วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563

พระเป็นเช่นดวงตะวัน (เฉิดฉัน สำคัญต่อชีวิต):: ปาฏิโมกข์ คือ พุทธบัญญัติ ให้สงฆ์ปฏิบัติ เป็นวินัย๒๒๗ข้อ เพื่อความอยู่ดี สามัคคี งามละออ เป็นผู้ขอ ที่น่าให้ ใจศรัทธา

พระเป็นเช่นดวงตะวัน 
(เฉิดฉัน สำคัญต่อชีวิต)
ปาฏิโมกข์ของพระ คือ พุทธบัญญัติ
ให้สงฆ์ปฏิบัติ ไม่อาจขัดต่อ วินัย๒๒๗ข้อ
เพื่อความอยู่ดี สามัคคี งามละออ
เป็นผู้ขอ ที่น่าให้ ใจศรัทธา
สงฆ์ลงอุโบสถ ฟังสวด ปาฏิโมกข์
ศีลพระยก ชำระ สระสางใส
 ขึ้นและแรม๑๕ค่ำ ทำทุกกึ่งเดือน ตลอดไป
 ลืมเลือนไม่ได้ อาบัติใหญ่ วินัยมี
มี๑๐ข้อยกเว้นไว้ ไม่จำเป็นต้องสวด
หนึ่ง เร็วรวด ไม่สวด เมื่อพระราชาเสด็จมาถึง
สอง หมู่โจร บาปหนา มาขอพึ่ง
สาม ไฟไหม้ ลามมาถึง จึงต้องหนี
สี่ น้ำหลากมา หาที่หลบก่อน
ห้า มหาชนหนีร้อน อยู่เต็มวัด
หก ผีเข้าพระภิกษุ ดุชมัด
เจ็ด มีสัตว์เข้ามา อึงคนึง
แปด มีงูร้าย ต้องแยกย้ายหนี
เก้า ภิกษุอาพาทมี รีบรักษา
สิบ มีอันตรายต่อพรหมจรรย์ รีบไคลคลา
องค์พระพุทธา ผ่อนผันไว้ ไม่ต้องสวด
ปาฏิโมกข์มีสอง ลอง ศึกษา
 ทรงแสดงเองครั้งเดียวเท่านั้นหละ ตลอด๒๐พรรษาแรก
  เรียกว่า โอวาท ปาฏิโมกข์ ไม่แปลก
แล้วจึงมีอาณาปาฏิโมกข์แรก ของสงฆ์ตามมา
สวดทวนพระวินัย ศีลใหญ่๒๒๗ข้อ
 ต่อหน้าสงฆ์ ทั้งวัด นั่งหัตถบาส 
รูปหนึ่งสวด อีกรูปตรวจ ไม่ขาด
สงฆ์ในวัด ได้บุญญา ชำระศีล
 พระวินัย  เมื่อได้ชำระ ให้บริสุทธิ์
 จะประดุจ เป็น เช่นน้ำทะเล
 พัด ขจัดสิ่งแปลกปลอม พระเก๊
 บวชเอาเท่ กินข้าว เอาแต่เล่น
ชำระวินัย ได้อายุ พุทธศาสนา
เท่ากับว่า ได้รักษา โลก
 สงเคราะห์สรรพสัตว์ ขจัด ทุกข์โศก
สวดปาฏิโมกข์ ยิ่งใหญ่ ไม่ธรรมดา
สวดปาฏิโมกข์ ได้ชำระ คณะสงฆ์
ให้มั่นคง ดำรง ในศีล
 โยมศรัทธา หาบุญญา เป็นอาจิน
 ทั่วถิ่น กินดี อยู่ดี มีสุข
สวดปาฏิโมกข์ แก้โรค ขาดสามัคคี
ศีลเสมอดี สามัคคี เกิดขึ้น
หมู่มารขยาด ไม่บังอาจ ได้แต่ยืน
ได้แต่ฝืน เพ่งจ้อง หาช่อง ไม่เจอ
สวดปาฏิโมกข์ ไม่อาจขาด
 ช่วยขจัด ภัยใหญ่ ให้สังคมได้
เหมือนพระอาทิตย์ ขึ้นแล้วตก ทุกวันไป
หารู้ไม่ ทำประโยชน์ใหญ่ ให้โลก
สวดปาฏิโมกข์ นั้นดี จึงมีพุทธบัญญัติ
 สุดที่จัก คนทั่วไป เข้าใจได้
พระปัญญา องค์พระพุทธ สุดยิ่งใหญ่
จึงบัญญัติไว้ ให้สวดปาฏิโมกข์

