แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มีศีล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มีศีล แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

มีศีลมีสุข (หมดทุกข์โศกโรคภัย) เวทมนตร์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง ไม่เกี่ยวข้อง ทุกข์สุข ในปรโลก ส่วนศีล ที่บริสุทธิ์ดีแล้ว ไม่ตลก นำแต่สุข ไร้โศก สู่ปรโลกได้

 มีศีลมีสุข
(หมดทุกข์โศกโรคภัย)

เวทมนตร์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง
ไม่เกี่ยวข้อง ทุกข์สุข ในปรโลก
 ส่วนศีล ที่บริสุทธิ์ดีแล้ว ไม่ตลก
 นำแต่สุข ไร้โศก สู่ปรโลกได้

ถ้าเป็นพหุสูต มั่นคงดีในศีล
 บัณฑิตทั้งสิ้น ย่อมสรรเสริญเขา
ด้วยคุณ ๒ ประการ ไม่เบา
 ด้วยศีลของเขา และด้วยสุตะ

ผู้มีศีล ไม่มั่นคง
 แม้ดำรง เป็นอยู่ตั้งร้อยปี
ส่วนผู้มีศีล สดใสมีราศี
 มีชีวี อยู่วันเดียว ประเสริฐกว่า

พึงศึกษา ศีลในโลกนี้
เพราะศีลที่ ศึกษาดีแล้วนั้น
เสพแล้วในโลกนี้ เป็นสำคัญ
ย่อมแม่นมั่น นำมา ซึ่งสมบัติ
ผู้มีปัญญา เมื่อปรารถนาสุข ๓
 ความสรรเสริญ ความได้ทรัพย์
 และบันเทิงในสวรรค์ จึงยินดีรับ
การปฏิบัติ รักษาศีล
ผู้มีศีล ย่อมได้มิตรมาก
ด้วยความรู้จัก สำรวมตน
ส่วนผู้ไม่มีศีล ไม่อดทน
 ผู้คน หนีหน้า
เมื่อภิกษุมีมานะ ถือตัว ประมาท
ใจขาดสติ ไม่อยู่ในตน
ศีลสมาธิ และปัญญา จึงสับสน
ใจดิ้นรน หวังในภายนอก

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565

งามมารยาท (ธรรมชาติของผู้มีศีล) คนผู้ใด ไม่รู้จักประโยชน์ตน เป็นคน ไม่รู้จักเวลา ใครตักเตือนก็โกรธ โกรธา มีเลือดบ้า กาลกิณี ชอบ

 งามมารยาท
(ธรรมชาติของผู้มีศีล)


คนผู้ใด ไม่รู้จักประโยชน์ตน 
เป็นคน ไม่รู้จักใช้เวลา
 ใครตักเตือนก็โกรธ โกรธา
 มีเลือดบ้า กาลกิณี ชอบ

คนถือตน ขี้โกรธ โฉดเขลา
ปัญญาเบา อวดตน เป็นคนฉลาด
ขาดความเคารพ ไม่น้อมนบพระศาสน์
เป็นโอกาศ ของอกุศล ไหลล้นเข้ามา

พ่อแม่เตือนไม่ได้ ทำตาเขียวใส่ทันที
คนอัปปรีย์ กาลกิณี มิมีวันเจริญ
มีใจเปราะบาง เหลือเกิน
บุญเมิน บาปมา น้ำตาตก

คำสอนสั่ง ด้วยเมตตา เป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์
เป็นสัจจะ มีฤทธิ์ ต่อชีวิตเรา
ผู้เป็นลูกเป็นหลานเป็นศิษย์ มิอาจดูเบา
จงน้อมรับเอา ใส่เกล้า คำมงคล

คนดื้อดึงดื้อด้าน มันเป็นนิสัย
สะสมไว้..เป็นตะกรัน เนิ่นนานมา
เป็นอุปสรรค ของชีวิต น่าเวทนา
ต้องใช้เวลา มีสัจจะ พัฒนาตน

คนดี คือคนมีสติ รู้สึกตัว
เลิกเกลือกกลั้ว กับบาป ทีหยาบช้า
ตั้งปณิธานฝึกตน ทนกิเลส ตลอดเวลา
เข้าวัดเข้าวา แสวงบุญ สร้างบารมี

คนดี มีศีล ใจใสสด
หมดโกรธ ใจดี มีมารยาท
คนพาลระย่อ ยอมืออภิวาท
เป็นธรรมชาติ เทวดา ลงรักษาผู้มีศีล

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

คนดีมีปัญญา (แต่ทว่าต้องมีศีล) คนมีปัญญา แม้ว่า มีความรู้ความสามารถแล้ว ยังต้องเข้าแถว..ฝึกฝน เป็นคนมีวินัย มิฉนั้น มันจะกลายเป็นอาวุธ มหาประลัย เป็นปัญญา นอกศูนย์กลางกาย ไร้ความเมตตา

 คนดีมีปัญญา
(แต่ทว่าต้องมีศีล)

คนมีปัญญา แม้ว่า มีความรู้ความสามารถแล้ว
ยังต้องเข้าแถว..ฝึกฝน เป็นคนมีวินัย
มิฉนั้น มันจะกลายเป็นอาวุธ มหาประลัย
เป็นปัญญา นอกศูนย์กลางกาย ไร้ความเมตตา

มิจฉาสมาธิ นี้น่ากลัว
สว่างไสว อยู่นอกตัว นอกศูนย์กลางกาย
มีฤทธิ์อานุภาพ ทำลายล้าง ยิ่งใหญ่
ระเบิดพลีชีพก็ใช่ สละได้ แม้ชีวิต

การมีสติสัมปชัญญะ ถึงว่า สำคัญยิ่ง
คนรู้ไม่จริง..มีเยอะ เลอะเทอะกันไป
แล้วก็อวดดื้อถือดี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
น่าเวทนาคนทั้งหลาย ที่หลงไปศรัทธา 

พญามาร คือตัวการใหญ่
ปิดกั้น..ความจริงไว้ ด้วยอวิชชา
วิชชาธรรมกายเท่านั้น สู้มันได้ มารา
สัมมาสมาธิ ผ่านศูนย์กลางกายา ของตน

กายมนุษย์ จึงสุดวิเศษ
เป็นแหล่ง ของความสุขความสำเร็จ และชัยชนะ
ทางสายกลาง ทางสว่าง ทางอริยะ
เป็นทางพระ ทางบริสุทธิ์ ทางหลุดพ้น 

ไม่ผ่านศูนย์กลางกาย หาพระรัตนตรัยไม่พบ
จะประสพ..แต่ความว่างเปล่า เข้าทางมาร
แล้วก็อวดดื้อถือดี ดึงดัน
อวดฤทธิ์แข่งกัน มารหัวเราะร่า

ศีลนั้นหรือ คือยอดวินัย
จะเป็นคนดีได้ จึงไม่อาจขาดศีล
รักษาความสะอาด เป็นระเบียบ มีมารยาท เป็นอาจิน
ศีล..ถ้ารักษาไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์

;;;;;;;;;;