แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กามคุณ ๕ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กามคุณ ๕ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2566

โลกคือโรงละคร (ย้อนอดีต) ภิกษุไม่ควรติด ในกามทั้งหลาย เป็นสิ่งเลวร้าย ทำใจให้ขุ่นมัว รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ชั่ว ควรมีสติ ตัวรู้ อยู่ทุกอิริยาบถ

 โลกคือโรงละคร
(ย้อนอดีต)

ภิกษุไม่ควรติด ในกามทั้งหลาย
เป็นสิ่งเลวร้าย ทำใจให้ขุ่นมัว
รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ชั่ว
 ควรมีสติ ตัวรู้ อยู่ทุกอิริยาบถ
ควรเป็นผู้ฉลาด ในธรรมทั้งปวง
ไม่นำมาเป็นห่วง ผูกมัด
กามคุณ อย่าประมาท
ตัดให้ขาด ด้วยสติปัญญา
บัณฑิตฝึกตน คนไม่ประมาท
มีหิริโอตัปปะ คุณธรรม ค้ำ
คนดี มีชีวีไม่ตกต่ำ
ความทุกข์ระกำ ห่างไกล
นิวรณ์ห้า ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์
จงตระหนัก ไม่มีตัวตน
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่คงทน
เป็นอัตตา มีตัวตน คือบุญ
ยึดติดกามโลกีย์ เป็นทุกข์
ไม่ใช่สุข แต่สนุกสนาน
เป็นเหยื่อล่อ ของมาร
ปุถุชน เหมือนกัน ไก่หลงเหยื่อ
พระผู้รู้ท่านว่า โลกคือโรงละคร
คิดพูดทำ ทุกขั้นตอน กิเลสกำกับ
กรรมวิบาก สร้างภาพ
คล้ายกับ ฉากละคร
ตอนใกล้ตาย จะได้สติรู้
ปุถุชน คนทุกผู้ เป็นอย่างนั้น
เวียนว่าย ตายเกิด วัฏฏสงสาร
คุกประหาร อบายภูมิ

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

กามคุณห้าต้องละ (ถ้าไม่อยากไปอบาย) กาม รูปรสกลิ่นเสียงและสัมผัส สุดคาด ของผู้คน มีความยินดีน้อย มีทุกข์มากล้น ทุกข์ท่วมท้น ยิ่งกว่ากามไม่มี

 กามคุณห้าต้องละ
(ถ้าไม่อยากไปอบาย)

กาม รูปรสกลิ่นเสียงและสัมผัส
สุดคาด ของผู้คน
มีความยินดีน้อย มีทุกข์มากล้น
ทุกข์ท่วมท้น ยิ่งกว่ากามไม่มี

ผู้ใดซ่องเสพกาม ผู้นั้นเข้าถึงนรก
เป็นผู้ตก อยู่ในกระแสกิเลสตัณหา
กระแสโลก โลกา
พัดพาสรรพสัตว์ ไปอบาย
กามคุณ๕ เหยื่อล่อสรรพสัตว์
เหมือนปลา ที่ไม่อาจ หนีพ้นเหยื่อ
ซ่องเสพ ระเริงรื่น ไม่มีเบื่อ
สติ มิเหลือ ตกเป็นเหยื่อมาร
วัฏฏสงสาร ก็คือคุกประหาร
อยู่สวรรค์ นั้นยังไม่พ้น
หมดบุญเมื่อใด ก็หล่น
มาเวียนวน ไม่พ้น ไปอบาย
หนีคุกประหาร อุดมการณ์ชีวิต
มุ่งสู่ทิศ พระรัตนตรัยในตัว
เส้นทางธรรม ไม่มืดมัว
อยู่นอกตัว แม้สว่าง แต่ทางตัน
แม้มีฤทธิ์ เหาะได้ เดินอากาศ
ถ้ายังไม่พบ พระไตรรัตน์ ในตัว
ก็ยังไม่ชนะกาม ใจยังระรัว
ยังลืมตัว..ลืมตน ไม่ทนกาม
ธรรมกาย พุทธแท้ มารแพ้พ่าย
มารไม่อาย ลดหางก้มหัวหนี
ยิ่งตียิ่งดัง ยิ่งดี
ใครศรัทธามี มิธรรมดา