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2563

มีความสามารถ (ฉลาด แต่แฉลบ) :: ขยันและอดทน ไม่พ้น มีความสามารถ แต่ถ้าขาดสัจจะ ก็หาประโยชน์ไม่ได้ เอาแต่ใจตน เป็นคนไม่เอาใจใคร นั่นแหละใช่ หัวหน้าใหญ่ เผด็จการ

มีความสามารถ
(ฉลาด แต่แฉลบ)
ขยันและอดทน ไม่พ้น มีความสามารถ
แต่ถ้าขาดสัจจะ ก็หาประโยชน์ไม่ได้
เอาแต่ใจตน เป็นคนไม่เอาใจใคร
นั่นแหละใช่ หัวหน้าใหญ่ เผด็จการ
สัจจะแท้ มีแต่ในศาสนาพุทธ
มีใจบริสุทธิ์ เข้าถึงพระรัตนตรัย
หมดกิเลส เหตุแห่งความไม่จริงใจ
มหาชนรักใคร่ เทอดท่านไว้เหนือเศียร
โลกทั้งสิ้น แผ่นดิน จะเป็นผืนเดียวกัน
ไม่มีเขตแดนกั้น อยู่กันฉันพี่น้อง
สมัครสมาน รักใคร่ปรองดอง
 แผ่นดินทอง ของพระเจ้าจักรพรรดิ์
สัจจะไม่แท้ เอาแต่พวกตน
ไม่รู้จักฝึกฝน ทนกิเลส
ไม่รู้จักละนิสัยเสีย ซึ่งกิเลสเป็นเหตุ
แบ่งแยกเป็นประเทศ ไม่ล้ำเขตกัน
 สัจจะ คือความจริงจัง จริงใจ จริงแท้
 อบอุ่นแท้ เมื่อได้อยู่ใกล้ท่าน
รู้สึกปลอดภัย ปีติใจเหลือประมาณ
เคารพบูชาท่าน มุ่งมั่นปฏิบัติตาม
พระธรรมกาย พระรัตนตรัยในตัว เป้าหมายชีวิต
มุ่งมั่นสุดขีด เป็นอุดมภ์การ
อุดมภ์การอย่างอื่น ลวงทั้งนั้น
ถูกพญามาร ตัวร้าย ใส่กิเลส
ยากหลาย ที่คนทั่วไปจะรู้ จะดูออก
ก็เห็นๆอยู่ ตาก็บอก ว่ามันดี
มีอำนาจวาสนา รวยอื้อซ่า เปรมปรี
ยศฐาบรรดาศักดิ์ก็มี ที่สุดแล้ว
พระพุทธองค์ ผู้ตื่นผู้รู้ ดูออก
พระองค์ไม่ดูข้างนอก แต่ดูข้างใน
ดูด้วยพุทธจักขุ กระจ่างใส
 พุทธญาณยิ่งใหญ่ เห็นภัยกิเลส
เห็นการเวียนว่าย เห็นภัยในวัฏฏะ
ทุกขเวทนา น้ำตา มากกว่าน้ำมหาสมุทรทั้งสี่
ทุกข์ในอบายภูมิ นรกอเวจี
ทุกข์เหลือที่ ชีวิตนี้มีแต่ทุกข์

 ;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

พระภิกษุ (เป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย ไม่ใช่มักง่าย) :: พระภิกษุสมณะ ทหารกล้ากองทัพธรรม ออกรบ ปราบไอ้ดำ หมู่มาร เผากิเลส ปราบอธรรม ไม่เว้นวัน สะเบียงอาหาร ของท่าน คือบารมี

