วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

นินทาว่าร้าย (หาภัยใส่ตน) ผู้ไม่ถูกนินทา หามีไม่ ในโลก น่าตลก ทุกคนบนโลก ถูกนินทาทั้งนั้น แต่ก็เป็นความจริง พระพุทธองค์ท่าน ทรงตรัสไว้อย่างนั้น แม่นมั่นความจริง

 นินทาว่าร้าย
(หาภัยใส่ตน)


ผู้ไม่ถูกนินทา หามีไม่ ในโลก
น่าตลก ทุกคนบนโลก ถูกนินทาทั้งนั้น
แต่ก็เป็นความจริง พระพุทธองค์ท่าน
ทรงตรัสไว้อย่างนั้น แม่นมั่นความจริง

แม้บริสุทธิ์สะอาด ดังสังข์ขัดก็ตาม
ก็ไม่ได้ความ สำหรับคนมิจฉาทิฏฐิ
คนเหล่านี้ เป็นคนแสลงดี
เป็นคนพาล พาลี คนบาปหนา

การนินทาว่าร้าย ใจได้บาป
ไม่คุ้มกับ..ความมัน กระสันนัก
ความคิดร้าย ว่าร้าย ได้บาปหนัก
จมปลักตัณหา อุปาทาน

นินทาคนดี ยิ่งมีบาปหนัก
แทนที่จักเคารพรัก น้อมนบความดี
เอาบุญใส่ตนได้ง่ายๆ ฟรีๆ
กลับห่างคนดี ไปมีเพื่อนชั่ว

เมื่อถูกนินทา จงรู้ท่า อย่าใจตก
คนบนโลก ล้วนถูกนินทา
ไม่เว้นแม้แต่องค์ พระพุทธา
แล้วเรานั่นหรือ จะ..รอด

คนดี มีความเคารพ เห็นประจัก
ตระหนัก ในความดี แม้เขามีน้อย
พูดให้กำลังใจ ยกให้ลอย
ผู้น้อย ยิ้มได้ ฝักใฝ่ทำดี

การนินทาว่าร้าย เหมือนไฟไหม้ป่า
ได้บาปหนา ใจหดหู่
สิ่งร้ายๆ ภัยนาๆ ไหลมาสู่
จงตั้งสติรู้ อย่าเป็นผู้ นินทาว่าร้าย

;;;;;;;;;

ขันติคุณธรรม (สำหรับสร้างบารมี) อ่อนไปก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีเวรภัย ขันติเท่านั้นใช้ อยู่ได้สบาย ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป ได้บารมีใหญ่ ปราบภัยพาล

 ขันติคุณธรรม
(สำหรับสร้างบารมี)

อ่อนไปก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีเวรภัย
ขันติเท่านั้นใช้ อยู่ได้สบาย
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ได้บารมีใหญ่ ปราบภัยพาล

ไม่สู้ เป็นผู้ ไม่ว่าร้ายทำร้าย
ไม่หนีไปไหน อดทนอดกลั้น
รักษาความดี สุดชีวัน
จะเกิดอัศจรรย์ พลิกผันชีวิต

ขันตีปรมังโตติกขา คาถาปราบมาร
พระพุทธองค์ท่าน ตรัส
ในโอวาทปาฏิโมกข์ ชัด
เผยแผ่พระศาสน์ ขจัดปัญหา

เมื่อมีปัญหา จงตั้งสติ ไม่ตื่นตกใจ
ถึงเวลาใหญ่ ได้บารมี
นึกถึงพระพุทธคุณ และขันติ
ทำความดี เรื่อยไป ไม่มีท้อ

ความดีเหมือนน้ำ ชำระล้าง
บาปคั่งค้าง อยู่ในใจ ตัวปัญหา
ทำความดี มีขันติ มีศรัทธา
ล้างบาปหนา ที่เคยทำไว้ในอดีต

