โลกคือโรงละคร
(ย้อนอดีต)
;;;;;;;;;;
โลกคือโรงละคร
(ย้อนอดีต)
;;;;;;;;;;
กามคุณห้าต้องละ
(ถ้าไม่อยากไปอบาย)
;;;;;;;;;;
ตัณหามหากาฬ
(ศรัทธามั่นละมันได้)
กามที่เที่ยงแท้ แน่นอน ไม่มี
สรรพสิ่งโลกีย์ หลังตาย หายหน้า
กฎไตรลักษณ์ กำกับชีวา
เหมือนหลับฝันแล้วตื่นขึ้นมา ว่างเปล่า
ความอิ่มในกาม ไม่มีในโลก
มีแต่ทุกข์โศก โลภ หิวกระหาย
ไม่เคยมี ความอิ่มหนำ ความพอใจ
ตัณหาตาลาย ยิ่งกินยิ่งหิว
ความอิ่มในกาม ไม่มีแท้
แม้ ได้สมบัติทั้งโลก ก็ไม่อิ่ม
ยิ่งมียิ่งอยากได้มาก เหมือนสนิม
ไม่มีอิ่ม เท่าใดก็ไม่พอ
ทุกข์อื่นยิ่งกว่ากาม ไม่มี
เป็นทุกข์ที่ เวียนว่าย ในสังสารวัฏฏ์
อบายภูมิ คือคุกประหาร ชัด
คนมีกาม เหมือนนัด ลงอบายภูมิ
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี
พัดพาสรรพชีวี สู่วัฏฏสงสาร
กิเลสกรรมวิบาก เชี่ยวกราก ใดไม่ปาน
เวียนว่ายอยู่อย่างนั้น ไม่มีวันจบสิ้น
ความอยาก ละได้ยากในโลก
เหมือนหนอน กับของสกปรก ชอบนัก
กามคุณห้า ละได้สุดยาก
มีศรัทธา เท่านั้นจัก ละอยากได้
;;;;;;;;;;
กามคุณห้า
(พาเศร้าโศก)
กามคุณห้า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ห้าสิ่งนี้หละ เป็นที่พึงปราถนา ของอารมณ์
ผู้มีปัญญา ระวังนักหนา ไม่น้อมโน้ม
ใจปราศจากอารมณ์ จึงสงบนิ่งในตัว
ปล่อยใจไปตามอารมณ์ คนทั่วไปนิยมนัก
หารู้ไม่ว่า เป็นกับดัก ของพญามาร
ใจอยู่ภายนอก ไม่รู้หรอก เหมือนกัน
กับลูกแกะน้อยตัวกลั่น ประมาทสุนักป่า อันตราย
กรรมวิบาก ได้โอกาศ รุกฆาตทันที
หอมหวนเหลือที่ เสน่หา กามคุณ
เป็นลิงติดตัง หรือเหมือนอย่างน้ำ ที่ปลาคุ้น
ทุกข์จนหัวหมุน ก็ยังหมกมุ่น โลกีย์กาม
วนเวียนไป ในอบายภูมิ
ทุกข์รุมเร้าเท่าใด เหมือนไม่เบื่อหน่าย
ตายเกิดๆ ซ้ำซาก นับกาลไม่ได้
เมื่อเกืดใหม่ ก็ลืม คงดื่มด่ำกามคุณ
การมีสติ จึงมีคุณนัก ออกจากปลัก กามคุณ
ต้องเร่งลุ้น พัฒนาสติ หนีกรรมวิบาก
มีสติ อยู่ในตัว รู้อารามณ์ ดีนัก
ไม่ปล่อยให้พราก ไจหยุดอยาก รักษาอารมณ์
เมื่อมีสติ ก็ไม่มี ความเศร้าโศก
เข้าสู่โลก..แห่งธรรม ตามทางสายกลาง
ทางสว่าง สายสมบัติ สุขใจจัง
กลางของกลาง ทางหลุดพ้นภัย ในวัฏฏะ
;;;;;;;;;;