พระภิกษุ
(เป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย ไม่ใช่มักง่าย)
พระภิกษุสมณะ ทหารกล้ากองทัพธรรม
ออกรบ ปราบไอ้ดำ หมู่มาร
เผากิเลส ปราบอธรรม ไม่เว้นวัน
สะเบียงอาหาร ของท่าน คือบารมี
เมื่อมีบารมี อยู่ที่ใดก็หนีไม่พ้น
จะมีหมู่ชน ผู้มีศรัทธา พากันไปถวาย
ปัจจัยสี่ มีกินมีใช้ สะบาย
น่าอัศจรรย์ใจ ในอานุภาพบารมี 
ท่านกอบกู้สรรพสัตว์ ให้พ้นหัตถ์มาร
น่าสงสาร ถูกพันธนาการ ด้วยกิเลส
เดินตามกันเป็นสาย ไม่ระแวงภัยเภท
เหมือนฝูงเป็ด เดินตามไป หากินไป ไม่คิด
พระไม่ใช่โฮมเลส สังเกต ให้ดี
พระมีบ้าน แต่ก็พากัน มาอยู่วัด
รวมกันเราอยู่ สู้กิเลสมาร ธรรมปฏิบัติ
 บ้านเมืองเจิดจรัส ด้วยศีลสัตย์ ศาสนา 
ชีวิตพระ เปรียบได้ คล้ายตะวัน
ส่องแสงเฉิดฉัน ให้ความสุขสันต์ แก่สรรพสัตว์
แต่หมู่มนุษย์ดูดาย ไม่ใส่ใจ ธรรมปฏิบัติ
ไม่รู้ จึงทำลายธรรมชาติ และดวงตะวัน 
ชีวิตพระภิกษุ ดูดูคล้ายนก
โผผก บินไปไหนๆ ได้ง่ายๆ
ไม่มีบ่วง ห่วงหา อาลัย 
 มีบาตรใบ คล้ายกะลา คนจึงว่าคล้ายโฮมเลส
พระมีวินัยอริยะ จึงประเสริฐ
ผิวพรรณวรรณะบันเจิด ล้ำเลิศบุคคลิกภาพ
ใครได้เห็นระย่อ ยอมือ กราบ
มีปีติซึมซาบ บุญประทับ รับโชคชัย
คนพาลมองพลาด เห็น เป็นโฮมเลส 
น่าสมเพช ไม่เห็นเพชรในตม
หรือเหมือนไก่เห็นพลอย โง่บรม
กิเลสมันทับถม จมอยู่ในอวิชชา
 พระมีวินัย ใส่ใจ ใฝ่ฝึกฝน
ใช้เวลา ฝึกตน พ้นกิเลส
ครูทางธรรม นำมหาชน พ้นภัยเภท
  เป็นโฮมเลส ไม่มีบ้าน เพราะท่านได้สละ
ขาดพระ ไม่อาจจะ เดินทาง
เป็นประทีป ส่องสว่าง ทางชีวิต
เปิดเผยทางพ้นทุกข์ กรณียกิจ
เข้าสู่ชีวิต ประเสริฐ บันเจิดจ้า
กินง่ายอยู่ง่าย นั้นดี แต่ต้องมีวินัย
 บริสุทธิใส นี่แลใช่ มนุสโส 
  ต่ำกว่าวินัย มักง่าย และโง่
มีตัวโต  นั่นหละเป็น เช่นโฮมเลส
  
;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563

ปุพพเปตพลี (เป็นกิจกรณีย์ของบุตรหลาน):: บุญไหลได้ คล้ายๆ น้ำ ตามแรงอธิษฐาน สู่ท่าน รับอุทิศ แม้อยู่ไกล ก็ให้ สำเร็จกิจ บุญอุทิศ อันเป็นพลี นี้สำคัญ

ปุพพเปตพลี
(เป็นกิจกรณีย์ของบุตรหลาน)
บุญไหลได้ คล้ายๆ น้ำ 
 ตามแรงอธิษฐาน สู่ท่าน รับอุทิศ
แม้อยู่ไกล ก็ให้ สำเร็จกิจ
บุญอุทิศ อันเป็นพลี นี้สำคัญ
น้ำอยู่ที่ใดๆ จะไหลลงทะเล
กักขังไว้ไม่ได้ จบเห่ เป็นภัย อย่างใหญ่หลวง
บุญยิ่งล้ำ ใครขวาง ทะลุทะลวง
บารมีล่วง ล้ำ อำนาจมาร
สมัยพุทธกาล ท่าน สารีบุตร
นางเปรตผุด ให้เห็น ในที่จงกรม
ผอมดำ เปลือยกาย สะหยายผม
 ข่ม ใจถาม ความต้องการ
นางเปรต ได้เล่า กล่าวว่า
เป็นโยมมารดา เมื่อ ๕ ชาติก่อน
 แสนระกำ ไม่เคยอิ่มหนำ ไม่มีที่นอน
ทุกข์ร้อน แสนสาหัส ปัดเป่า ให้แม่ด้วย
พระสารีบุตร สุด สมเพช
  แม่เป็นเปรต ท่านอยู่ในเขต อรหันต์
โยมแม่กรรมหนัก มาก เป็นอนันต์
จึงผายผัน ทำบุญ แทนคุณ มารดา
บุญส่งผล เกิดใหม่ ในเทวโลก
หมดทุกข์โศก มีวิมาณ ตระการตา
นึกถึงคุณของบุตร สุดนิยม จึงลงมา
พระโมคคัลลานะ ผ่าน ได้พานพบ 
  กลับมาทูล พระ พุทธองค์
 จึงทรง ถือโอกาส ประกาศ
ว่าการอุทิศ เป็นกิจ ที่อาจ
สามารถอุทิศ เป็นกิจ ของบุตรหลาน
ปุพพเปตพลี เป็นสิ่งดี ต้องทำ
กรณียกิจบุญล้ำ แต่ทำได้ ง่ายๆ
มีผู้เลี้ยง ผู้รักษา แสนสะบาย
วิเศษหลาย ได้รู้ ได้อยู่เย็น เป็นชาวพุทธ