บัณฑิตมีขันติ เป็นอาวุธ สุดวิเศษ
ดับเหตุ เภทภัยทั้งหลาย
ศัตรูกลายเป็นมิตร กลับตัวกลับใจ
สุขทั้งตนและคนทั้งหลาย ทั่วหล้า

ฝึกขันติ ก็คือ ทานศีลภาวนา
เดินทางสายกลางนั่นหละ ใช่
ทำใจหยุดใจนิ่ง แสนยิ่งใหญ่
บุญหลั่งไหล จากพระนิพพาน

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เกลียดธรรมนำทุกข์ (รักธรรมนำสุขสม) ผู้เกลียดธรรม คือผู้เสื่อม ด้วยจิตไม่เลื่อม ไม่ใส มีความขุ่นข้อง หมองใจ ทุรนทุราย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ

 เกลียดธรรมนำทุกข์
(รักธรรมนำสุขสม)


ผู้เกลียดธรรม คือผู้เสื่อม
ด้วยจิตไม่เลื่อม ไม่ใส
มีความขุ่นข้อง หมองใจ
ทุรนทุราย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ

ธรรม คือความดีงาม ความบริสุทธิ์
ใจผ่องผุด ประดุจตะวัน
กินได้นอนหลับ ใจเบิกบาน
ทุกสิ่งอัน สำเร็จสมปราถนา

คนเกลียดธรรม ใจฉ่ำด้วยบาป
เหมือนกับ คนติดสุรา เรียกหาแต่เพื่อนชั่ว
พากันเฮฮา เมามัว
ลืมตนลืมตัว ลืมครอบครัวญาติมิตร


คนเกลียดธรรม ดื่มสุรา เป็นอาจิน
สติสิ้น เห็นดอกบัวเป็นกงจักร
เดินทางผิด น่าเวทนานัก
จมปลัก ตัณหากามคุณ

คนเกลียดธรรม ปล่อยยามเวลา
ที่มีค่า เวลาของมนุษย์
ไม่รู้จักแสวงบุญ สร้างบารมี สุด
เป็นมนุษย์ สุดประเสริฐแสวงบุญ

คนเกลียดธรรม เพลินล้ำ การละเล่น
ไม่ว่าจะเป็นหนัง เป็นละคร
การร้องการรำ การฟ้อน
ตะลอนๆ ตามดู เหมือนหมู่แมลง

คนเกลียดธรรม ชอบล้ำ การพนัน
สนุกสนาน ลุ้นกัน มันสุด
ลืมอนาคต หมดสิ้น ความเป็นมนุษย์
ประมาทสุดสุด ประดุจปลา

คนเกลียดธรรม แน่ล้ำ คบเพื่อนชั่ว
เมามัวตัณหา พาฉิบหาย
ความทุกข์ยาก ปัญหา ความเจ็บไข้
คบคนพาลจัญไร เป็นเหตุ

คนเกลียดธรรม แน่ล้ำ เกลียดคร้าน
การงาน ย่อมมีปัญหา
ไม่อาจดูแลครอบครัว และญาติกา
เมื่อได้เป็นหัวหน้า ย่อมพาฉิบหาย

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ผู้ให้ (ย่อมได้เป็นที่รัก) ผู้ให้ ย่อมได้เป็นที่รัก ใจอบอุ่นยิ่งนัก รักสามัคคี ใจนุ่มนวล ควรแก่การงาน เหลือที่ สุขสมปราถนา ย่อมมี ในชีวิต

ผู้ให้
(ย่อมได้เป็นที่รัก) 

ผู้ให้ ย่อมได้เป็นที่รัก
ใจอบอุ่นยิ่งนัก รักสามัคคี
ใจนุ่มนวล ควรแก่การงาน เหลือที่
สุขสมปราถนา ย่อมมี ในชีวิต

ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
สำคัญหลาย ได้เพื่อนดี
สามัคคีรวมใจ พ้นภัย สร้างบารมี
เหมือนหมู่สุกรสามัคคี ชนะราชสีห์ได้