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ตัณหามหากาฬ (ศรัทธามั่นละมันได้) เพียงดำริ ก็เกิดมี กามของคน ดำริ ง่ายเหลือล้น คนคิด ได้กิเลสตัณหา พาพูดผิดทำผิด ขาดความยั้งคิด ประมาทแท้

 ตัณหามหากาฬ
(ศรัทธามั่นละมันได้)


เพียงดำริ ก็เกิดมี กามของคน
ดำริ ง่ายเหลือล้น คนคิด
ได้กิเลสตัณหา พาพูดผิดทำผิด
ขาดความยั้งคิด ประมาทแท้

กามที่เที่ยงแท้ แน่นอน ไม่มี
สรรพสิ่งโลกีย์ หลังตาย หายหน้า
กฎไตรลักษณ์ กำกับชีวา
เหมือนหลับฝันแล้วตื่นขึ้นมา ว่างเปล่า

ความอิ่มในกาม ไม่มีในโลก
มีแต่ทุกข์โศก โลภ หิวกระหาย
ไม่เคยมี ความอิ่มหนำ ความพอใจ
ตัณหาตาลาย ยิ่งกินยิ่งหิว

ความอิ่มในกาม ไม่มีแท้
แม้ ได้สมบัติทั้งโลก ก็ไม่อิ่ม
 ยิ่งมียิ่งอยากได้มาก เหมือนสนิม
ไม่มีอิ่ม เท่าใดก็ไม่พอ

ทุกข์อื่นยิ่งกว่ากาม ไม่มี
เป็นทุกข์ที่ เวียนว่าย ในสังสารวัฏฏ์
อบายภูมิ คือคุกประหาร ชัด
คนมีกาม เหมือนนัด ลงอบายภูมิ

แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี
พัดพาสรรพชีวี สู่วัฏฏสงสาร
กิเลสกรรมวิบาก เชี่ยวกราก ใดไม่ปาน
เวียนว่ายอยู่อย่างนั้น ไม่มีวันจบสิ้น

ความอยาก ละได้ยากในโลก
เหมือนหนอน กับของสกปรก ชอบนัก
กามคุณห้า ละได้สุดยาก
มีศรัทธา เท่านั้นจัก ละอยากได้

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564

กามคุณห้า (พาเศร้าโศก) นรชนคนทั่วไป ย่อมเพลิดเพลินใน กามคุณห้า พระพุทธองค์ ตรัสตอบเทวดาว่า ไม่ใช่ กามคุณห้า นั่นหละ ทำให้ มีอาลัย สุดท้าย ก็เศร้าโศก

 

กามคุณห้า
(พาเศร้าโศก)

นรชนคนทั่วไป ย่อมเพลิดเพลินใน กามคุณห้า
พระพุทธองค์ ตรัสตอบเทวดาว่า ไม่ใช่
กามคุณห้า นั่นหละ ทำให้
มีอาลัย สุดท้าย ก็เศร้าโศก

กามคุณห้า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ห้าสิ่งนี้หละ เป็นที่พึงปราถนา ของอารมณ์
ผู้มีปัญญา ระวังนักหนา ไม่น้อมโน้ม
ใจปราศจากอารมณ์ จึงสงบนิ่งในตัว

ปล่อยใจไปตามอารมณ์ คนทั่วไปนิยมนัก
หารู้ไม่ว่า เป็นกับดัก ของพญามาร
ใจอยู่ภายนอก ไม่รู้หรอก เหมือนกัน
กับลูกแกะน้อยตัวกลั่น ประมาทสุนักป่า อันตราย 

กรรมวิบาก ได้โอกาศ รุกฆาตทันที
หอมหวนเหลือที่ เสน่หา กามคุณ
เป็นลิงติดตัง หรือเหมือนอย่างน้ำ ที่ปลาคุ้น
ทุกข์จนหัวหมุน ก็ยังหมกมุ่น โลกีย์กาม 

