แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฤาษีตีเหี้ย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฤาษีตีเหี้ย แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เคารพคารวะ (มหาชนกราบไหว้) ผู้ใด ไม่มีความเคารพคารวะ ในบรรดา เพื่อนพรหมจารี มีการกระทำ และพูดจาเสียดสี คนผู้นั้น หนีห่าง พระสัทธรรม

 เคารพคารวะ
(มหาชนกราบไหว้)

ผู้ใด ไม่มีความเคารพคารวะ
ในบรรดา เพื่อนพรหมจารี
มีการกระทำ และพูดจาเสียดสี
คนผู้นั้น หนีห่าง พระสัทธรรม
ห่างกัน ปานฟ้ากับดิน
ความดีสิ้น พ่อใบลานเปล่า
รู้มากเรียนมานัก ปฎิบัติไม่เอา
สูญเปล่า เจ้า ฤาษีตีเหี้ย
เคารพ ตระหนัก ในความดี
แม้เขามี เพียงน้อยนิด
ชื่นชม โมทนา ชื่นจิต
คนทั่วทิศ ย่อมมีความดี ทั้งนั้น
ผู้มีความเคารพ จิตชื่นบาน
อยู่ตลอดกาล ปานดอกไม้
กิริยาท่าทาง ยิ้มแย้มแจ่มใส
จริงใจ หลักใหญ่ มนุษย์สัมพันธ์
พระสัทธรรม พระสัมมาฯ
สรรพสัตว์ ทุกชีวา เสมือนญาติ
แม้จะร้าย เช่นเถรเทวทัต
ยังคงเป็นญาติ เช่นเดิม
สงเคราะห์ญาติ มงคลชีวิต
กรณียกิจ แสวงบุญสร้างบารมี
เป็นมนุษย์ มีโชคดี
บนสวรรค์ไม่มี ทำไม่ได้
ผู้เคารพคารวะ คนดีที่หนึ่ง
ผู้ที่เข้าถึง พระสัทธรรม
มีขันติโสรัจจะ เสงี่ยมงาม
มหาชนติดตาม กราบไหว้

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ทางชีวิต (เลือกผิด ชีวิตอันตรายมาก) ทางสามสาย คล้ายคน สามคน ดั้นด้น ปีนเขา จนถึง กึ่งกลางทาง เกิดคิดไกล ไป คนละอย่าง คนละทาง จึงต่างคน ต่างไป

ทางชีวิต
(เลือกผิด ชีวิตอันตรายมาก)


ทางสามสาย คล้ายคน สามคน
ดั้นด้น ปีนเขา จนถึง กึ่งกลางทาง
เกิดคิดไกล ไป คนละอย่าง
คนละทาง จึงต่างคน ต่างไป
คนที่หนึ่ง หมดกำลังใจ ไม่ไปต่อ
พอแล้วหนอ ขอตัว กลับลงไป
ไถลลี่น น่าตื่นเต้น และสะบาย
หรือเหมือนขยะไหล ลอยไป ตามน้ำ
คนที่สองไม่ปีนต่อ ขอไป ทางลัด
รวดเร็วจัด ลัดลง ตรงหน้าผา
ไม่กลัวตาย คล้าย คนบ้า
คิดแต่ว่า ตนนั้น กล้าหาญ ชาญชัย
คนที่สาม พยายาม ปีนเขาต่อ
ไม่รั้งรอ ปีนไปต่อ ให้ถึงยอด
ไม่ถึงไม่ได้ ต้องไป ให้ตลอด
สู่สุดยอด เป้าหมาย ปณิธาน
คนแรกไม่แปลก เหมือนคนส่วนใหญ่
ไหลตามกันไป ในกระแส กามคุณ
ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หากันวุ่น
ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ กตัญญูรู้คุณ ใครไม่เป็น
เอาแต่ประโยชน์ตน ประโยชน์ชนนั้น ฉันไม่เกี่ยว
ม่แลเหลียว แม้ใครจะเป็นจะตาย
เกิดมาเอา ไม่มีให้
ได้โอกาศเป็นใหญ่ ชนโชคร้าย คล้ายผีห่าลง

หิวจัด โกงชาติ ไม่เขินไม่ขวย
สุดท้ายม้วย ไปไม่ไหว แพ้พ่ายตนเอง
คนส่วนใหญ่ ในปัจจุบัน ล้วนเสงเครง
ภัยพิบัติ จึงมาเอง สมแก่กรรม
คนที่สองไม่ยื้อแย่ง แกล้ง ทรมานตน
ไม่มีสน คน จะเป็นหรือตาย
เอาตัวรอด แต่หัวไม่รอด แปลกเหลือหลาย
อยู่เดียวดาย ทำท่าคล้าย ฤาษีตีเหี้ย
คนที่สาม มีปณิธาน อันหาญกล้า
เสียสละ มีอุตสาหะ ตามทางสายกลาง
ทางความดี ทางสร้างบารมี สุขจัง
สุขสมหวัง ทั้งตน และคนทั้งหลาย

ทางชีวิต เดินทางผิด ชีวิตอันตรายมาก
กรรมวิบาก นำชัก ให้คิดให้พูดให้ทำ
ก่อกิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักร ซ้ำแล้วซ้ำ
หมุนวนซ้าย กระหน่ำ ทำลายล้าง อย่างทอร์นาโด

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564

อุเบกขา (ปล่อยวางชีวาตน) อยากเป็นใหญ่ ให้ฝักใฝ่ สงเคราะห์ ผู้ที่เหมาะ จะต้อง ใจใหญ่ บำเพ็ญทาน และประพฤติธรรม ก่อนอื่นใด จะได้มีน้ำใจ ไม่อคติ มีความยุติธรรม

อุเบกขา
(ปล่อยวางชีวาตน)

อยากเป็นใหญ่ ให้ฝักใฝ่ สงเคราะห์
ผู้ที่เหมาะ จะต้อง ใจใหญ่
บำเพ็ญทาน และประพฤติธรรม ก่อนอื่นใด
จะได้มีน้ำใจ ไม่อคติ มีความยุติธรรม
เห็นสรรพสัตว์ เสมอญาติ ร่วมอุทร
ส่วนรวมมาก่อน ผัดผ่อน ไม่ได้
ส่วนตนวาง ไม่ยั้ง ส่วนใหญ่
ให้ชีวิตได้ รักษาไว้ พระศาสนา
เกิดมา สร้างบารมี ไม่สร้างไม่ได้
ชีวิตอันตราย หลังตาย เดียวดาย ไปเปล่า 
มีแต่บารมี จะคุ้มชีวีเจ้า
 รักษาพระศาสน์ เป็นโอกาศทองของเรา สร้างบารมี
รักษาพระศาสนา นั่นหละ การเข้าวัด
บำเพ็ญทาน ธรรมปฏิบัติ เป็นชีวิต
การสร้างบารมี ต้องมีหมู่คณะ ตามติด
มารอำมหิต คอยขัดขวาง หนทางบารมี
การวางเฉย ละเลย ไม่สงเคราะห์
น่าหัวเราะ บอกว่าถืออุเบกขา แล้วมาดูดาย
ไม่สนใจ ร่วมมือ​ นั่งบื้อ ใครจะตาย
 เป็นฤาษีตีเหี้ย หน้าไม่อาย หลับตาปลือ
อุเบกขา ที่เป็นสัมมา ใจจะหยุด
ข้างนอก อุตลุด เคลื่อนไหว
แก้ไขปัญหา ให้ชาวพารา พ้นภัย
นำสังคม พ้นอบาย ไปสวรรค์

;;;;;;;;;