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

หัวใจเศรษฐี (ประหยัดสุดประโยชน์สูง มุ่งขจัดตระหนี่) :: อุตตฐานสัมปทา ขยันหาทรัพย์ เป็นเหมือนกับ ประตูหน้า หัวใจเศรษฐี ประกอบสัมมาอาชีวะ อาชีพสุจริตดี เดินสายกลาง เต็มที่ ทานศีลภาวนา

หัวใจเศรษฐี
(ประหยัดสุดประโยชน์สูง มุ่งขจัดตระหนี่)
อุตตฐานสัมปทา ขยันหาทรัพย์
เป็นเหมือนกับ ประตูหน้า หัวใจเศรษฐี
 ประกอบสัมมาอาชีวะ อาชีพสุจริตดี
เดินสายกลาง เต็มที่ ทานศีลภาวนา
  ความขยัน ยึดมั่น ความดี
ขยันถูกที่ มีมานะ บากบั่น
 ไม่ตัดพ้อ ไม่ย่อท้อ ฝ่าฟัน
ยึดมั่น ความดี แม้ไม่มี จะกิน
ไม่นานเกินรอ ขอ ให้อดทน
บุญเหลือล้น เมื่ออดทน ได้
เป็นบารมี ไล่บาปหนี ไกล
ชีวิตไสว สมปราถนา ทุกประการ
ขยันทำชั่ว ทำตัว ไหลลื่น
 ตาไม่ตื่น ไหลไปไหน ไม่รู้
 ลอยตามน้ำ ไหลลงต่ำ เดี๋ยวน่าดู
กว่าจะรู้ อยู่กลางทะเล จบเห่เลย
คนไม่รู้ มากเกิน เพลินทำชั่ว
เมามัว อบายมุข สนุกกัน
 เหมือนวัวควาย เดินไป สู่แดนประหาร
 น่าสงสาร ล้วนพี่น้อง พวกพ้อง ของเรา
อารักขสัมปทา ขยันรักษาทรัพย์
รายรับมีน้อย ใช้สอย ประหยัดสุด ประโยชน์สูง
มีวินัยดี สะอาด ระเบียบ มารยาท มีจิตมุ่ง
ใช้ชีวิตให้สูง..ส่ง ดำรงฐานะเป็นผู้ให้ ไว้เสมอ
กัลยาณมิตตตา รู้จักคบหาแต่คนดี
คือคนที่ ขอบเข้าวัด ปฏิบัติธรรม
พาแสวงบุญ สร้างบารมี ไม่พาลงต่ำ
มีบุญค้ำ เลิศล้ำชีวิต
สมชีวิตา รู้จักจ่ายทรัพย์ที่หามาได้
ไม่ใช่ เอามาเก็บกักไว้ กลายเป็นตระหนี่
หรือใช้เกินฐานะ กระทั่งว่าเกิดหนี้
ใช้ให้สมกับชีวี นี้มี๕ประการ
หนึ่ง ใช้หนี้เก่า  คือเลี้ยงผู้เฒ่า บุพการี
อีกทั้งญาติบรรดามี และเพื่อนยา
สอง ให้เขากู้ คือเลี้ยงดู บุตรธิดา 
สาม ใส่ปากงู คือให้ภรรยา เก็บไว้ ในคราวจำเป็น
สี่ ทิ้งลงเหว คือใช้จ่ายประจำวัน
ห้า ฝังดินไว้ คือ ทำบุญทำทาน สม่ำเสมอ
ขจัดความตระหนี่ ถี่เหนียว นั่นแหละเธอ
อย่าเบลอ กิน นอน เล่น ไม่เป็นการ

;;;;;;;;;;