ผู้ให้ ใจกว้าง ไม่อ้างว๊างโดดเดี่ยว
อยู่คนเดียว ก็สุขได้
เป็นสุขสันโดษ จิตปราโมทย์สดใส
บุญจากพระนิพพาน หลั่งไหล มิขาด

คนพาล ปล่าวเปลี่ยว อยู่คนเดียวไม่ได้
ด้วยใจ ไม่อยู่ ไม่หยุดไม่นิ่ง
ใจห่อเหี่ยว กระหาย เหมือนผีสิง
แถมร้อนใจยิ่ง เหมือนไฟรน

คนทั่วไป แม้ไม่ใช่คนพาล แต่ทานไม่เอา
มีการศึกษาสูง เปล่าๆ ไม่เอาทาน
ไม่เอาไม่ว่า แถมยังต่อต้าน
น่าคิดน่าสงสาร การศึกษาทางโลก

โลกโลกีย์ สอนให้คนมีทรัพย์
แต่ไม่กำกับ ด้วยคุณธรรม นำชีวิต
สอนให้คนเก่ง แต่ไม่ดี ไม่สุจริต
เป็นคนอำมหิต บัณฑิตโจร

คนทั้งหลาย ไม่ใช้คุณธรรมนำชีวิต
เป็นคนคิด..หา แต่ทรัพย์สมบัติ
เป็นคนตระหนี่ ทรัพย์วิบัติ
เป็นเพชรฆาต นำชีวาตสู่อบาย

;;;;;;;;;;

ยอดคน (คนยอมคน) คนยอมคน ทนฟังได้ แม้เขาจะพูดร้าย หรือไม่ถูกใจก็ตาม เป็นคนไม่ธรรมดา ชนะตนอย่างงาม ใครก็ตามทำได้ ใช่ นักสร้างบารมี

 ยอดคน
(คนยอมคน)


คนยอมคน ทนฟังได้
แม้เขาจะพูดร้าย หรือไม่ถูกใจก็ตาม
เป็นคนไม่ธรรมดา ชนะตนอย่างงาม
ใครก็ตามทำได้ ใช่ นักสร้างบารมี

เหมือนคุณยายอาจารย์ ท่านเข้าวัดปากน้ำ
ถูกรุมสกรัม ด้วยคำพูด
ท่านทนได้ จึงอยู่ได้ บารมีสุด
นั่งธรรมะอุตลุด ไปสุดธรรม

บุคคลิกนักสร้างบารมี เอ่ยวจีน้อย
ถ้าพูดต่อยหอย นี้ไม่ใช่
พูดถูกกาละ มีเมตตา เอ่ยออกไป
พูดเจาะใจ ใช้วาจาสุภาษิต

คนยอมคน เหมือนยอมแพ้ แต่ไม่หนี
รักสามัคคี จึงมิพูดร้าย มิทำร้าย
อดทนอดกลั้น ทำความดีเรื่อยไป
ชนะใสใส ได้ด้วยบารมี

คนพาล ชอบระราน ดูเหมือนชนะ
นั่นหละ ท่านว่า ทำร้ายตน
ทำลายความดี ที่เลิศล้น
ที่ตน อุตส่าห์สั่งสมไว้ ในอดีต

พุทธศาสนา วิชชาชีวิต
อจินไตย เกินคิด ปุถุชน
ศรัทธา จึงประเสริฐเหลือล้น
ทำให้คนเข้าวัด ปฏิบัติธรรม

มหาปูชนียาจารย์ ท่านช่างยิ่งใหญ่
ทำให้เราทั้งหลาย มีศรัทธา
มิฉนั้น ก็ไม่ต่างกับไก่กา
ที่ไม่รู้จักสร้างวาสนา บารมี

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

วาจาสิทธิ์ (ด้วยจิตเมตตา) พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น สุดสำคัญ ท่านได้ สัจจะบารมี เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ทางวจี สุขสมปราถนาในทุกที่ ย่อมมีมา

