แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คนเทวดา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คนเทวดา แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2566

คนเทวดา (รักษาคนดี) คนเหมือนกัน ไม่เหมือนกัน พระท่าน ให้ชื่อไว้ คนละอย่าง หนึ่ง มนุสสเปโต ดุจัง สอง กลางๆ มนุสสมนุสโส

คนเทวดา
(รักษาคนดี)

คนเหมือนกัน ไม่เหมือนกัน
 พระท่าน ให้ชื่อไว้ คนละอย่าง
หนึ่ง มนุสสเปโต ดุจัง
สอง กลางๆ มนุสสมนุสโส

สาม ดีมากๆ มนุสสเทโว
ดูเก๋โก้  คนเทวดา
อย่างแรกนั้น ไม่ใช่มนุษย์มนา
แต่ว่า มาจากนรก
มนุสสเปโต มนุษย์เปรต
สังคมเกิดภัยเพท เพราะเปรตลง
กินไม่อิ่ม มีเท่าใด ไม่พอถม
ประชาระทม แร้นแค้น
มนุสสมนุสโส มนุษย์แท้
รักษาศีลห้า แน่วแน่ ใจใส
เห็นได้ มารยาท งามวิไล
คนดีใจ อยากอยู่ใกล้ชิด สนิทสนม
มนุสสเทโว คนเทวดา
เหมือนลงมาจากฟ้า รักษาคนดี
แสวงบุญ สร้างบารมี
กิจกรณีย์ ทำพระนิพพานให้แจ้ง
พระพุทธองค์ ทรงยกย่อง
 บิดามารดา เป็นเทวดาของ..บุตร
เป็นพรหม มีเมตตา ไม่สิ้นสุด
และบริสุทธิ์ ประดุจ อรหันต์
คนกตัญญู คนดี ที่ประเสริฐ
มีศรัทธา ปัญญาเลิศ เทิดบารมี
มหาชนได้พึ่ง พากินดีอยู่ดี
พ้นภัยพาลี มนุษย์เปรต

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ตนเตือนตน (คนเทวดา) ที่ลืมตาเห็น เป็นเช่นภาพยนต์ หรือหนัง ที่คน ดูในโรง เป็นวิบาก ย้อนกลับ โดยตรง คนรู้ทัน จึงปลง ไม่หลงไหล

 ตนเตือนตน
(คนเทวดา)


ที่ลืมตาเห็น เป็นเช่นภาพยนต์
หรือหนัง ที่คน ดูในโรง
เป็นวิบาก ย้อนกลับ โดยตรง
คนรู้ทัน จึงปลง ไม่หลงไหล

เป็นผลกรรม ทำไว้ในอดีต
เมื่อถึงขีด..ถึงคราว กรรมเก่า ส่งผล
เหมือนต้นผลไม้ ของตน
ปลูกไว้นานโพ้น มากมาย

ถ้ากรรมดี เป็นผลไม้ดี มีรสชาติ
น่าอนาถ กรรมไม่ดี มีพิษ
สุขหรือทุกข์ คือกรรมตามติด
ชีวิต สุดคาดคิด เป็นอย่างนี้

เมื่อเราทำ กรรมดี ในปัจจุบัน
บุญนั้น จะยังไม่ส่งผล
แต่จะไปเชื่อมต่อบุญวาสนา อันไกลโพ้น
ให้มีผล นำมาใช้ ในปัจจุบัน

วาสนามาเป็นสาย ด้วยทำบุญไม่ขาด 
นี้เป็นชีวาต เราลิขิต ชีวิตเราเอง
ทำดีได้ ทั้งเก่ง ทั้งเฮง
ทำชั่วได้ชั่ว เจ๊ง ทำเองทั้งนั้น

เมื่อประสพทุกข์ ก็อย่าดูถูกตน
จงชมตน เป็นคนได้ ก็เก่งมากแล้ว
มีทุกข์ก็ดี รักษาสติ ได้บารมีแจ๋ว
ชีวิต เหมือนมีแก้ว..สารพัดนึก

ตนเตือนตนได้ ใช่ ยอดคน
ไม่ปล่อยใจให้ตกให้หล่น คนเทวดา
มีสติ มีปีติ เป็นภักษา
มีชีวิต สุขสมปราถนา ทุกประการ

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2565

คนเทวดา (มีปีติเป็นภักษาหาร) ชาวสวรรค์สะบาย ไม่ต้องทำมาหากิน แต่มนุษย์บนดิน ต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีวี ด้วยชาวสวรรค์นั้น มีอาหาร คือปีติ คอยบันดาล ให้เกิดมี ตามใจปราถนา

คนเทวดา
(มีปีติเป็นภักษาหาร) 

