วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2565

ความหลงผิด (โง่สนิท ไม่รู้ว่าตนไม่รู้) ความหลงผิด เป็นคืนที่มืดมิด ที่สุด พระพุทธองค์ ทรงตรัส แม้ในห้วงจักรวาล ที่ปราศจากดวงตะวัน มืดขนาด ก็ไม้อาจ..เทียมทัน น่าอัศจรรย์จริงๆ

 ความหลงผิด
(โง่สนิท ไม่รู้ว่าตนไม่รู้)

ความหลงผิด เป็นคืนที่มืดมิด ที่สุด
พระพุทธ
องค์ ทรงตรัส
แม้ในห้วงจักรวาล ที่ปราศจากดวงตะวัน มืดขนาด
ก็ไม่อาจ..เทียมทัน น่าอัศจรรย์จริงๆ

เมื่อหลงผิด จึงเห็นผิด เป็นมิจฉา
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นพระ เป็นมาร
เห็นมารเป็นพระ อย่างนั้น
มีนรกโลกันต์ เป็นบ้าน เหมือนท่านเทวทัต

ความหลงผิด ไม่ใช่เรื่องน้อยนิด ผิดแล้วผิดไป
ฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ใครทำอะไรได้
กฎแห่งกรรม กฎธรรมชาติ สุดยิ่งใหญ่
เป็นกฎอจินไตย กฏธรรมชาติ

คนหลงผิด ยังไม่ตาย ก็เหมือนตาย
คือรับบุญไม่ได้ ใจเหมือนภาชนะคว่ำ
ทำแต่บาป  บุญไม่ซึมซับ ใจจึงสุดดำ
ดำสุดดำ ดำสุดสุด ประดุจอาทิตย์ดับ

คนอย่างนี้ มีอายตนะ ตรงกับนรกอเวจี
หนักแผ่นดินเหลือที่ แผ่นดินแยก แตกเป็นช่อง
ไฟนรก เหมือนงูฉก ตกลงปล่อง
ไม่ทันร้อง ถูกกระชาก ลากลงไป

คนหลงผิด เป็นมิจฉา ด้วยอวิชชามาปิดบัง
มีนิวรณ์ห้า เป็นอย่างกับอาหาร
ใช้สันโดษสมถะ ขจัดมัน
หยุดใจเท่านั้น ทำลายมัน มิจฉาทิฏฐิ

ทานและศีลเป็นต้น จึงดีล้น สมถะ
มิฉนั้นก็จะ มิจฉาสมาธิ
ไม่รู้จักศูนย์กลางกาย ไม่รู้จักกายธรรมภายใน ที่มี
มีฤทธี แต่ขาดเมตตาเสียนี่ อันตราย

หลงผิด หลงทิศ ยากนักจะกลับหลัง
ดื้อด้านดันทุรัง บอกให้ตายก็ไม่เชื่อ
ความหลงนี้ ช่างร้ายเหลือ
ช่างโง่อย่างเหลือเชื่อ ไม่รู้ ว่าตนไม่รู้

 ;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น