สติสัมปชัญญะ
(อย่าเลยละ ของวิเศษ)
(อย่าเลยละ ของวิเศษ)
จริงๆแล้ว ก็คือ look and see
วิตกวิจารณ์ ก็ใช่ อันเดียวกันนี้
หรือ ตรึกตรอง ประคองสติ ก็เหมือนกัน
เจริญสติสัมปชัญญะ หรือภาวนา
ก่อเกิดปัญญา พาเราเดินทาง
ทางชีวิต ไปสู่ทิศ กระจ่าง
ทางสายกลาง ทางอริยะ
สติ ตรงข้าม กับประมาท
เจริญสติสัมปชัญญะ หรือภาวนา
ก่อเกิดปัญญา พาเราเดินทาง
ทางชีวิต ไปสู่ทิศ กระจ่าง
ทางสายกลาง ทางอริยะ
สติ ตรงข้าม กับประมาท
สติวิปลาศ ประมาทเสียสติ นั่นเอง
สติดี ไม่ปล่อยใจ ไหลเอ้งเต้ง
คนเก่งต้องควบคุมใจ ให้อยู่ในตัว
นี้เป็นกลไก การทำใจไม่ให้มัว สว่างไสว
ปีติสุข มีเมตตา มาพร้อมกันได้
เป็นขั้นตอนที่พระว่าไว้ ในการบรรลุธรรม
look and seeแปลว่า ดูและเห็น
มองเย็นๆ จึงเห็นได้
ทำอย่างหลวงพ่อดี ที่รู้สึกหรือเห็นอย่างไรก็พอใจ
ทำใจเย็นๆ ใสๆไว้ จึงเห็น
การตั้งใจมอง ไม่จ้องจุดเดียว
ใจจะไม่เหนี่ยว ไม่เกี่ยว ไม่ดึงไว้
เหมือนมองจอหนัง มองกว้าง รวมๆ สะบายๆ
ถูกส่วนได้ ลมหายใจโล่ง
มีปีติ เปรมปรี อิ่มอกอิ่มใจ
เกิดสุขภายใน ใจเมตตา
หายโกรธ หายขุ่นข้องหมองอุรา
เกิดแสงสว่างจ้า ปัญญารู้แจ้ง
มีสติสัมปชัญญะ ละความอยาก
ไม่ละโมบโลภมากเห็นแก่ได้
จิตสันโดษ มีสักแต่มี ใจเป็นไท
หมดห่วง หมดอาลัยห่วงหาอาทร
ดังนั้น สติสัมปชัญญะ ดับปัญหาชีวิต
นำชีวิต มุ่งสู่ทิศพระรัตนตรัย
ชีวิตพลิกผัน สุดบรรยาย
ครรลองพระธรรมกาย พระรัตนตรัยในตัว
;;;;;;;;;;;
look and seeแปลว่า ดูและเห็น
มองเย็นๆ จึงเห็นได้
ทำอย่างหลวงพ่อดี ที่รู้สึกหรือเห็นอย่างไรก็พอใจ
ทำใจเย็นๆ ใสๆไว้ จึงเห็น
การตั้งใจมอง ไม่จ้องจุดเดียว
ใจจะไม่เหนี่ยว ไม่เกี่ยว ไม่ดึงไว้
เหมือนมองจอหนัง มองกว้าง รวมๆ สะบายๆ
ถูกส่วนได้ ลมหายใจโล่ง
มีปีติ เปรมปรี อิ่มอกอิ่มใจ
เกิดสุขภายใน ใจเมตตา
หายโกรธ หายขุ่นข้องหมองอุรา
เกิดแสงสว่างจ้า ปัญญารู้แจ้ง
มีสติสัมปชัญญะ ละความอยาก
ไม่ละโมบโลภมากเห็นแก่ได้
จิตสันโดษ มีสักแต่มี ใจเป็นไท
หมดห่วง หมดอาลัยห่วงหาอาทร
ดังนั้น สติสัมปชัญญะ ดับปัญหาชีวิต
นำชีวิต มุ่งสู่ทิศพระรัตนตรัย
ชีวิตพลิกผัน สุดบรรยาย
ครรลองพระธรรมกาย พระรัตนตรัยในตัว
;;;;;;;;;;;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น