ชาวสวรรค์สะบาย ไม่ต้องทำมาหากิน
แต่มนุษย์บนดิน ต้องดิ้น หาเลี้ยงชีวี
ด้วยชาวสวรรค์นั้น มีอาหาร คือปีติ
คอยบันดาล ให้เกิดมี ตามใจปราถนา

คนเราก็ปีติได้ ด้วยทำใจ ให้เลื่อมใสศรัทธา
แล้วตั้งใจแสวงบุญญา สุดชีวิต
ทานศีลภาวนา สม่ำเสมอ สุดขีด
ทุ่มชีวิต สร้างบารมี

หลวงปู่ฯขอเพียงว่า มีสัจจะ เป็นคนจริง
จริงแสนจริง อย่างยิ่ง แล้วละก็
จะเป็นอัศจรรย์ ไม่ใช่ฝัน ไม่ต้องขอ
จะมีเกินพอ สมปราถนา ทุกประการ

เดินทางบุญ ใจย่อมอบอุ่น มีปีติ
สุขสมปราถนา ย่อมเกิดมี มาเอง
เป็นเทวดาเดินดิน ทั้งเก่งและเฮง
มันเป็นไปเอง ด้วยบุญเป็นอัตตา

จริงแค่ไหน หลวงปู่ฯบอกให้ เท่าชีวิตซิ
ชีวิตนี้ อุทิศให้พระศาสนา 
ไม่ลด ไม่เลิก อดทนฟันฝ่า
วิริยะ อุตสาหะ ฝ่าฟัน

คุณธรรมสัจจะ พาให้ได้บารมี
มีความปีติ เปรมปรี หาที่เปรียบไม่ได้
เป็นคนใหม่ ไม่ใช่คนเดิม กลับกลาย
ชีวิตพลิกผันได้ กลายเป็นคนมหัศจรรย์

คนมหัศจรรย์ แม่นมั่น คือคนเหนือฟ้า
แม้เทวดา ยังลงมากราบไหว้
ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้
เป็นคนอจินไตย สุขสมปราถนา ทุกประการ

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2564

รักตน (คือคนเทวดา) ความรัก ไม่อาจจัก เสมอด้วยบุตร เป็นคำพูด ของเทวดา พระพุทธองค์ตรัส ความรักไม่อาจ เสมอด้วยตน ถูกกว่า คนธรรมดา คิดไม่ถึง ตลึงงง

 รักตน
(คือคนเทวดา)

ความรัก ไม่อาจจัก เสมอด้วยบุตร
เป็นคำพูด ของเทวดา
พระพุทธองค์ตรัส ไม่อาจเสมอด้วยตน ถูกกว่า
คนธรรมดา คิดไม่ถึง ตลึงงง

ความรัก แผ่เมตตาปกปัก รักษา
เมื่อมีภัยนาๆ มีอุเบกขา สละชีวาตน
มารดารักบุตร สุดรักกว่าทุกคน
รักท่วมท้น เกิดอานุภาพ ขับไล่มาร
 บิดามารดา ท่านจึงเปรียบว่า เป็นพระ
มีเมตตาอุเบกขา ประดุจอรหันต์ ของบุตร
เมื่อมีมาร เป็นหน้าที่ของท่าน สุดสุด
ป้องกันบุตร สุดชีวิต
ดูเหมือนว่า พระอรหันต์ ไม่รักตน
ต้องดิ้นรน ไม่คำนึงถึงตน ช่วยเหลือคนอื่น
ด้วยเมตตาและอุเบกขา สละชีวา อย่างใจระรื่น
การช่วยเหลือคนอื่น ได้บารมี ที่วิเศษ
 ผู้ที่ให้ คือผู้ที่ได้ พระจอมไตรตรัส
ได้ชัดๆ คือ ได้บุญบารมี
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน สมบูรณ์ดี
นี้คือคำตรัส พระชินสีห์ ขณะจะเข้านิพพาน
ดังนั้น การให้ ใช่ คือการรักตนที่สุด
ทำตนเองให้หลุด ให้พ้นภัย ในสังสาระ
รักเสมอตนไม่มี แสวงบุญสร้างบารมี นั่นหละ
และโลกก็จะ..ไม่ช้ำ ธรรมก็จะไม่เสีย
 สัญชาตญาณ ของมารดา สละทุกอย่าง
แม้กระทั่งชีวา รักษาชีวิตบุตร
ป้องกันอันตราย ไม่ดูดาย ประดุจ
แม่ไก่กล้าสุด ไม่กลัวเหยี่ยวร้าย ไล่ตะเพิดนั้น
ก็ได้ชื่อว่า แสวงบุญสร้างบารมี
อันหมายถึง สละชีวี เพื่อจะได้ของมีค่าที่สุด
เป็นการรักทั้งตน รักธรรม เยี่ยมยุทธ
รักที่สุดคือตน รักใดไม่เสมอ


;;;;;;;;;;