฟสุม
ใจร้อนรุ่ม สุมทรวง ห่วงหาอาลัย
ปานพระอาทิตย์ กับหิงห้อย น้อยล้น
สุขทางธรรม สุขในตน ล้นเหลือ
สุขทางธรรม สุขในตน ล้นเหลือ
สุขทางธรรม ไม่เพียงสุขอารมณ์
แต่ยังสุขสม..ปราถนา ทุกประการ
ไม่ใช่สุขลมๆแล้งๆ สุขแห้งๆอย่างนั้น
สุขดังบนสวรรค์ ที่บันดาลเอาได้
พระพุทธศาสนา วิชชาชีวิต
เกินคาดคิด ของมนุษย์ปุถุชน
มีศรัทธา ยากนักหนา ของคน
สอนกี่หน บอกกี่ครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม
เหมือน ผงเข้าตา แต่ว่าไม่สน
จึงทุกข์ทน เสียน้ำตา ยิ่งกว่ามหาสมุทร
ในอดีตกาล วนเวียนเกิดตาย อุตลุด
เหมือนปลา ที่ยังดำผุด อยู่ในน้ำ
เพียงมีกัลยาณมิตร สะกิดใจ
ใจก็จะ สว่างใสเป็นสุข
เกิดปัญญา รู้เห็นทุกข์
หมดสนุก เกิดนิพพิทา โลกโลกีย์
;;;;;;;;;;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น