วนเวียนไป ในอบายภูมิ
ทุกข์รุมเร้าเท่าใด เหมือนไม่เบื่อหน่าย
ตายเกิดๆ ซ้ำซาก นับกาลไม่ได้
เมื่อเกืดใหม่ ก็ลืม คงดื่มด่ำกามคุณ

การมีสติ จึงมีคุณนัก ออกจากปลัก กามคุณ
ต้องเร่งลุ้น พัฒนาสติ หนีกรรมวิบาก
มีสติ อยู่ในตัว รู้อารามณ์ ดีนัก
ไม่ปล่อยให้พราก ไจหยุดอยาก รักษาอารมณ์

เมื่อมีสติ ก็ไม่มี ความเศร้าโศก 
เข้าสู่โลก..แห่งธรรม ตามทางสายกลาง
ทางสว่าง สายสมบัติ สุขใจจัง
กลางของกลาง ทางหลุดพ้นภัย ในวัฏฏะ

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เบ็ดมาร:: ในพาลสิกสูตร สอนว่า อย่าหลง กลืนเบ็ดมาร เราทั้งหลายนั้น คล้ายปลา เสาะหาเหยื่อ

เบ็ดมาร

ในพาลสิกสูตร สอนว่า
อย่าหลง กลืนเบ็ดมาร
เราทั้งหลายนั้น
คล้ายปลา เสาะหาเหยื่อ

รูป เสียง กลิ่น รสฯ
ทำมนุษย์ สุดฟั่นเฝือ
เป็นเหยื่อ ที่วิเศษสุด
ของมนุษย์ มะนา

อายตนะภายนอก๖
คือเหยื่อล่อ ตาขอเบ็ด
มนุษย์เสร็จ
ติดเบ็ด เหมือนปลา

พระ อุตส่าห์เตือน
ยังเฉื่อยชา
คนนี่หนา เหมือนม้า
ยอมให้มารา จูง

ไม่มีใครช่วยได้
ถ้าไร้ กัลยาณมิตร
ผู้มีจิต เมตตา
เกิดมา ช่วยมนุษย์

พระโพธิสัตว์ อุทิศตน
ทนสุดสุด
ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
รีบเร่งสุด สร้างบารมี

กามคุณ๕ เรียกขานว่า
สุขทางเนื้อหนัง
ไม่ใช่สุขจริงสุขจัง
ดัง ที่คิด

เป็นสุขประเดี๋ยวประด๋าว
ไม่ยืนยาว สมจิต
ทุกข์อนันต์ตามติด
คิดได้ ก็สายแล้ว

สุขทางเนื้อเหนัง เบาบาง
อย่างกะ ไอน้ำ
ส่วนน้ำดำ .. กาแฟ
คือทุกข์แท้ มหันต์

เปรียบกันไม่ได้
แต่คนตะกาย อยากได้มัน
เหล่าหมู่มาร สมใจ
หลอกคนวนได้ ในวัฎฎะ

การออกจาก กามคุณ
ได้บุญนัก
ได้บวชด้วยรู้จัก
เภทภัย ในกามคุณ

เลิกอยาก ลาหยอก
รีบออก จากความวุ่น
ไม่หมกมุ่น
มัวประมาท เป็นทาสกาม

กองกระดูกของเรา
สูงกว่าภูเขา หลวง
ตายเพราะห่วง กามา
ไม่อาจจะ นับชาติได้

เจ็บแล้วไม่จำ
กลับมาทำซ้ำอีก น่าเจ็บใจ
น้ำตาไหล
หลายกว่าน้ำใน มหาสมุทร 

การมีครอบครัว มีได้
ถ้าตั้งใจ สงเคราะห์
แต่ไม่เหมาะ
ถ้าใจ ยังไม่พร้อม

ต้องเป็นผู่ใหญ่
พึ่งพาตนได้ อย่างนี้ยอม
ถ้าดีพร้อม ควรได้บวชพระ
นั่นหละ ดีสุด

บางท่านคิดไปไกล
ห่วงใย มนุษย์จะสูญพันธ์ุ
ไม่สูญก็แล้วกัน
เพราะมัน เกิดแบบอื่นได้

เกิดแบบโอปปาติกะ
เกิดมา โตได้ทันใด
เหมือนดังใน
สมัย ยุคต้นกัป

;;;;;;;;;;