 วาจาสิทธิ์
(ด้วยจิตเมตตา)


พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น
สุดสำคัญ ท่านได้ สัจจะบารมี
เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ทางวจี
สุขสมปราถนาในทุกที่ ย่อมมีมา

ส่วนคนเหลวไหล เชื่อไม่ได้ในคำพูด
แย่สุด พูดแล้วคนไม่ฟัง
หมดความเชื่อถือ ทุกคนหันหลัง
ทุกคนเกลียดชัง คนตระบัดสัตย์

เป็นหมาหัวเน่า น่าเศร้าแท้
ชีวิต มีแต่..พังกับพัง
 ยากนัก ที่จักหันหลัง
ละล้าละลัง ทุกข์หนัก

การพูดนั้นง่าย แต่บาปหลายเกินคิด
คนวาจาสิทธิ์ ต้องคิดก่อนพูด
ฝึกจิตให้มีเมตตา จึงดีสุด
คิดก่อนพูด จึงจะเกิดขึ้นได้

ผู้มีสัจจะ จะไม่พูด วาจาสี่
หนึ่ง ไม่พูดวาจาที่ เป็นเท็จ
สอง ไม่พูดวาจาที่ส่อเสียด อันเป็นเหตุ
เกิดอาเพท ทะเลาะเบาะแว้ง

สาม ไม่พูดวาจา ที่หยาบคาย
อันบ่งบอกถึงนิสัย ตลาด
สี่ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ใครๆขยาด
น่าเบื่อขนาด น่าระอา

จิตเมตตา จึงจะมีวาจาสุภาษิต
เป็นวาจาชนิด สะกิดใจคนฟัง
เกิดปัญญา มีศรัทธา ประดัง
หันหลัง..ให้ตัณหา หันหน้าเข้าวัด

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

คนยอมคน (คนศักดิ์สิทธิ์) คนยอมคน ยากนัก จึงศักดิ์สิทธิ์ เหมือนคุณยายฯ เลิศฤทธิ์ ทุกคนรู้ อดทนอดกลั้น ต่อวาจาทุกผู้ ยายฯไม่สู้ไม่สน ทนนิ่งได้

 คนยอมคน
(คนศักดิ์สิทธิ์)


คนยอมคน ยากนัก จึงศักดิ์สิทธิ์
เหมือนคุณยายฯ เลิศฤทธิ์ ทุกคนรู้
อดทนอดกลั้น ต่อวาจาทุกผู้
ยายฯไม่สู้ไม่สน ทนนิ่งได้

อดทนอดกลั้น นั้น ไม่ใช่ขี้แพ้
แต่ เป็นผู้ชนะ ไม่ถือสาใคร
รักษากายวาจา และใจใส
ทำความดีเรื่อยไป ได้บารมี

พระเอกนางเอกในหนัง ตัวอย่างยอมคน
จากคนจนๆ ทนสู้ มาสู่บางกอก
ขยัน หมั่นทำ มีแต่ดีกับดี ไม่เอาวอก 
แม้จนตรอก ก็สู้ อยู่กับความดี

ทำดีย่อมได้ดี แต่ต้องมีขันติ
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ได้บารมี ปราบมาร พ้นภัย
ได้รางวัลใหญ่ ได้เป็นพระเอกนางเอก

เอาชนะความชั่ว ด้วยความดี
เอาชนะความตระหนี่ ด้วยการให้
มีสัจจะ เอาชนะคนเหลวไหล
เอาชนะกิเลสร้าย ด้วยบารมี

คนยอมคน ชนะตน ทนกิเลสะ
ได้จาคะ สละตัณหาได้
เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ทางใจ
คนยอมคน จึงไม่..ธรรมดา

คนทั้งหลาย ไม่มีใครยอมใคร
ชนะคนได้ แต่แพ้ภัยตน
หมู่มารหัวเราะลั่น ทำให้คนหลงกล
ต้อนเอาแทบทุกคน ไปอบาย

;;;;;;;;;;